... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
ตอนที่ 12 Promises /PPP แปล Zigzag พิสูจน์อักษร

POTW : OfInk And Song 2-12

Promises

13th Soseo1789

ในวันถัดมาการตั้งคำถามอย่างละเอียดเป็นไปด้วยความเข้มข้นยุนบกเพิ่มเติมรายละเอียดมากขึ้นกว่าวันก่อนให้กับเถ้าแก่เบและซุกควอนความเหลือเชื่อและความพิศวงทำให้พวกเขาตั้งคำถามกับยุนบกอย่างถี่ยิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมยองฮีหรืออากิโน่ก็ถูกเปิดเผยจนหมดสิ้นคงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายจะสามารถปรับตัวไปเป็นผู้หญิงได้วิธีที่นำมาใช้ช่างแยบยลซุกควอนไม่สามารถช่วยเหลือได้แต่ก็ยอมรับกับความงดงามของรูปโฉมด้วยข้อมูลที่ถูกเปิดโปง ต่อไปเจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นและนางโลมจะอยู่ภายใต้การจับจ้องอย่างเข้มงวดมากขึ้นถ้าหากมีใครจัดอยู่ในประเภทเดียวกับอากิโน่ พวกเขาก็จะถูกค้นพบเมื่อยุนบกเอ่ยปากบอกความต้องการรับตัวลูกสาวของอากิโน่ เถ้าแก่เบก็เห็นใจ

“ข้าขอบใจความประสงค์ของเจ้าที่จะทำตามสัญญาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะปลดปล่อยเด็กหญิงหากแม่ของนางเป็นนางโลมนะ”เถ้าแก่เบออกจะแปลกใจที่ชายหนุ่มต้องการจะรับเด็กมาเป็นห่วงผูกคอตัวเอง

“มันต้องมีวิธีอื่นมากไปกว่าการจ่ายเงินอย่างแน่นอนงั้นหรือครับยุนบกส่งสายตาขอร้องไปยังชายทั้งสอง

“มันก็พอจะมีหนทางอยู่นะ เจ้าแน่ใจนะว่าอยากจะได้อย่างนั้นจริงๆซุกควอนเลิกคิ้วไปทางยุนบก

“ใช่ค่ะอาจารย์ซุกควอน นั่นน่ะคือสิ่งที่เราต้องการค่ะ” ชองฮยางพูดย้ำ ทำให้ซุกควอนพยักหน้า ยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา

“เรื่องของฮักซัน....” เขาเริ่มเรื่อง

“จะเผาเขาเมื่อไหร่ครับ” ยุนบกพูดขัดขึ้น “สิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วครับ”

“ทั้งเขาและมยองฮีจะถูกเผาในวันพรุ่งนี้เถ้าแก่เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในงานเผาศพทั้งหมด โอ้ว...ใช่แล้ว ร่างของสาวใช้บองอึน นางถูกเผาไปเรียบร้อยแล้ว”

“แล้วเรื่องที่แต่งขึ้นเกี่ยวกับการจากไปของมยองฮีคืออะไรคะ” ชองฮยางอยากรู้วิธีที่ซุกควอนจัดการเรื่องราวที่หอนางโลม

“อืม มันก็ยุ่งยากเล็กน้อยเราบอกไปว่านัมฮงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมยองฮีกับสาวใช้” ซุกควอนใช้การจับกุมปกปิดเรื่องราวได้สมบูรณ์แบบ“ส่วนเรื่องอื่นๆก็เป็นไปตามจริงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี้จะต้องถูกจัดระเบียบซะใหม่ ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะไม่ได้ใช้วิธีการสับเปลี่ยนแบบเดิมๆหรอกนะในเมื่อรู้แล้วว่าเราค้นพบความลับนี่แล้ว”

“แล้วทรัพย์สินส่วนตัวของอากิโน่ล่ะครับยุนบกถามขึ้นเพราะไม่คิดว่าอากิโน่จะทิ้งสิ่งสำคัญไว้เบื้องหลัง

“อืมข้าคิดว่าเขาคงเตรียมการทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว เราเลยไม่มีพบอะไรเลยในห้องของเขาน่ะ” ซุกควอนเกลียดนักเมื่อรู้ว่าศัตรูนำหน้าเขาหนึ่งก้าวสิ่งที่เหลือทิ้งไว้คือชัยชนะที่ค่อนข้างอ่อนไหว

“สิ่งที่เหลืออยู่เราจะมอบให้กับลูกสาวของเขาเช่นเดียวกับฮักซัน ข้าจะเข้าไปดูของเขาในภายหลังข้าจะดูว่า...เขาเหลืออะไรไว้บ้าง”

‘สำหรับพาโด’ ซุกควอนอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ เขามั่นใจว่าชายคนนั้นจะฝากบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ให้กับลูกชาย

“ใช้เวลาสองวันไปแดโซ”ยุนบกมองกลับไปที่ซุกควอน คำถามที่ไม่มีเสียงได้แต่เก็บไว้ในใจ

“เจ้าก็รู้นี่ว่าทั้งเจ้าและข้าจะต้องเดินทางไปแดโซเป็นที่แรก” เขายืนยัน

“ไปกันแค่สองคนหรือครับเขาควรจะถามว่าชองฮยางจะได้ไปด้วยหรือเปล่า? ยุนบกมองไปที่ชองฮยางนางอยากจะไปมั้ยนะ?

“ข้าคิดว่า...ข้าควรจะไปด้วยค่ะ” นางพูดจ้องกลับไปที่ยุนบก เขาพยักหน้ารับการตกลงกันภายใต้ความเงียบเป็นการสื่อสารโดยไม่ต้องใช้เสียงหันกลับไปที่ซุกควอนก็ยักไหล่ให้ ซึ่งมันก็น่าจะดีสำหรับเขาแล้ว

เมื่อไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้ก็เท่ากับว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้วซุกควอนได้จัดการนำของใช้ส่วนตัวของชองฮยางกลับมายังบ้านพักเถ้าแก่เบ พอๆกับที่ยุนบกและชองฮยางไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งแสดงละครอีกต่อไปทำให้เหล่าบรรดาสมาชิกภายในบ้านพักของเถ้าแก่เบนึกคลางแคลงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวใช้ชุงซอก จนกระทั่งเถ้าแก่เบรู้จึงทำความเข้าใจว่านางโลมที่เขาอุปถัมภ์อยู่นั้นได้ถูกยกให้เป็นของขวัญให้แก่ยุนบกเพื่อเป็นการตอบแทนมิตรภาพให้กับเพื่อน ไม่ว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่ก็ตามก็ไม่ได้สลักสำคัญต่อคนทั้งสองอยู่แล้ว เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย ทั้งสองเดินทางเข้าไปในตัวเมืองสำหรับช่วงเวลาที่ดีกว่าช่วงอื่นๆของวัน พวกเขาเดินชมตลาดซะจนทั่วเมื่อมีชองฮยางมาด้วยให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมยุนบกคิดว่าเป็นเพราะอยู่กับชองฮยางทำให้เขาผ่อยคลายอย่างแท้จริงในตอนนี้ไม่รีบไม่ร้อน ไม่ต้องมีคนคอยคุ้มกัน หรือกังวลว่าคำพูดของเขาจะทำให้เกิดความข้าใจผิดและนางกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

