อันเมาเหล้า...เช้าสายก็หายไป
เปล่าค่ะ....ไม่ได้มาว่าเรื่องคำกลอนบาทนี้ของท่านสุนทรภู่หรอก
แต่ช่วงนี้อยู่ระหว่างกำลังค้นหา สูตรยาดองเหล้าอยู่ 5555 แรงบันดาลใจเกิดจากการไปช้อปปิ้งมาวันก่อนที่ร้านอาหารแบบชีวจิต เขามีน้ำกระชายทำไว้ค่ะ...ก็เลยลองเอามาดื่ม ปรากฏว่า...เหอ เหอ เหมือนดื่มน้ำแกงเขียวหวานเลย.....เลยคิดถึงยาดองเหล้าขึ้นมาติดหมัด.....อือม์ เกี่ยวกันไหมนี่....ก็เกี่ยวละนะคะ.... ตัวเองก็คิดอยากทำยาดองขึ้นมาเองหรือทดลอง ต้ม ชนิดไม่ผิดกฎหมายคือเป็นประเภทหัวเชื้อที่มีใบอนุญาต ทำเป็นประเภท อุ สาโท โอท๊อป (สินค้าภายในครัวเรือน....เอิ๊กกก)
เลยลองสะสมสูตรดู เท่าที่รวบรวมได้ก็นิดๆหน่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นตำราที่เอาเหล้าขาว (เหล้าโรง) มาเป็นหลัก..
บางตำราเขาว่า น่าจะกลั่นเหล้าขาวเอง จะได้มากกว่า 45 ดีกรีด้วยซ้ำ ....แฮ่ม....เสี่ยงต่ออนาคตของตัวเองมากมาย แต่ดีที่ยังหาซื้อหัวเชื้อมะด้าย นะเนี่ย..... 5555
สูตรตัวยาที่จะนำไปดองเหล้าขาว ที่เป็นพื้นๆ ทั่วไปนะคะ
:- จะค้าน (Piper sp.) พบกระจายตามป่าดงดิบ และป่าดิบเขาทางภาคเหนือ มีสรรพคุณเป็นยาธาตุ
:- ฝาง (Caesalpinia sappan) พบกระจายตามป่าผลัดใบ และป่าหินปูนทั่วไปในประเทศไทย แก่นของพืชชนิดนี้มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต แก้ปอดพิการ ขับเสมหะ และขับระด
:- ปิดปิวแดง (Plumbagoindica) มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย และถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ และใช้เป็นพืชสมุนไพรตามบ้านเรือนในประเทศไทย รากของพืชชนิดนี้มีสรรพคุณในการขับประจำเดือน กระจายลมบำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุไฟ เป็นต้น
:- กำลังเสือโคร่ง (Betula alnoides) พบกระจายตามที่โล่ง หรือพื้นที่เปิดใหม่ในที่สูงทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทยที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 800 - 1,600 เมตร เปลือกใช้เป็นยาบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
:- มะเขือแจ้เครือ (Securidaca inappendiculata) พบตั้งแต่อินเดียตอนเหนือถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามป่าริมธารน้ำที่ระดับความสูง 200-700 เมตรของไทย ทั้งต้นของพืชชนิดนี้ใช้ต้ม หรือดองเหล้าเป็นยาแก้ปวดหลังบั้นเอว
:- รางแดง (Ventilago denticulata) พบตามป่าชื้น ริมลำธารทั่วไปในประเทศไทย เถาของรางแดงมีสรรพคุณช่วยแก้กระษัย แก้เส้นเอ็นตึง เข้ายาเจริญอาหาร และยาอายุวัฒนะ
:- พริกไทย (Piper nigrum) พบปลูกอยู่ทั่วไปในแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อนชื้น สำหรับในประเทศไทยพบปลูกมากที่จังหวัดจันทบุรี ผลพริกไทยสามารถขับลม บำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร
