Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
4 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

นั่งดูรูปตอนไปตรุษจีนปีนี้ .. ขอเขียนถึงย่าหน่อยนะ ..

เมื่อต้นปี (22 ม.ค.2555) ไปไหว้ตรุษจีนที่บ้านต่างจังหวัด (ดำเนินสะดวก, ราชบุรี) ก็ไปรวมญาติกันเหมือนทุกๆ ปีนั่นแหละ ได้เจอหน้าปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา พี่ๆ น้องๆ ที่พร้อมใจกันมาไหว้บรรพบุรุษ พวกเราอยู่กรุงเทพฯ ไกลจากญาติๆ เวลาไปแต่ละทีก็จะต้องมีของกินของฝากให้กลับมากินกันเพียบซะทุกครั้งไป เป็นน้ำใจ, ความเป็นห่วงใยและหวังดีที่มีให้กันอย่างไม่เคยเสื่อมคลายจากญาติพี่น้อง แม้ว่าทุกวันนี้แต่ละคนจะมีลูกๆ หลานๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันไปหมดแล้ว

เดี๋ยวผมจะบรรยายด้วยภาพประกอบเอนทรี่นี้ไปพร้อมๆ กันเลย .. อ่านแล้วอย่างเพิ่งงงกันนะครับ .. 555+

เนื้อเรื่องกับคำบรรยายภาพอาจไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่ เพราะเดิมทีผมแค่อยากจะเขียนถึงย่าเพราะคิดถึงแค่นั้น แต่พอดูภาพแล้วเลยอยากจะเล่าเรื่องราวเก่าๆ ให้ฟังด้วย เลยเขียนลงไปตรงคำบรรยายภาพแทน ทำไปทำมาปรากฎว่า ตอนนี้คำบรรยายภาพจะเยอะกว่าเนื้อหาไปแล้วเนี่ยะ

บ้านลุงเหลียว (เฉลียว) ลุงของป๊ะป๋า .. อยู่ริมคลอง ยังสามารถใช้การสัญจรทางน้ำกันได้อยู่ด้วย .. แต่ถนนก็ตัดผ่านเข้าถึงรั้วบ้านแล้วล่ะ สะดวกสบายขึ้นเยอะเลย หากเป็นสมัยก่อนถ้าจะเข้ามาบ้านนี้ ก็ต้องเดินเลาะมาตามคันดินริมคลองผ่านมาตามท้องสวนของเพื่อนบ้าน .. หรือไม่ก็ต้องใช้เรือเท่านั้น ..

 
ร่องสวนของบ้านลุงเหลียว ยังคงความเป็นธรรมชาติ ปลูกผลหมากรากไม้อยู่เหมือนเดิม / ลำคลองที่มีอยู่ในสมัยก่อน ก็ไม่ได้หายไปไหน ผู้คนแถวนั้นก็ยังคงใช้สัญจรไปมากันตามปกติ

ถ้าเห็นเสาไฟฟ้าแบบนี้ มีเรือพายอยู่บนหัวเสา .. ก็เป็นอันรู้ได้เลยว่าที่ไหน ..? เมื่อก่อนไม่มีหรอก แค่เสาไม้ผุๆ กับสายไฟเส้นเล็กๆ สองเส้นก็ดีถมไปแล้วสำหรับบ้านสวนแบบนี้ แต่พอตลาดน้ำเป็นที่โด่งดังขึ้นมา เลยเปลี่ยนใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม

ขอเล่าความทรงจำเก่าๆ หน่อยนึงละกัน ..