“นั่นเจ้าถืออะไรอยู่หรือยุนบกพยายามเพ่งดูถุงเล็กๆที่นางถือไว้ในมือในขณะที่ทั้งสองเดินกลับบ้านพักเถ้าแก่ในช่วงเย็น

“เอาไว้ก่อนค่ะ” นางตอบเอาของที่ถือไว้ซ่อนด้านหลังเพื่อเลี่ยงการซักถาม “ยังดูตอนนี้ไม่ได้ค่ะ”

อ่า....ต้องเป็นของเขาแน่นอนเขาสังเกตว่านางทำตัวลับๆล่อๆตอนที่เขาเดินไปดูของที่ร้านเครื่องประดับและทั้งคู่ก็มีความคิดเหมือนๆกัน เขาตบถุงเล็กๆที่อยู่ในเสื้อคลุมเบาๆความรักที่แสดงต่อกันอย่างเปิดเผยมันช่างชัดเจนแม้ว่าจะมีชุงซอกเดินตามหลังจนยากที่จะเชื่อว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมที่ผ่านมาพวกเขาจึงได้เสแสร้ง? ต้องมาจากที่พวกเขาถูกบังคับให้แยกจากกันเพราะว่านายหญิงของนางถูกซื้อเพื่อที่จะมาเป็นภรรยาน้อยของเถ้าแก่เบนี่นาและในตอนนี้ก็เป็นความกรุณาของเขาที่จะให้ทั้งสองครองคู่กัน ความอ่อนไหวทำให้นางฟุ้งซ่านหลังจากนี้ คงจะไม่มีเรื่องเหลวไหลอย่างที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงแล้วงั้นสิ?ความคิดของหญิงสาวผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวมาก่อนซึ่งนางก็คงจะไปเล่าให้เพื่อนๆฟังในภายหลังว่าพวกเขากลับเข้าห้องทันทีที่ถึงคฤหาสน์

เหลืออีกเพียงไม่กี่วันอาจารย์ทันวอนก็จะเดินทางมาถึงปูซานแล้ว ยุนบกเขย่าตราประทับให้ออกจากถุงเล็กๆเขาตรวจสอบภาพที่วาดเสร็จแล้วก่อนที่จะประทับตราลงไปและหวังว่าอาจารย์ทันวอนจะชอบของขวัญที่เขาเตรียมไว้ แม้ว่าครั้งหนึ่งมันจะเป็นความโชคร้ายเมื่อทันวอนได้เจอกับมันเสียงชองฮยางเรียกดังอยู่ด้านนอกเขาตะลึงจนขยับตัวไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นว่าข้างกายของนางเป็นใคร นางจูงเด็กหญิงตัวน้อยมานั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างอ่อนน้อมเขารู้ว่าเด็กหญิงจำเขาได้

“ท่านลุง” เด็กน้อยพูด นั่นนางผ่านการร้องไห้มาหรือ? ตาของนางดูแดงๆ

“พ็อกก๊อตเจ้าจำข้าได้มั้ยเขายิ้ม แล้วนางก็พยักหน้า “เมื่อไหร่ที่เจ้าได้....” เขามองไปที่ชองฮยาง

“เพิ่งเมื่อกี้นี้เองค่ะ” นางลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ“อาจารย์ซุกควอนพานางมาให้กับข้าพร้อมกับของใช้ส่วนตัวค่ะ เขาฝากบอกท่านว่าถือไพ่อยู่เหนือกว่าเจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นค่ะ” จบประโยคนางก็ยิ้มขณะที่เขาหัวเราะเบาๆ “และนี่อีกค่ะ” นางวางจดหมายฉบับหนึ่งไว้บนโต๊ะ “เขาพบว่ามันซ่อนอยู่กับทรัพย์สินส่วนตัวของฮักซันค่ะ”

จดหมายจ่าหน้าถึงเขามีของบางอย่างอยู่ในซองจดหมาย เมื่อเทออกมาให้อยู่ในมือก็พบว่าเป็นจี้ที่ดูคุ้นตาเขาอ่านจดหมายเงียบๆ

‘ถ้าท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ข้าคงจะตายไปแล้วขณะที่ข้ายังกลัว ข้าไม่โทษท่านหรอกหากท่านคิดว่าข้าทรยศ แต่ข้าสามารถอธิบายได้คืนหนึ่งบองอึนเข้ามาตีสนิทและเสนอเงินให้ข้า สองร้อยเนียงนางสามารถรู้ตัวตนของข้าได้จากรอยประทับที่อยู่บนปลอกดาบของข้า อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้บอกข้อมูลรายละเอียดในภารกิจของท่านข้ารู้ว่านางเชื่อไม่ได้ในทางกลับกันนางเองก็เช่นกันข้าทำไปตามที่นางสั่งเพื่อที่จะรู้ว่านางตั้งใจทำอะไรกันแน่และแล้วเป้าหมายของนางคือการกำจัดมยองฮี อย่างที่รู้กันว่าเป็นนางโลมที่ให้ความสนใจต่อท่านข้าคิดแล้วว่าท่านจะต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นข้าจึงตกลงนางไม่ได้บอกแผนการใดๆกับข้าบอกแต่เพียงให้ข้าเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวได้ทันทีเมื่อนางส่งสัญญาณมาข้าหวังแต่เพียงว่าจะสามารถปกป้องอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับท่านและภรรยา

ตั้งแต่ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถเติมเต็มความฝันของลูกชายข้าได้ข้าศรัทธาต่อความการุณย์ของท่าน ข้าได้เห็นแล้วว่าท่านกับภรรยา รักและดูแลเขาได้ดีเพียงใดข้าจึงสามารถจากไปได้อย่างหมดห่วง ความจริงเกี่ยวกับตัวข้า ขออย่าได้เอ่ยถึงจนกว่าเมื่อเขาโตพอปิดผนึกจดหมายฉบับนี้ แล้วมอบให้เขาเมื่อถึงเวลานั้น ข้าภาวนาว่าเขาจะตัดสินในตัวข้าด้วยความอาทรผู้ที่เป็นพ่อของเขาเอง ข้าขอบคุณและขออวยพรแก่ท่านและภรรยา’

เขาส่งจดหมายให้นางโดยไม่เอ่ยคำใดได้แต่ลูบจี้ คิดว่าชายคนนี้ยังคงยึดมั่นในคำสาบานไม่เสื่อมคลาย ช่างน่าสงสารนักเขาควรจะมีโอกาสทำความรู้จักฮักซันได้มากกว่านี้