:- ฮ่อสะพานควาย (Reissanithia grahamii) พบในอินเดีย พม่า มาเลเซีย และตามป่าดิบริมน้ำในประเทศไทย เถาใช้ดองเหล้าดื่มบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย
:- กำลังช้างเผือก (Hiptage bengalensis var. candicans) พบกระจายพันธุ์ในอินเดีย จีน มาเลเซีย และพบตามป่าผลัดใบที่ระดับความสูง 300-900 เมตร ทั่วทุกภาค (ยกเว้นภาคใต้) ของไทย แก่นของพืชชนิดนี้มีสรรพคุณบำรุงกำหนัด เป็นยาอายุวัฒนะ เจริญอาหาร แก้อ่อนเพลีย ขับลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ
:- ดีปลี (Piper retrofrctum) มีถิ่นกำเนิดที่เกาะโมลัคคาส ในมหาสมุทรอินเดีย และสามารถปลูกขึ้นได้ดีทั่วไปในเอเชียเขตร้อนชื้น เถาของพืชชนิดนี้แก้ลมช่วยเจริญอาหาร ดอกใช้ปรุงเป็นยาธาตุ ส่วนรากใช้แก้เส้นอัมพฤกษ์ และอัมพาต
:- จะค้านแดง (Piper sp.) พบตามป่าชื้นในภาคเหนือ มีสรรพคุณบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง
:- โด่ไม่รู้ล้ม (Elephantopus scaber) พบทั่วไปตามทุ่งหญ้า ชายป่าและป่าละเมาะ ตลอดลำต้นของโด่ไม่รู้ล้มมีสรรพคุณแก้เหน็บชา บำรุงหัวใจ บำรุงกำหนัด ขับน้ำเหลืองเสียเป็นยาบำรุงหลังคลอด
:- เปล้าใหญ่ (Croton oblongifolius) พบกระจายในอินเดียจนถึงอินโดจีน ตามป่าเต็งรัง และป่าผลัดใบ ทั่วไปในประเทศไทย ต้นของเปล้าใหญ่ใช้ต้มดื่ม แก้ปวดเมื่อย ใบมีสรรพคุณบำรุงธาตุ ผลใช้ดองสุราดื่มขับเลือดหลังคลอด เปลือกต้น และกระพี้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร เหลือต้นและใบสามารถบำรุงโลหิต เป็นต้น
:- ม้าแม่กล่ำ (Polygala chinensis) กระจายในเอเชียเขตร้อนชื้น โดยพบทั่วไปตามป่าดงดิบ หรือป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างชื้น ทั้งต้นของมันใช้ดองเหล้าดื่มแก้ปวดหลังปวดเอว
:- มะเขือแจ้ป่าแพะ (Polygala crotalarioides) พบตามป่าผลัดใบในภาคเหนือของประเทศไทย มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง
:- มะเขือแจ้ (Solanum aculetissima) เป็นพืชปลูกทั่วไป มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำหนัด
:- หัสคืน (Croton birmanicus) ปลูกในพม่า และภาคเหนือของประเทศไทย ใบของพืชชนิดนี้ช่วยแก้เหน็บชา
:- ลมแล้ง (Cassia fistula) พบกระจายตามป่าผลัดใบในประเทศไทย ฝักของลมแล้งช่วยแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ส่วนรากใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
:- เขืองแข้งม้า (Leea indica) พบกระจายในอินเดีย พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และตามป่าโปร่งค่อนข้างชื้นทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ระดับความสูง 500 -1000 เมตร ในประเทศไทย รากของพืชชนิดนี้แก้ปวดเมื่อยตามร่างกายและช่วยขับลม
:- จุ่งจาลิง (Tinospora crispa) พบตั้งแต่อินเดีย จีน จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลูกเป็นพืชสมุนไพรตามบ้าน และพบตามป่า และป่าผลัดใบของไทย เถาและลำต้นช่วยขับเหงื่อ บำรุงกำลัง และช่วยเจริญอาหาร