ภาพของแสงไฟสลัวๆ ดวงเล็กๆ ยามค่ำคืนยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำอยู่เลย เพราะความสว่างจากหลอดกลมแบบไส้ดวงเล็กๆ ที่ให้แสงช่างริบหรี่เหลือทนและรอบๆ ข้างก็มีแต่ร่องสวนดำมืดทะมึนกับต้นมะพร้าวสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านตัดกับท้องฟ้าที่สว่างโพลงไปทั่วด้วยแสงจันทร์ยามค่ำในคืนข้างขึ้นกอรปกับสายลมอ่อนๆ พัดให้ใบพริ้วไหวแกว่งโยกเยกไปมาเกิดเสียงแกรกกรากบาดความรู้สึกเสียเหลือเกิน มองไปมันชวนให้ขวัญผวาจิตใจกระเจิดกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เวลาได้ยินเสียงมะพร้าวหล่นตุ้บลงมา บรื๋อว์ .. หัวใจแทบหยุดเต้น อยากจะกรี๊ดให้ดังๆ แล้วรีบวิ่งไปให้พ้นๆ จากบริเวณนั้น เพราะเหมือนเจ้าต้นมะพร้าวมันจะเปลี่ยนหน้าตาเป็นอย่างอื่นแล้วเดินง่อนแง่นตามเรามาติดๆ .. อ๊ากกกซ์ .. สยอง .. ขนลุกเลยอ่ะ ..) เวลาที่พ่อผมขับรถไปหาย่าแล้วต้องเอารถไปจอดฝากไว้ที่ท่ารถ (ตรงที่เป็นตลาดน้ำนั่นแหละ สมัยก่อนเค้าจะมีข้าวของผลผลิตต่างๆ จากชาวสวนแถวๆ นั้นมาขึ้นที่ท่านี้ จะมีรถสิบล้ออีซูซุหน้ายิ้มของเหล่าพ่อค้าที่มาจอดนอนรอรับซื้อผลผลิตกันที่นี่แหละ ต่อมาภายหลังก็เลยกลายเป็นตลาดน้ำชื่อดังจนทุกวันนี้ ..)

แล้วก็เดินๆๆๆๆ ออกมารอขึ้นรถสองแถวยามค่ำคืนเพื่อไปลงหน้าวัด มันช่างเป็นเวลาที่อึดอัดทรมานใจผมเป็นที่สุดเพราะบังคับใจไม่ให้จินตนาการถึงความน่ากลัวนั้นไม่ได้ ถ้ามาหลายๆ คนก็พอว่าอยู่ แต่ถ้ามาคนเดียวเมื่อไหร่ ผมจะต้องขอเข้าไปนั่งด้านในสุดของรถสองแถว ไม่ยอมนั่งด้านท้ายโดยเด็ดขาด ทั้งที่ประมาณไม่ถึงกิโลก็ถึงหน้าวัดแล้ว
จากนั้นก็เดินข้ามสะพานหน้าวัดโชติฯ เข้าไปตามคลองจนสุดทางเพราะบ้านย่าจะอยู่หลังสุดท้ายปลายคลองก่อนจะเลี้ยวไปบ้านลุงเหลียว สะพานไม้ที่เดินเข้ามาจะสุดแค่กลางคลองแค่นั้น แล้วต้องข้ามสะพานไม้แผ่นเดียวลงมาเดินที่ทางเล็กๆ เอาแผ่นไม้ปูพอเป็นทางไว้ไม่ให้รองเท้าหนังสวยๆ ต้องมาเลอะดินเทอะโคลน เดินเลาะเลียบไปตามริมคลองจนไปสุดที่บ้านย่า และจากนั้นหากใครจะเดินเข้าไปบ้านข้างในก็ต้องเดินไปตามคันดินผ่านร่องสวนไปเรื่อยๆ หากไม่งั้นก็ต้องพายเรือเข้า-ออกแทน

เอ้า .. กลับมาเข้าเนื้อเรื่องกันต่อ ..

จากรุ่นปู่ย่า .. มาถึงรุ่นพ่อแม่ จนมาถึงรุ่นของเราและกำลังผ่านไปสู่รุ่นของลูกหลาน จากรุ่นสู่รุ่นที่มีสายเลือดร่วมกัน แม้จะแบ่งแตกแขนงแยกวงศาคณาญาติออกไปอีกหลายสาย ต่างคนต่างก็มีครอบครัวของตัวเอง แต่อย่างไงเสียก็ยังคงมีบรรพบุรุษร่วมกัน เมื่อถึงวันสำคัญแบบนี้ก็ได้มาเจอกัน ได้ร่วมกินข้าวด้วยกัน พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ได้เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละคนแบ่งปันให้พี่ๆ น้องๆ ได้รับรู้ความเป็นไปล่าสุดของแต่ละคน เพราะทุกคนเนี่ยะเมื่อก่อนก็แก้ผ้ากระโดดน้ำคลองวิ่งเล่นตามร่องสวนตากแดดจนตัวดำมาด้วยกันทั้งนั้น เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไม่ให้มันห่างเหินกันไปตามหมู่เหล่าตระกูลที่เพิ่มเข้ามา