“ตอนนั้นเขาพยายามจะปกป้องข้า” เมื่อวางจดหมายลงประกายน้ำตาอยู่ในดวงตาของชองฮยาง ยุนบกเพียงถอนหายใจและยื่นจี้ออกไป “ไม่ค่ะ” นางส่ายหน้า “ท่านควรจะเป็นคนมอบให้กับพาโดนะคะ”

“มันสำคัญตรงไหน? ยังไงเราก็ไม่สามารถบอกอะไรได้จนกว่าเขาจะอายุสิบหก” เขาผลักจี้ไปให้ทำให้นางต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจไปโดยปริยาย “อย่าได้ร้องไห้ตอนมอบให้เขาล่ะ” มีอีกเสียงถอนหายใจแทรกเข้ามา เขาหันไปมองทางพ๊อกก็อตที่ยังคงสะอื้นเบาๆเพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ควรมีใจคอหดหู่เมื่ออยู่ใกล้ๆนาง จี้ถูกสวมใส่อย่างรวดเร็วแล้วชองฮยางก็รวบพ็อกก๊อตมากอดเอาไว้

“พ็อกก๊อต...” นางจะเริ่มเรื่องอย่างไร? แล้วพ็อกก็อตจะเข้าใจมากแค่ไหน? “เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่ของเจ้า นางไปที่ใดแล้ว

“นางจากไปแล้วค่ะ” พ็อกก๊อตถูเปลือกตาไปมา

“ใช่แล้วจ้ะแต่ก่อนที่นางจะไป นางบอกพวกเราให้ดูแลเจ้าน่ะ พวกเราให้สัญญากับนางว่าเจ้าจะกลับบ้านไปพร้อมกับพวกเรา อย่างนี้ใช่มั้ยจ๊ะว่าแล้วนางก็ใช้ผ้าเช็ดหน้า เช็ดใบหน้าของพ็อกก๊อตไปพลางๆ

“ท่านแม่ไม่ต้องการข้าแล้วหรือคะน้ำตาทะลักขึ้นมาอีก

“ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะนางไม่สามารถพาเจ้าไปในที่ที่จะไปได้ต่างหากล่ะ” ยุนบกรู้สึกว่าบางทีมันจะดีกว่าเมื่อไม่ต้องพูดถึงเรื่องเป็นเรื่องตายตอนแรกเขาคิดจะพาพ็อกก๊อตไปในพิธีศพด้วย แต่ตอนนี้รู้แล้วไม่ว่าจะยังไงเขาไม่ควรพานางไปอย่างเด็ดขาด

“ท่านแม่เคยพูดไว้เหมือนกันค่ะ”

“แล้วนางเคยพูดว่าไงบ้างจ๊ะชองฮยางชำเลืองมองไปทางยุนบกด้วยความกังวลอากิโน่ได้เตรียมความพร้อมให้ลูกสาวสำหรับการพรากจากงั้นหรือ?

“ท่านแม่บอกว่าหากนางไม่อยู่ให้ข้าไปกับท่านลุงเพราะว่าเขาจะดูแลข้าเอง ท่านลุงจะกลายเป็นท่านพ่อจนกว่าข้าจะโตพอแล้วเขาจะบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องท่านแม่ได้มากกว่านี้ท่านแม่บอกว่าให้ข้าพูดแต่ความจริงกับท่านลุงดีกว่าโกหกค่ะ” เด็กหญิงท่องจำได้ขึ้นใจราวกับถูกฝึกสอนให้พูดแบบนี้มาแล้ว

ดังนั้นเขาคงได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างกับลูกสาวแล้วความไว้วางใจมากับเด็กทั้งสองที่ยังมีชีวิตอยู่อาจเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อพวกเขาโตพอเขาควรจะพูดให้ถูกคือความรับผิดชอบเป็นของคนอื่น เขานวดหัวคิ้วอย่างเหน็ดเหนื่อยหวังว่าโชคชะตาคงไม่ตัดสินโยนภาระมาให้เขาหรอกนะ แต่ชีวิตมันคงไร้สีสันหากปราศจากการลองผิดลองถูกและความยากลำบากซึ่งจะหล่อหลอมให้เกิดการเติบโตและความแหลมคมของการใช้ชีวิตอย่างไรซะ เขาทำได้แค่หวังว่าเขากับชองฮยางจะช่วยกันอุ้มชูเด็กทั้งสองได้เป็นอย่างดี

“งั้นเราก็มาช่วยกันทำให้สิ่งที่แม่เจ้าต้องการดีมั้ยเขายิ้มให้เมื่อนางพยักหน้าและเปิดปากหาวออกมาแบบยั้งไม่ทัน

“ท่านเห็นหรือไม่คะนางมีแววตาดุจเดียวกับท่าน” ชองฮยางพูดขณะที่จับเด็กหญิงนอนหนุนตัก

“อะไรนะ??” ยุนบกไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อนางได้หรือเปล่าในเมื่อตอนนี้ตาของเด็กหญิงปิดไปแล้ว เขาคงไม่สามารถพิสูจน์ได้

“ในบางเวลาท่านมองดูนางดีๆซิคะ”นางเกลี่ยแก้มเด็กน้อยเบาๆ “ตอนที่ข้าพบนางครั้งแรก ข้าคิดว่ารู้สึกคุ้นเคยแบบแปลกๆมันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งตอนที่ข้าเห็นท่านทั้งสองคนต่างมีส่วนเติมเต็มกันและกันค่ะ”

“จริงรึ.....เขาพินิจพิเคราะห์เด็กหญิงมากขึ้นจนชองฮยางแอบขำ

“ท่านกำลังจะทำอะไรคะนั่นชองฮยางพยักหน้าให้กับภาพวาดที่คลี่อยู่บนโต๊ะขณะที่กำลังเก็บงานชิ้นสุดท้ายและเสร็จสิ้นธุระของเขาแล้ว

“นั่นนะเหรอเขากดตราประทับลงบนภาพวาดแผ่นสุดท้ายและส่งให้กับนาง“สำหรับท่านอาจารย์น่ะ”

“ไตร่ตรองดีแล้วหรือคะนางกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ชองฮยางพยักหน้าให้กับรูปของผู้หญิงที่กำลังหาบผักหาบปลานางแน่ใจว่าหากนางอยู่ใกล้มากพอคงจะได้ยินที่สองหญิงกำลังจ้อกันอย่างเมามัน

“บางทีอาจจะไม่ก็ได้นะแต่ข้าสงสัยว่าเราอาจจะได้เจอกันอีกครั้งดังนั้นสิ่งนี้จะเป็นของที่ระลึก ของขวัญแทนคำขอบคุณให้กับเขาที่ทุ่มเทสั่งสอนและทำหลายๆอย่างให้กับข้า”

“กำหนดการสักเมื่อไหร่คะนางส่งภาพวาดคืนให้และทำความเข้าใจกับความระลึกถึงนั้น

“ข้าคิดว่า....” เขานับในใจ “อีกสองถึงสามวันนับจากวันพรุ่งนี้น่ะอาจารย์ซุกควอนบอกข้าไว้แล้วว่ามีการพบกันได้อย่างไรและเมื่อไหร่ เขาบอกแต่เพียงว่าจะไม่ใช่ถิ่นที่เราคุ้นเคย”

