Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Welcome Back .. Pentax Z-10 ..

เมื่อวันก่อนนั่งอ่านเวบบอร์ดที่เล่นประจำอยู่ ก็มีการพูดกันถึงกล้องฟิล์ม โดยมีคนเปิดประเด็นถามถึงว่ามีใครในบอร์ดที่ยังถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มอยู่บ้าง ก็ได้รับคำตอบว่ายังมีอีกหลายคนทีเดียวเพียงแต่จะเป็นการถ่ายเป็นครั้งคราวเพื่อรำลึกความหลังซะเป็นส่วนใหญ่

อ่านแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจ อันตัวเรานี่ก็เติบโตมาในยุคของกล้องฟิล์มเหมือนกัน ยังมีความหลังฝังใจที่ดีๆ กับการล้างอัด เฝ้ารอถึงการได้เข้า DarkRoom เพื่อไปเจอกับไฟแดงๆ สลัวๆ ล้างฟิล์มกัน อัดรูปกันเอาไปใส่อ่างแล้วตากให้แห้ง เฝ้ารอดูผลงานแห่งความภูมิใจที่อุตส่าห์พากเพียรตรากตรำไปถ่ายกันมา

บางทีก็ดูไม่ได้เรื่องเอาซะเลย อันเดอร์ไปซะครึ่งม้วนล้างเสร็จแทบจะหมดกำลังใจ จะมีถ่ายได้บ้างเสียบ้างคละกันไป ตอนหัดใหม่ๆ วัดแสงก็ยังไม่แม่น เจอสภาพแสงยากๆ ก็จอดแล้ว บางทีกำลังอัดรูป เพื่อนตัวดีดันเปิดประตู LAB พรวดเข้ามา เฮ้ยยยย .. ภาพตรูดำไปครึ่งนึง เซ็งเรย

สมัยนั้น (ประมาณปี 2534-2535) เริ่มต้นพวกเราจะเรียนกันด้วยฟิล์มขาว-ดำ ยุคนั้นเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันจะใช้กล้องรุ่นฮิตในหมู่นักศึกษาก็คือ Pentax K-1000 นั่นเองจำได้ว่ารุ่นพี่ผู้หญิงที่สนิทกันเค้าก็ใช้ เจ้า K-1000 นี่แหละ แล้วก็แนะนำให้เราใช้กันด้วยจากรุ่นสู่รุ่นกันเลยทีเดียว ราคา (ดอนนั้น) ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 4,900 บาท (ไม่มั่นใจตัวเลข หากผิดพลาดต้องขออภัยด้วย) ส่วนคนที่มีฐานะดีหน่อยก็จะไปเล่น NIKON FM2 ส่วน Canon ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงในหมู่นักศึกษาซักเท่าไหร่

แต่ผมเองที่เป็นคนติดตามเทคโนโลยีไม่ยอมล้าสมัย ช่วงนั้นระบบ Auto Focus กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดและใช้กันในกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่ออกในช่วงปีนั้นแต่เป็นในระดับโปรเป็นส่วนใหญ่ สำหรับ Entry Level แล้วก็มีเจ้า Pentax Z-10 นี่แหละที่เป็นกล้อง Program และ Auto Focus ยอมถ่อสังขารขึ้นรถเมล์ร้อนไปซื้อที่ร้านขายกล้องในซอยข้างพาต้าปิ่นเกล้าเพราะเห็นลงโฆษณาในหนังสือกล้อง สนนราคาตอนนั้นถ้าความจำไม่ผิดพลาดก็อยู่ที่ประมาณ 12,900 บาท แพงเลยทีเดียว แถม Filter, Tripod และกระเป๋ากล้องใบใหญ่อีกใบ เงินหมื่นในสมัยที่ค่ารถเมล์ร้อนยังราคาแค่ 3.50 บาทตลอดสาย ข้าวราดแกงใน ม.รามฯ จานละไม่ถึง 10 บาท ก็นับว่าเป็นจำนวนที่มากโขอยู่สำหรับประชาชนคนชั้นกลางทั่วๆ ไปของไทยในขณะนั้น