 
หลังบ้านลุงเหลียวก็ติดคลองอีกเหมือนกัน แถมยังมีทางเดินปูนกว้าง ให้เดินไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวก ไม่ต้องไปเดินตามคันดินร่องสวนกันอีกแล้ว เหล่ารถมอเตอร์ไซค์เลยได้อานิสงฆ์มาใช้ทางเส้นนี้วิ่งร่วมกันกับคนเดินเท้าด้วยอีกต่างหาก / คลองนี้เมื่อก่อนเป็นหน้าบ้าน ตอนนี้เป็นข้างบ้านไปแล้ว สมัยเด็กๆ ถ้าไม่เดินมาจากหน้าวัดโชติฯ แล้วเดินเลาะร่องสวนมา ก็พายเรือมาตามตลองนี้แหละ / ถึงมีถนนตัดผ่านพัดพาเอาความเจริญเข้ามาถึงในบ้านสวนแล้ว แต่ชีวิตประจำวันของคนที่นี่ก็ยังคงผูกพันอย่างลึกซึ้งกับแม่น้ำลำคลองเหมือนเช่น 30-40 ปีก่อนโน้นอยู่เช่นเดิม

ในบ้านหนึ่งๆ ก็จะมีอย่างน้อย 2 เชื้อสายแล้วที่เข้ามารวมกัน ซึ่งในแต่ละสายก็จะต้องมีต้นตระกูลของตัวเอง ดังนั้นวันปีใหม่แบบนี้ สำหรับพวกเราอย่างน้อยๆ ก็ต้องไปไหว้กันสองที่แหละ คือไปไหว้ตาทวดของเอแคลร์ที่เป็นทางฝ่ายคุณย่าเอแคลร์ที่นครชัยศรีก่อน แล้วจากนั้นก็เลยไปไหว้ย่าทวดของเอแคลร์ที่เป็นฝ่ายทางคุณปู่เอแคลร์ที่ดำเนินสะดวกต่ออีกที พวกเราเลยต้องออกเดินทางกันแต่เช้ามืดเพื่อไปไหว้ให้ทันทั้งสองที่

 
พี่น้องรุ่นนี้ 3 คนอายุรวมกันเกิน 200 ปีแล้วเนี่ย .. นี่ยังถ่ายมาไม่ครบนะ .. ยังแข็งแรงกันทุกคน / จุดประทัดให้เสียงดังๆ จะได้มีชื่อเสียงโด่งดังขจรไกล เป็นที่นับถือนิยมชมชอบ (หรือเปล่าก็ไม่รู้ .. อันนี้ผมเดาเอาเองอ่ะ ..)

 
อิ่มกันแล้ว .. เลยชวนน้องเอแคลร์ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันในสวน .. / แดดร้อนนะ .. แต่ไม่อบอ้าว เพราะต้นไม้ใหญ่เยอะแยะ มีร่องสวน มีน้ำ มีคลอง สมัยนี้คงต้องไปเสียเงินเข้าพักแพงๆ ตามรีสอร์ทที่พยายามจัดแต่งขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้ซึมซับบรรยากาศแบบนี้ แต่พวกเราโชคดีที่ไม่ต้องซื้อหาแต่อย่างใดเหมือนที่ใครๆ ต่างโหยหากันในปัจจุบัน / ต้นมะพร้าวสูงใหญ่ ทั้งสวนมีหลายต้น อีกหนึ่งในผลผลิตที่ไม่ต้องการดูแลอะไรมากมาย แต่มีให้ขายได้ตลอด