“แล้ว....” นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนนางเคยเชื่อว่าการพบปะจะเกิดขึ้นที่ชินเฮ

“ข้าก็ไม่รู้” เขายักไหล่และฝืนใจที่จะเปิดเผยมากไปกว่านี้“ข้าคิดว่านางควรจะนอนบนเตียงได้แล้วล่ะ” เด็กหญิงบนตักของนางหลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว

“เจอกันพรุ่งนี้นะ” นางอุ้มเด็กน้อยขึ้นอย่างระมัดระวังในขณะที่รอยุนบกเปิดประตูให้ “รีบพักผ่อนนะคะ”

เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะไปยังโต๊ะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกเขาตัดสินใจรวบรวมภาพวาดหย่อนลงในกระบอกภาพอันใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากตลาดก่อนหน้านี้ตราประทับถูกใส่ในถุงเล็กๆและนำทั้งหมดไปซ่อนอีกครั้ง เหลือเวลาอีกไม่กี่วันตอนนี้อาจารย์ทันวอนจะเป็นอย่างไรบ้างนะ?







Create Date : 28 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2555 10:37:39 น. 12 comments
Counter : 2535 Pageviews.

 
บนถนนที่มุ่งสู่ปูซาน
นี่มันเกินกว่าสองวันแล้วหรือเปล่า? หรือสามวัน? ฮองโดทำหน้าบึ้งและหวังว่าเขาจะเร่งฝีเท้าให้ไปถึงปูซานได้ในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาต้องพักแรมอยู่ภายในสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ โดนแมลงรบกวนแล้วยังแดดที่แผดเผาผิวบนหน้าอีกล่ะ เขาตบบางอย่างที่เกาะและกัดอยู่บนคออย่างโมโห ด้วยฝีเท้าขนาดนี้ เขาคงจะกลายเป็นชายแก่ที่ถูกสูบเลือดจนซีดแน่ แล้วก็ตบอีกครั้ง ไอ้แมลงดื้อ มองไม่เห็นสักที แห้งแล้งและน่าเบื่อยังกับเดินทางเป็นพันวัน
“มีอะไรผิดปกติเหรอทันวอน? ท่านดูขี้ตกใจยังกะสุนัขแล้วก็ยังทำจมูกฟุดฟิดยังกะหนู” เสียงหยอกขำๆมาจากผู้ชายซ้ายมือ
“แล้วท่านไม่เป็นเหรอ รุ่นพี่? กับสภาพอากาศแบบนี้และพวกแมลงที่กำลังเห็นท่านเป็นอาหารมื้อหนึ่งน่ะ?” น้ำเสียงแสนเซ็ง เขาพัดให้ตัวเองแรงๆ
“เหอะ เหอะ” ชายคนนั้นส่งเสียงแบบไม่เห็นด้วย “ท่านทรมานกว่านี้ตอนที่เราอยู่บนเขากึมกังปีที่แล้ว ข้าก็ยังเคยได้ยินเสียงบ่นคล้ายๆแบบนี้” เขาถองม้าเข้ามาใกล้มากขึ้น “ที่นั่นมีใครบางคนที่ท่านรอพบจนทนไม่ไหวเลยหรือ?”
“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?” ฮองโดปรายตามองเพื่อนร่วมทาง คิมอึงฮวาน นี่เขาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
“ทันวอน ทันวอน....เจ้าน่ะใสกระจ่างยังกะน้ำในอานับจีแน่ะ” (//www.wonder12.com/2011/04/anapji-pond.html) ชายที่แก่กว่าต่อว่าต่อขานเข้าให้ “นางเป็นใครล่ะ”
“ที่นั้นไม่ใช่นางหรอกแต่อะไรดี แล้วไหนล่ะ ฤดูใบไม้ผลิที่สดใสกับถ้วยเหล้าองุ่นในวันที่แดดเผาหนังพองแบบนี้?” เขาเมินหน้าออกไปอีกทางและส่งเสียงออกทางจมูก “โน่น โน่นไงล่ะ ไปทางเดินนี่แหละ” พลางชี้ออกไปด้วยพัดในมือ “เจ้าเห็นอะไรเรอะ? ไม่มีเล้ยจนสุดถนนรกๆนั่นล่ะ มีแต่โรคภัยซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใบหญ้าคอยแต่ดูดเลือดของเรา”
“ท่านเห็นอย่างนั้นจริงหรือ?” จริงๆแล้ว ต้องเว้นไว้สักคนที่จะทำให้ทันวอนกลายเป็นคนขี้บ่นหากเขายังไม่สามารถควบคุมความไม่อดกลั้นเอาไว้ได้
“เจ้าไม่ได้ยินบทเพลงหรือกลิ่นหอมรวยระรินที่ล่องลอยอยู่ในอากาศรึ? หรือมองไม่เห็นสีสันของดอกไม้แย้มบาน? มาเถอะน่า ทันวอน” อึงฮวานไม่ได้ใส่ใจกับความขุ่นมัวของอีกคน “ที่โน่นไม่มีแท่งเงิน แต่ที่นี่มีสามร้อยตำลึง”
“เก็บงาเมล็ดเดียวกลับเสียแตงโมทั้งใบ” ฮองโดโต้กลับไปบ้าง
“ดี ดี เก็บความลับของเจ้าไว้นะ” อึงฮวานหัวเราะลั่น เลิกการต่อล้อต่อเถียง เขาซ่อนยิ้ม ขณะที่ฮองโดกลับทอดถอนใจระบายความอึดอัด ถ้าเขาไม่นำการคุยมาสู่เรื่องนี้ มันกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่ตั้งใจที่จะได้รับรู้ จริงๆแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเลย เป็นที่รู้กันดีว่าพระราชาชื่นชอบฮองโดและสาระส่วนใหญ่ถูกแบ่งปันระหว่างกันซึ่งหมายถึงไม่ได้ให้คนอื่นล่วงรู้ด้วย อย่างไรก็ตามบางอย่างที่จะต้องไปทำมีความลับแฝงไปกับภารกิจซึ่งพวกเขาก็คงจะได้เห็นเอง เขาเชื่อว่ารุ่นน้องจะบอกเขาเองถ้ามันสำคัญมาก
ตอนนี้นางจะเป็นเช่นไร? ฮองโดนึกแปลกใจ ย้อนคิดไปถึงภาพวาดให้วันที่นางวาดทิ้งไว้ให้เขาในฮันยางวันหนึ่ง ต้องแก่ขึ้นซินะ นางคงไม่ทำสิ่งโง่ๆเหมือนเมื่อสิบสามปีก่อน แล้วก็คงจะไม่อารมณ์ร้อนหรือหุนหันพลันแล่น เขาไม่สงสัยเลยถ้านางยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสภาพที่ถูกสมมติขึ้นในตัวตนของความเป็นชายแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในชื่อเดิมๆ พระราชาต้องรู้เป็นแน่ เขาคาดว่าจะมีสายลับคอยส่งข้อมูลของยุนบกแต่เขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะให้ข้อมูลหรอกและทันวอนก็ยังต่อต้านการบีบบังคับเพื่อที่จะได้ข้อมูล นั่นน่ะเป็นความทะนงของตัวเขาเองล่ะ แต่เขาก็มั่นใจว่า พระราชาได้พยายามเปรยบางอย่างให้กับเขาในการพบกันครั้งล่าสุดก่อนที่เขาจะถูกส่งออกไปวาดรูปภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ แล้วมันคืออะไรนะ?
“เช่นเวลาที่ผ่านพ้น ทันวอน แม้กระทั่งภาพวาดก็มีอายุ การไม่เห็นอยู่ทุกๆวันทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างออกไป แต่ความสวยงามก็ยังคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน หรือไม่จริง?”
เขาเห็นด้วยแต่นั่นเป็นแววตาวิบวับแหนบแนมแกมตลกของพระราชา ยังมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับยุนบกที่จะทำให้เขาขบขัน? นางต้องทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วมันคืออะไรนะ? เหนื่อยวุ้ย เขายังไม่สามารถหาคำตอบได้ เสียงดังลั่นทำให้เขาหลุดออกจากห้วงคำนึง
“อ๊าก!” อึงฮวานชี้ไปข้างหน้า “นั่นโรงเตี๊ยมคำภาวนาของเจ้าสัมฤทธิ์ผลแล้ว, ทันวอน ดูเจ้าอึดอัดนะ?”
“ท่านต้องเลี้ยงเหล้าข้านะ รุ่นพี่ อย่างแน่นอนที่สุดเลย!” ฮองโดยิ้มกริ่มพร้อมกับเตะม้าที่ยังวิ่งเหยาะให้ฝีเท้าเร็วขึ้น