ยุคนั้นกล้องที่มีระบบโปรแกรมถ่ายภาพ (ซึ่งก็คล้ายกับโหมด A, S ในสมัยนี้) ก็จะมี NIKON FE, FE2, Canon AE-1 Program ส่วนที่มี Auto Focus ก็จะเป็นพวก MINOLTA MAXXUM 7000 แล้วยุคท้ายๆ ยังมี DYNAX 5, 7 อีกด้วย (อันนี้ไม่ชัวร์ มันนานมากแล้ว) อืมมมม .. มีอะไรอีกน๊า .. จำไม่ได้แล้ว

ส่วน OLYMPUS ต้องขอยอมครับเพราะไม่รู้เลย ไม่ใช่แฟนกบและไม่กล้าพาดพิงถึง เคยได้ยินชื่อแต่ซีรีย์ OM เป็นพวก OM-10 หรือยังไงนี่แหละ ไปถึง KODAK ก็ทำแต่กล้องป๊อกแป๊กใส่ฟิล์มกลักแบบ 110 ซะเยอะ ถ้าเป็นกล้อง Compact ใส่ฟิล์มม้วนแบบ 135 ก็มีในยุคหลัง

มาว่ากันถึงเรื่องฟิล์มกันบ้าง เจ้าพ่อฟิล์มยุคนั้นในระดับหัวแถวก็จะเป็น KODAK, FUJI, AGFA, KONICA ตามลำดับ เป็นยี่ห้อที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าใช้กันทั่ว มายุคนี้ก็มีล้มหายตายจากกันไปบ้าง ที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ ในช่วงนั้นก็ AGFA กับ KONICA นี่แหละไม่แพง เพราะใช้เยอะทั้งกลุ่มถ่ายกันทีนึงก็ร่วม 10-20 ม้วนกันเลย กระดาษอัดอีก โอยยยย .. หมดตรูดกันไปตามๆ กัน (แต่ก็ดี อดเหล้าไปได้เยอะเลย) นี่ขนาดล้างกันอัดกันเองที่มหา’ลัยนะเนี่ย

 

แต่ก็ทำให้ผมติดนิสัยดีๆ จากยุคฟิล์มมาก็คือ ก่อนจะลั่นชัตเตอร์แต่ละครั้งเนี่ย เราจะต้องรอบคอบกับทั้ง foreground / background ว่ามีอะไรแปลกปลอมหลุดเข้ามาในเฟรมหรือเปล่า? ดูแสงดูเงาให้ดี องค์ประกอบ ฯลฯ แล้วกลั้นหายใจ จากนั้นบรรจงกดชัตเตอร์อย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะสมัยนั้นไม่มีหรอก VR / IS / SR หรือระบบกันสั่นทั้งหลาย และที่สำคัญท่องเอาไว้เลยว่า หากพลาดแล้ว delete ไม่ได้ เข้า PS ไม่ได้ ต้องกลับมาถ่ายแก้ใหม่อย่างเดียวเลย ดังนั้นต้องพลาดให้น้อยที่สุดเพราะมันหมายถึงค่าใช้จ่ายต่อรูปที่สูงขึ้นนั่นเอง

พอผ่านมานานร่วม 20 ปีแล้ว อะไรต่ออะไรก็หลงๆ ลืมๆ กันไปบ้าง เหมือนกลับมาเริ่มหัดถ่ายรูปใหม่อีกครั้งเลย ก็ปวารณาตัวเองเป็นมือใหม่แต่หน้าเก่าๆ ของคนแก่ๆ ซะเลย (ฮึ .. ป๋มยังไม่แก่น๊า .. ยังเข้ากลุ่ม สว. ไม่ได้) เอาว่าเป็นแค่มือใหม่แต่หน้าเก่าอย่างเดียวก็พอล่ะ

แต่ดิจิตอลทำให้เราสบายขึ้นเยอะแยะ ถ่ายเสร็จสามารถมองเห็นได้เลย ไม่ต้องรอลุ้นตอนล้างอัด ผิดพลาดก็เห็นกันไปเลย แก้ไขกันเดี๋ยวนั้นเลย มีกันสั่นให้ วัดแสงผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังพอแก้ไขได้ มีลูกเล่นใหม่ๆ ปรับแก้ WB ได้เห็นผลทันที เป็นอะไรที่กล้องฟิล์มหมดสิทธิ์ทำได้ ใครใช้ฟิล์มคงต้องอิจฉาไปตามๆ กัน