:- ขี้เหล็ก (Cassia siamea) พบทั่วไปในเขตเส้นศูนย์สูตร นิยมปลูกเป็นไม้ให้ร่มริมทาง รากของขี้เหล็กช่วยให้เจริญธาตุไฟ แก้เหน็บชา บำรุงธาตุ เปลือกช่วยแก้กระษัย แก่นใช้แก้ธาตุพิการ แก้เส้น แก้กระษัยบำรุงโลหิต และใบช่วยเจริญอาหาร
:- สีเสื้อน้อย (Vitex trifolia) นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ และยาสมุนไพรทั่วไป รากมีสรรพคุณในการบำรุงธาตุ แก้ปวดตามข้อ ใบใช้บำรุงน้ำดี แก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อ เมล็ดช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงร่างกาย ที่มา //ittm.dtam.moph.go.th/data_all/articles/article14.htm
ต่อไปเป็นจำพวก พลิกแผลง ค๊อกเทล (รึเปล่าไม่รู้...แต่น่าลองมากๆๆก๊า)
สูตร1 ลำใยแห้ง ๕ บาท กระชายดำ ๕ บาท โด่ไม่รู้ล้ม ๓ บาท ม้ากระทืบโรง ๓ บาท เถาวัลย์เปรียง ๓ บาท เหงือกปลาหมอ ๒ บาท หนุมานประสานกาย ๒ บาท (หาได้ตามร้านขายยาโบราณ กรมเจ้าเป๋อ) โสมอั้งเซียม ๑ บาท ตังกุย ๑ บาท เส็กตี่ ๑ บาท ดองใส่เหล้า ๕ ขวด น้ำผึ้งแท้พอประมาณ แล้วดอง ๑ อาทิตย์
สูตร 2 ยาดองเหล้าแสงสว่างตราค้างคาวกับเสือ 11 ตัว ผสมกัน เขาว่าเมาดีนักแล (อันนี้ว่างๆจะลอง )
สูตร 3 เรียกว่าสูตรกระชายดำ อันนี้ ต้อง เอากระชายมา 1-2 ขีดปอกเปลือกฝานบางๆ เหล้าขาว 2 ขวด แล้วเติมน้ำผึ้งเข้าไปหน่อย พวกนี้ดอง 5-7 วัน ค่อยนำมาทาน สูตร สุดท้าย...เมาแบบประหยัด เหล้าขาวครึ่งขวดผสมกับแป๊บซี่เล็ก (ขนาดธรรมดา) 1 ขวด ใส่ในขวดน้ำขาวขุ่นราคา 5 บาท เขย่าให้เป็นฟองฟู่สัก 15 วินาทีแล้วเปิดฝาขวดออกจะมีแรงดันคล้ายๆเปิดแชมเปญ (เปลี่ยนจากเป๊บซี่เป็นน้ำแดง.....เคยลองกันแล้วเรียกว่า สูตรรับน้องค่ะ เมากลิ้งโคโร่เชียวละ)
ที่มา //www.gunsandgames.com/smf/index.php?PHPSESSID=30e91ad9379f5198db14bbb80325572c&topic=17230.0
เวลาดื่มก็อย่าดื่มให้เมาจนขาดสติเลยนะคะ โบราณท่านว่าไว้
๑ แก้ว นงนุช ๒ แก้ว พุทธวาจา ๓ แก้ว แกล้วกล้าพูดจาฉลาด ๔ แก้ว วาจาองอาจ ผ้าขาดไม่รู้ตัว ๕ แก้ว เมามัว ไม่กลัวความผิด ๖ แก้ว แผลงฤทธิ์ พูดผิดทุกคำ ๗ แก้ว หน้าดำ มือคลำหาทาง ๘ แก้ว ตาฟาง เห็นช้างเท่าหมู ๙ แก้ว โฉมตรู สุดรู้พี่แล้ว ๑๐ แก้ว น้องแก้วตายแล้ว นางมโนรา (คือ เมาจนเห็นคนบินได้แล้วละค่ะ)
ไปดีกว่า.....เขียนไปเขียนมา.....เริ่มจะมึนตัวเอง เอิ๊กกก
|
โตมิโต กูโชว์ดะ
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [ ?]
ร่างทรงของ "วรรณวรรธน์" โปรดอย่าถามว่าเป็นใครในอดีต รู้แต่ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่ เท่านั้นก็มากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้รู้จักกันแล้ว
1 3 4 5 6 7 9 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 30
|
|
|
|
นึกถึงเพลงนี้เลยค่ะคุณโตมิฯ