ชินเฮ
14th Soseo
ในพิธีฝังศพมีผู้คนเพียงหยิบมือ มีแค่เด็กคนหนึ่ง ผู้หญิงสองคน ผู้ชายอีกสามคน นอกนั้นก็เป็นแรงงานหามโลง หลุมฝังถูกขุดดินออกเตรียมไว้แล้ว มันดูราวกับปากสีดำขนาดใหญ่กำลังรอคอยที่จะได้กลืนกินผู้ตายกลับสู่ผืนดิน ยุนบกวางเงื่อนซ้อนไว้บนฝาโลงของฮักซัน ก่อนที่จะคลุมด้วยธงสามเหลี่ยมสีแดงที่เขียนชื่อผู้ตายและต้นตระกูลด้วยหมึกสีขาว เขาพยักหน้าให้กับเหล่าแรงงาน เพื่อหย่อนโลงลงหลุม ‘ข้าขอโทษ ที่ไม่สามารถจัดพิธีให้สมเกียรติมากกว่านี้ แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะได้พักผ่อน ณ ที่นี่อย่างสงบ กับสิ่งเล็กน้อยที่พวกเราจะทำได้ ฮักซัน ข้าจะทำอย่างสุดกำลังที่จะผลักดันให้พาโดได้เติมเต็มตามความสามารถของเขาให้ได้’ เขาคิดในใจก่อนที่จะคำนับให้กับหลุมศพที่กำลังถูกกลบฝัง คนอื่นๆเดินตามเข้ามา จากนั้นเขาก็หันไปทางเด็กหญิงน้อยที่ยืนข้างชองฮยางและยื่นเงื่อนซ้อนอีกอันให้
“วางสิ่งนี้ไว้บน....โลงนะ” เขาพูด
“มีอะไรอยู่ในโลงนี้คะ?” เด็กน้อยถามด้วยความอยากรู้ ก้มลงมองเงื่อนซ้อนที่อยู่ในมือตัวเอง “แล้วทำไม ข้าจะต้องไปวางไว้ด้านบนด้วยล่ะคะ?”
“มีบางสิ่ง....จากเราไป ตอนนี้เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว ดังนั้น...จึงมีหน้าที่ที่เจ้าจะต้องทำ ตรงนี้” เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นเพื่อให้สามารถวางเงื่อนซ้อนไว้บนโลงได้ ก่อนที่จะส่งนางให้กับชองฮยาง เขาวางธงสามเหลี่ยมสีแดงไว้ด้านบนของโลงศพอากิโน่ มันก็แค่ชื่อของเขาแต่ศิลาหน้าหลุมที่วางอยู่บน ชื่อบนหลุมฝังศพสลักเป็นสถานที่พักพิงแห่งสุดท้ายของมยองฮี ดินถูกโกยลงไปอย่างรวดเร็วและเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ หลังจากนั้นผู้คนทั้งกลุ่มก็แยกย้ายกันไปอย่างเงียบๆ
วันต่อมาเป็นวันที่แสนสงบ ยุนบกและชองฮยางใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องเที่ยวชายหาดของชินเฮพร้อมกับพ็อกก๊อตผู้ซึ่งสนุกสนานอยู่กับการวิ่งไล่จับปู คอยเอาไม้ไล่จิ้มปลาดาวและเก็บเปลือกหอยเอาไว้หลายๆอัน เม็ดทรายติดตามเนื้อตัวทั่วไปหมด ความร่าเริงและเสียงหัวเราะของนาง เรียกรอยยิ้มของพวกเขา เมื่อแน่ใจแล้วว่าชายหาดแห่งนี้ร้างลาผู้คนมีแต่เฉพาะพวกเขาเท่านั้น ชองฮยางจึงถอดถุงเท้าและรองเท้า เดินย่ำไปบนพื้นทรายชุ่มน้ำทะเล ชักชวนให้ยุนบกทำตามเมื่อเห็นเขาจึงหัวเราะ ทางยาวของรอยเท้าติดตามพวกเขาไปตลอดทางที่เดินเล่นอยู่ริมหาด จวบจนนั่งมองดวงอาทิตย์ลอยต่ำลงไปจนสุดขอบทะเล
“เจ้าคิดว่าเราควรจะบอกพวกเขาว่าอากิโน่ทำอะไรกับฮักซันมั้ย?” ยุนบกครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม ขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนพื้นทราย กำลังมองพ็อกก๊อตใช้นิ้วขีดเขียนพื้นทรายเปียกๆ
“ท่านบ้าไปแล้วถ้าทำเช่นนั้น?” ชองฮยางนึกเหลือเชื่อกับความคิดนั้น “แล้วจะทำให้อะไรดีขึ้นมาล่ะคะ? นอกจากความเกลียดชังระหว่างเด็กๆ”
“ข้ารู้…..” เขาถอนหายใจ “แต่เจ้าก็รู้ มันจะเป็นความลับได้อย่างไรล่ะ ข้าจะไม่แปลกใจเลยถ้าไม่ว่าใคร ณ สถานที่ใดในอนาคตจะไม่หลุดมันออกมา”
“แต่ใครจะไปรู้? ท่านกังวลเกินไปแล้วล่ะค่ะ” นางกระทุ้งสีข้างเขาเพื่อเตือนสติ
“บางที เจ้าอาจจะพูดถูก มีเราแค่สองคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น” เขาลากนิ้วไปบนทรายละเอียดใกล้ฝ่าเท้า “วันพรุ่งนี้เราควรจะพาพ็อกก๊อตไปด้วยหรือเปล่า?”
“ข้าไม่เห็นว่าทำไมจะไม่ได้คะ การท่องเที่ยวทางน้ำจะช่วยเปิดหูเปิดตานี่คะ” นางเอนตัวพิงเขา วาดแขนโอบเอว ขณะที่เขาก็โอบไหล่นาง
“นั่นคงจะเป็นอาทิตย์อัสดงที่แสนหวาน ใช่มั้ย?” เขาพูดพึมพำ ขณะที่ท้องทะเลสะท้อนแสงจากท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มแดง
“ถ้ามีเวลา เราน่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งนะคะ” นางถอนหายใจอย่างพึงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกสุขสงบนับตั้งแต่มาที่ชินเฮ
“เราได้มาอีกแน่” เขาเห็นด้วย ดวงตาส่องประกายวิบวับ