ถ้าเราเอาข้อดีของทั้งสองยุคสมัยมารวมกัน น่าจะทำให้การถ่ายภาพของเรามีความสุข สนุกและมีสีสันขึ้นกว่าเดิมอย่างมากแน่นอน
ขอพูดถึงกล้องคู่ใจของผมในสมัยนั้นซักหน่อยนะครับ

Pentax Z-10 เป็นกล้อง SLR ใช้ฟิล์ม Negative มีระบบ Program และระบบ Hyper Manual ซึ่งก็เหมือนกับโหมด A ในกล้องสมัยนี้นั่นเอง เพราะเราเลือกรูรับแสงจากที่เลนส์ แล้วกด Half Release Shutter เพื่อวัดแสง แล้วจะมีปุ่มให้กดแล้วจะปรับค่า Shutter Speed ให้เราโดยอัตโนมัติ มีระบบ Auto focus และสามารถ Zoom โดยใช้มอเตอร์ที่เรียกว่า PowerZoom อีกทั้งสามารถล็อคระยะซูมในระบบ Zoom Clip เพื่อรักษาขนาดของวัตถุให้คงที่เมื่อระยะทางเปลี่ยนไป ช่องใส่ฟิล์มมีแถบที่สามารถอ่านรหัส DX หรือ ISO ได้เพื่อใช้เป้นค่าอ้างอิงในการปรับ Shutter Speed ใน Program & Hyper Manual ทันสมัยสุดๆ เลยในยุคนั้น

 

ไปค้นเจอกล้องตัวนี้อยู่ในตู้เสื้อผ้าของคุณพ่อของผม ในสภาพที่ปุ่มควบคุมเลนส์แตกหักหลุดออกมากองอยู่ที่พื้น เปิดไม่ติดไม่สามารถเช็คอะไรได้เลยว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เลยตัดสินใจออกไปโลตัสแถวๆ บ้านเพื่อซื้อแบตเตอรี่ 2CR5 ที่ร้านอมรในราคา 180 บาท แล้วก็เดินขึ้นไปซื้อฟิล์มที่ร้านอีสบอร์นได้ KODAK GOLD200 มา 1  ม้วนราคา 95 บาท กลับมาลองใส่แบตเตอรี่ดู ปรากฎว่าระบบถ่ายภาพโดยรวมยังคงทำงานได้อย่างราบรื่น จึงเอาเลนส์มาแกะๆ ซ่อมๆ ส่วนที่เสียหายให้เข้าที่เข้าทาง สุดท้ายก็กลับมาทำงานได้เต็มระบบอีกครั้ง

กล้องตัวนี้มีประสบการณ์ที่ดีร่วมกันเยอะแยะ ดีใจมากนะที่ได้กลับมาร่วมทางกันอีกครั้ง ยินดีต้อนรับกลับประจำการนะเจ้าน้องชายคนเก่ง

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ.2554 เวลา 23:15 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass




Create Date : 12 เมษายน 2554
Last Update : 28 เมษายน 2556 2:47:07 น. 2 comments
Counter : 1827 Pageviews.

 
ยินดีด้วยครับ ฟิล์มมันก็มีเสน่ห์ของมันไม่เสื่อมคลายนะครับ ผมมีกล้องฟิล์มอยู่สองตัว ยังใช้ถ่ายเป็นประจำ


โดย: rosemadder IP: 111.84.3.206 วันที่: 21 เมษายน 2554 เวลา:20:01:49 น.  

 
อ้อ ฟิล์มโกดักโกลด์ 200 ที่คุณซื้อมาแพงไปนิดนะครับ ผมซื้อร้านแถวท่าพระจันทร์ม้วนละ 67 บาทเองครับ


โดย: rosemadder IP: 111.84.3.206 วันที่: 21 เมษายน 2554 เวลา:20:04:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.