เอแคลร์โชคดีที่ยังโตขึ้นมาทันก่อนย่าทวดจะเสียไป ยังได้อยู่กับย่าทวดจนอายุได้ 4-5 ขวบเลยยังจำย่าทวดได้ ตอนเอแคลร์เกิด ย่าทวดก็ 80 กว่าแล้วแต่ยังแข็งแรงดี ไม่หลงไม่ลืม ยังอ่านหนังสือพิมพ์ได้รู้เรื่อง ยังได้ช่วยเลี้ยงเอแคลร์ตอนเล็กๆ อยู่เลย ตอนนั้นเอแคลร์ยังเพิ่งจะหัดคลาน ย่าทวดยังบอกเลยว่าคลานเร็วจริงๆ ตามไม่ทัน จนย่าทวดมาเสียไปเมื่อซัก 3-4 ปีที่แล้วนี่เอง พอตรุษจีนทีนึงก็ได้กลับไปไหว้ย่าทวดกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ดำเนินฯ ส่วนไปทำบุญกระดูกที่วัดโชติฯ ก็ไปกันทุกปีอยู่แล้ว

 
บ่ายๆ ก็ลงมานั่งคุย นั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำแบบนี้ ที่นี่จะมีศาลาแบบนี้กันแทบทุกบ้านอยู่แล้ว เดี๋ยวๆ ก็มีเรือผ่านมาขายของกินให้ได้ซื้อกินเพลินๆ ทั้งวัน / จะออกไปไหนก็เอาเรือลง แล้วพายไปเองไม่ต้องเปลืองน้ำมัน เด็กบ้านสวนต้องพายเรือกับว่ายน้ำเป็นกันทุกคนอยู่แล้ว จะมีแถมเพิ่มมาก็ปีนต้นมะม่วง ยิงหนังสติ๊ก ดีดลูกหิน ทอยตุ๊กตุ่น ตกปลาและอื่นๆ ก็ตามความถนัดเพิ่มเติมของแต่ละคน

เด็กรุ่นเดียวกับน้องเอแคลร์นี่ยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบเด็กชาวสวน ความสนุกแบบบ้านๆ ที่เด็กๆ ไม่ว่าที่ไหนก็เข้าถึงได้อย่างไม่ยากเย็น วิ่งเล่นตะลุยไปตามสวน ปีนต้นไม้ เตะต้นกล้วย จับจักจั่น หน้าน้ำท่วมก็ลงมาวิดปลาไล่จับกันสนุกสนานเลอะเทอะเปรอะเปื้อนโคลนดินกันไปตามประสา ซึมซับกลิ่นอายของวิถีชนบทกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน รู้สึกติดดินใกล้ชิดกับธรรมชาติ ผมถึงพยายามพาน้องเอแคลร์ไปทุกครั้งที่มีโอกาส

 
เวลาเดินช้า ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องเร่งรีบให้ร้อนอกร้อนใจ ไปเก็บเกี่ยวความอบอุ่นในหมู่ญาติพี่น้อง / ปลีกล้วย .. ไม่ได้เห็นมานานแล้ว ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในเมือง อยากกินก็ไปหาในห้าง .. สะดวกซื้อ สบายจ่าย ..

จริงๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก แค่พอเห็นรูปตอนไปตรุษจีน ก็เลยคิดถึงย่าทวด (ของเอแคลร์ แต่เป็นย่าของป๊ะป๋าว่ะ) ขึ้นมา ย่าทวดเลี้ยงเด็กในครอบครัวนี้มา 3 รุ่นเลยตั้งแต่รุ่นพ่อของป๊ะป๋า(ลูก) จนมาถึงรุ่นป๊ะป๋า(หลาน) แล้วยังได้เลี้ยงน้องเอแคลร์(เหลน)อีกด้วย

พวกเรายังคิดถึงย่าอยู่เสมอนะครับ ..

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ.2555 เวลา 19:05 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass




 

Create Date : 04 กันยายน 2555
1 comments
Last Update : 28 เมษายน 2556 11:01:51 น.
Counter : 1429 Pageviews.

 

ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
เหตุการณ์ดีๆสุขภาพที่แข็งแรง
รวมทั้งความรัก
ที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ


 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 11 เมษายน 2556 19:46:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.