โดย: albatross11 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:40:15 น.  

 
ปูซาน
เสียงไอนั้นฟังดูไม่ดีเลย ฮองโดเฝ้ามองอย่างร้อนรนในขณะที่หมอส่ายหน้าไปมาในระหว่างที่กำลังตรวจอึงฮวาน ดูเหมือนชายที่สูงวัยกว่าได้ไอมาตลอดตั้งแต่วันก่อนที่จะเดินทางมาถึงปูซาน แต่ไม่นะ ฮองโดทำหน้าบึ้งในขณะที่ตรึกตรองการเดินทาง เขาเคยได้ยินอึงฮวานไออยู่บ้างแต่ไม่เป็นมากอย่างเสียงได้ยินในตอนนี้
“เค้าเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างเคร่งเครียดเมื่อหมอหันกลับมา
“เค้าไอแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?” แววตากังวลของหมอปรากฏชัดสะท้อนความวิตกของฮองโด
“ข้า...นึกไม่ออก คิดว่าประมาณ...สัปดาห์” เขาพูดงึมงำ รู้สึกว่าเขาควรจะใส่ใจในสวัสดิภาพของเพื่อนมากกว่านี้
“เป็นสัปดาห์! อาการถึงได้กำเริบ อากาศอุ่นชื้นในช่วงฤดูอบอุ่นและไอทะเลไม่ดีต่อเขาเอาซะเลย ท่านฟังอยู่หรือเปล่า?” หมอชี้ไปยังอึงฮวานแล้วเขาก็ไอขึ้นมาอีกครั้ง “ที่นี่แออัดเกินไปสำหรับปอดของเขาและอายุขนาดเขา ทำให้หัวใจทำงานหนัก ถ้าเขาทำได้ให้ไปจากที่นี่ซะ“ หมอเขียนใบสั่งยาแล้วยื่นให้ฮองโด “ให้เขาทานยานี่ หากยังไม่ดีขึ้นให้ตามข้ามาอีก”
“ขอบคุณท่าน” ฮองโดมองหมอเดินออกจากห้องไป จึงรีบเร่งเข้าไปในตลาดเพื่อซื้อยาตามใบสั่ง เมื่อกลับมาโรงเตี๊ยม ก็สั่งการให้เด็กรับใช้ต้มยาก่อนที่จะกลับไปยังห้องพักของอึงฮวาน เมื่อเขากลับเข้าไปเห็นอึงฮวานกึ่งนั่งกึ่งนอนกำลังไออย่างหนักและหายใจหอบราวกับสัญญาณบอกเหตุ เขารีบพยุงให้อึงฮวานนั่งให้สบายขึ้น
“ข้าไม่คิดว่าข้าจะทำภารกิจได้” พอหยุดไอ อึงฮวานก็พูดอย่างอ่อนแรง
“ไม่ ไม่ รุ่นพี่ อะไรทำให้ท่านพูดเช่นนั้น? ท่านแค่ต้องการยาและการพักผ่อน” ฮองโดเอ่ยปลอบ กับความยุ่งยากจากความทอดอาลัยของอึงฮวาน
“ไม่หรอก” อึงฮวานส่ายศีรษะ “ข้ารู้สึกได้ว่าหัวใจมันบีบคั้น หายใจแต่ละทียังลำบาก” แล้วไอหนักๆก็ตามมา “ข้าเกรงว่า เจ้าจะต้องไปทำภารกิจเพียงลำพัง”
“เราจะทำมันด้วยกัน ท่านควรจะหยุดพูดแล้วพักผ่อนนะ?” น้ำเสียงฮองโดเข้มขึ้นในขณะที่เขาพยุงให้อึงฮวานนอนลง
“เฮ้ จะรั้นไปถึงไหน ข้ารู้ว่าเจ้ามาเพื่อพบใครบางคน” อึงฮวานคว้าแขนเสื้อเอาไว้ “ใช่วันนี้หรือเปล่า?”
“รอได้น่า เริ่มจากท่านต้องดีขึ้นซะก่อน” พลางดึงแขนเสื้อออก ฮองโดเช็ดน้ำลายที่ไหลออกจากมุมปากของฮึงฮวานเบาๆ
“ใช่วันนี้หรือเปล่าล่ะ?” อึงฮวานยังย้ำถามสิ่งที่อยากรู้ พลางคว้าแขนฮองโด เขารู้ว่าทันวอนตั้งตาตั้งคอยสิ่งนี้ นั่นไง สิ่งที่หลบซ่อนอยู่ภายในแววตาของเขา เห็นทุกครั้งที่เขาพบเพื่อนคนนี้ ความเศร้าที่ไม่เคยได้ร่วมแบ่งปัน ตลอดการเดินทางมาถึงปูซาน เขาไม่เคยเห็นทันวอนเบิกบานใจเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นนักเรียน
“ไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ต่างหาก” ฮองโดดึงแขนออกอย่างสุภาพ “ท่านไม่ต้องวิตกกังวลไปกับมันนักหรอก”
“ไม่ เจ้าคาดหวังกับการพบครั้งนี้มาก ห้ามปฏิเสธนะ” เขาพูดเสียงเข้มขณะที่ฮองโดอ้าปากจะต่อคำ “หลายปีมานี้ เจ้าไม่มีความสุข เพื่อนๆเจ้ารู้กันทุกคนกับทุกครั้งที่พวกเขาพบปะเจ้า การเดินทางมาวาดรูปภูเขาด้วยกันครั้งนี้ เจ้ากลับมาเป็นตัวเจ้าอีกครั้ง เจ้าแทบรอไม่ได้ที่จะต้องมาให้ถึงปูซาน ดังนั้น...จึงจับสังเกตได้ว่าเจ้ามาเพื่อพบกับใครบางคน บางคนที่พลัดพรากเมื่อหลายปีก่อน ใช่มั้ย?”
เขาไม่แปลกใจเลยที่ฮองโดได้แต่นิ่งงัน ทันวอนไม่ใช่คนที่เอ่ยปากเรื่องส่วนตัวกับใครง่ายๆ แต่เขาก็อ่านความเจ็บปวดได้จากเพื่อนของเขา ใครที่ทันวอนปักใจมั่น เขาคงจะเดาได้ มีข่าวลือในปีที่เขากลับมาเกี่ยวกับลูกศิษย์ของทันวอน เฮวอนเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด แต่ทันวอนก็ไม่เหมือนเดิมเมื่อเฮวอนหายตัวไป มันไม่สำคัญสำหรับอึงฮวานหรอก นั่นต่างหาก เพื่อนของเขาที่เฝ้ารอการพบครั้งนี้
“อย่าให้ข้าถ่วงเจ้าไว้เลย เมื่อถึงเวลาก็ไปซะ แค่...จ้างใครซักคนมาดูแลข้าตอนที่เจ้าไม่อยู่ก็พอ”
“ข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?” ฮองโดยังคงไม่เห็นด้วย “แค่จะไปพบใครบางคน ข้าจะทิ้งเพื่อนที่กำลังป่วยได้เชียวหรือ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เจ้ารอคอยอย่างอดทนมาเป็นปีๆ ไม่ใช่หรือ? บางสิ่งกำลังรอเจ้ากลับมาหรือเจ้าได้ไปเมื่อนานมาแล้ว ข้าทำได้แค่แนะนำเจ้าและข้าไม่อยากจะพูดแล้วกำแพงอาจมีหู” อึงฮวานพูดอย่างนุ่มนวล “ทันวอน คว้าโอกาสไว้ซะก่อนที่มันจะหลุดลอยไป มิหน้ำซ้ำมันยังเป็นสิ่งที่เจ้าเฝ้ารอวันแล้ววันเล่างั้นหรือ?” อาการไอยังคงรบกวนเขา
เสียงเคาะประตูเบาๆ
“ขออนุญาต ยาได้แล้วครับ”
ฮองโดผุดลุกอย่างรวดเร็วและเปิดประตูเพื่อรับชามยาร้อนๆ เขาบอกขอบใจเด็กรับใช้ก่อนที่จะปิดประตู มันร้อนมาก เขาจึงวางลงรอให้เย็นลง นึกใคร่ครวญถึงคำพูดของอึงฮวาน
“ทันวอน ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว” อึงฮวานพูดขึ้นมาอีกครั้ง พยายามเก็บซ่อนความคับข้องที่รู้สึกได้บริเวณหน้าอก
“ไม่ ข้าจะไม่ทิ้งท่านไปเช่นนั้น และไม่อย่างนั้น ถ้านางรู้เรื่องนี้นางจะมาแน่ ข้านึกออกเลยว่านางคิดยังไงเกี่ยวกับข้า” ฮองโดไม่สงสัยเลยว่า ทัศนคติในตัวเขาในความเห็นของยุนบกคงจะดิ่งลงเหวแน่นอน
“ฮ้า....” อึงฮวานหัวเราะพร้อมกับไอไปด้วย “ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้ว”
“ข้าไม่ได้ยอมรับอะไร พูดพอแล้ว ดื่มยานี้เถอะ” ฮองโดช่วยพยุงให้อึงฮวานนั่งก่อนที่จะจ่อชามยาไปที่ปากของเขา
ช่วงเวลาแห่งการพักฟื้น ฮองโดอยู่ข้างกายอึงฮวาน ใช้เศษชามแตกๆรับเสหะจากการไอของเพื่อนไปจนถึงช่วงเวลากลางคืน อึงฮวานยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและยังสามารถรับมื้อเย็นได้
“ข้าไม่คิดเลยว่าอากาศจากทะเลจะทำอะไรข้าได้” เสียงเขาแหบแห้งจากการไอมาตลอดทั้งวัน จนคอเจ็บ
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานท่านก็หาย มันไม่สำคัญหรอก” ฮองโดมองออกไปเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกขูดเบาๆ “ใครน่ะ?”
“กรงนกครับท่าน” เสียงตอบกลับมานุ่มๆ
กรงนก? อึงฮวานผงกศีรษะนึกฉงนใจ ขณะที่ฮองโดออกไปเปิดประตูรับชายชุดดำเข้ามา ชายคนนั้นมองดูเขาและฮองโด
“ไม่มีอะไรหรอก” ฮองโดย้ำความเชื่อใจ “ไหนล่ะ ข่าวที่เจ้านำมา?”
“ไปตามกำหนดการครับท่าน จะมีเรือท่านอยู่ที่ท่าเรือ มีธงสีขาวอยู่ตรงท้ายเรือ รหัสก็คือ....” แล้วชายคนนั้นก็เอี้ยวตัวกระซิบข้างหูฮองโด
“เดี๋ยวก่อน เพื่อนข้าป่วยอยู่ที่นี่ ข้ายังไม่สามารถไปพบเขาได้หรอก มีหนทางที่จะเลื่อนหมายกำหนดออกไปก่อน....มั้ย?”
ชายคนนั้นลังเล
“เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ ข้าจะส่งข้อความกลับไป พวกเขาคงมีหนทางเองครับ” เขาพูดในเชิงขออภัย
“จะทำยังไงดี? ส่งใครสักคนไปถามถ้าพวกเขาสามารถรอได้....” ขณะที่ฮองโดกำลังพูด อึงฮวานก็ชิงพูดขึ้นบ้าง
“ทันวอน ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะรอได้อย่างไม่มีกำหนดนะ เจ้าต้องไปในวันพรุ่งนี้”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่สามารถ....”
“ท่านครับ ข้าสามารถส่งใครซักคนมาช่วยดูแลแทนตอนที่ท่านออกไปครับ” ชายคนนั้นเสนอ
“ทำไมไม่ทำเช่นนั้นเลยล่ะ?” อึงฮวานเห็นด้วย “เจ้าจะต้องไป อะไร สักวันใช่มั้ย? จะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าเพียงวันเดียว? และตอนนี้ข้าก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว ทันวอน ข้ายังยืนยันให้เจ้าไป”
“ข้า....”
“ทันวอน อย่าทำตัวดื้นด้านอย่างโง่งมอยู่เลย” อึงฮวานชักโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว “เจ้ากำลังเร่งส่งข้าลงโลงด้วยการทำให้โกรธน่ะ”
“ก็ได้ งั้นทำตามที่ท่านว่า” ฮองโดตอบรับอย่างไม่เต็มใจ
“อย่างงั้น ข้าจะส่งคนมาเพื่อดูแลท่านนะครับ” ชายคนนั้นพูดทิ้งไว้ก่อนจะจากไป
“ถ้าข้าดื้อด้านโง่งม ก็เหมือนกับท่านน่ะแหละ รุ่นพี่” ฮองโดพูดขึ้นพลางเป่าเทียนให้ดับ
“ฮ้า สองดื้อด้านโง่งม เอาหัวชนกันเพราะเรื่องนี้ หัวเจ้าหรือหัวข้าใครแข็งกว่ากันน่ะ?” อึงฮวานหัวเราะร่วน
“ต้องเป็นท่านอยู่แล้ว ท่านยังจำตอนที่กระโจนเข้าไปในสนามสู้วัวได้หรือเปล่า? ข้าสาบานได้เลยว่า วัวพวกนั้นมันไม่รู้ หรอกว่าคนหัวแข็งบุกรุกเข้าไปสนามวิ่งเล่นของมันแล้ว”
“เจ้ายังจำมันได้อีกเหรอ?” อึงฮวานกะพริบตาทวนความทรงจำ “ตอนนั้นข้า....ฮิฮิ อายุแค่สามสิบและกำลังเมาปลิ้น”
“ข้าไม่เคยเจอใครที่มีความสามารถในการดื่มเท่าท่าน แต่พอล่ะ” ฮองโดพูดขึ้นเมื่ออึงฮวานไอขึ้นมาอีกครั้ง “ได้เวลาพักผ่อน เพื่อนเก่า หยุดพูดได้แล้ว”
“เสียงเจ้าเหมือนแม่ข้าเลย”
“ข้ามั่นใจว่า นางต้องเห็นด้วยที่ข้าจะอยู่ดูแลท่าน”
เสียงไอและเสียงหัวเราะเงียบไปแล้ว ฮองโดเพ่งมองไปในความมืด พรุ่งนี้แล้ว การเดินทางด้วยเรือลงสู่เกาะทางใต้และในที่สุดเขาก็จะได้พบนาง เขาจะพูดอะไรดี? แล้วนางจะพูดอะไร? เจ้าสบายดีหรือเปล่า? อ่า...ฟังแล้วดูเขาโง่ชะมัด ไม่สำคัญหรอก เขาคิดอะไรได้บางอย่าง จนล้มตัวลงและหลับลงในที่สุด
ชายคนหนึ่งปรากฏตัวในเช้าวันต่อมา เขาพยักหน้ารับฟังการแจกแจงถึงการตระเตรียมยาของฮองโด ก่อนที่เขาจะจากไป เขายังย้ำเตือนให้อึงฮวานรีบบอกเด็กรับใช้หากเขารู้สึกไม่สบายไม่ว่าเวลาใด
“ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” อึงฮวานทำท่าทางขึงขัง “โชคจงอยู่กับเจ้า” เขายิ้มให้กับความหวังที่เต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้าของฮองโด “โอ้ว” เขาร้องขึ้น ทำให้ฮองโดที่กำลังจะก้าวออกไปเกิดลังเล จนต้องส่งสัญญาณมือให้ฮองโดหันกลับมาฟังที่เขาพูดก่อน “ฝากความปราถนาดีของข้าให้กับเฮวอนด้วยนะ” เขายิ้มกริ่มรับกับความประหลาดของฮองโด ฮองโดส่ายหน้าและจากไป เขาไม่แปลกใจเลยที่อึงฮวานสามารถคาดเดาได้ว่าคนที่เขาจะไปพบนั้นเป็นใคร เพราะเขานั้นถูกคนใกล้ชิดอ่านง่ายเหลือเกิน
“ทางนี้ครับ” มีมือหนึ่งคว้าเขาไว้ขณะที่เขาเดินผ่านร้านสมุนไพร เป็นชายคนคืนวานที่มาส่งข้อความ
“โปรดตามข้ามาทางนี้ครับ” เขาพูด
“เจ้าชื่ออะไร?” ฮองโดเอ่ยถาม ขณะที่เดินตามกันเข้าไปในตรอกแคบๆ
“ท่านสามารถเรียกข้าในนามโซนามุครับ” เขาพูดขึ้นตอนที่กำลังปีนข้ามกำแพงเมื่อเดินเข้าไปในตรอกช่วงหนึ่ง
ฮองโดเหลือบมอง ต้องปีนเข้าไปในบ้านใครก็ไม่รู้หรือ?? โซนามุกวักมืออย่างเร่งรีบ ฮองโดถอนหายใจก่อนที่จะพาตัวเองขึ้นไปบนกำแพงและกระโดดข้ามไปอีกฝั่ง กลายเป็นกำแพงของหอนางโลม เขารู้เมื่อเดินผ่านเหล่านางโลมและพวกหนุ่มๆบริเวณลานหน้าบ้าน เมื่อเดินออกจากประตูก็เดินลงมาถึงถนนเส้นหลักและกลับเข้าไปในตรอกอื่น มันทำให้เขารู้ว่า โซนามุกำลังพาเขาเดินอ้อมเพื่อสลัดให้หลุดหากมีใครติดตาม
“เดี๋ยวเราก็ไปถึงทางแยก พอข้าพูดว่า ’ไป’ ให้ท่านเข้าไปทางตรอกด้านขวามือ ไปจนสุดทางจากนั้นก็ไปทางซ้าย วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้นะครับ”
“อะไรนะ? เจ้าต้องการให้ข้าวิ่งงั้นหรือ? นี่เรากำลังแข่งกันหรือเนี่ย?” ฮองโดพูดอย่างติดตลก
“ฮิฮิ ท่านจะพูดอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าท่านไม่วิ่ง เรือจะจากไปโดยไม่มีท่านโดยสารไปด้วยครับ”
“เจ้าต้องล้อเล่นแน่เลย” ฮองโดยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ไม่ใช่เหรอ” เสียงเขาดูหมองลงเมื่อโซนามุส่ายหน้า
“พร้อมแล้วนะครับ เส้นทางจะพาท่านไปถึงสะพานปลา เรือที่รอท่านอยู่ลำที่สาม อย่าลืมรหัสนะครับ พวกเขาออกตามเวลา ดังนั้นวิ่งให้เร็วที่สุดนะครับ” โซนามุเคร่งเครียดเมื่อเขามาถึงทางแยกแล้ว “ไป!” เขาแยกออกไปทางซ้ายขณะที่ฮองโดไปทางขวา
เขารู้สึกว่ามันช่างน่าขัน ยังกับเขาเป็นอาชญากรวิ่งหัวซุกหัวซุนอยู่ในตรอก เขานึกสงสัยว่ายุนบกอาจจะต้องผ่านเรื่องไร้สาระพวกนี้เพื่อที่จะลงเรือที่จะไป แล้วนี่ซ้ายหรือขวาล่ะ” เขานึกทบทวนอย่างร้อนรนเมื่อใกล้ถึงสุดทางของตรอก ทางซ้าย เขาตัดสินใจแล้วหมุนตัวไปทางนั้น แล้วก็เกือบชนเข้ากับพ่อค้าเร่ที่กำลังเดินเข้ามาในตรอก เขากระโดดหลบและหันหัวไปทางซ้ายทีขวาที เขาเห็นท่าเรือที่เขาวิ่งหาแล้ว พลางหลบหลีกฝูงชนเท่าที่ทำได้ เรือขวามือลำที่สาม...นั่นกำลังผลักออกไปแล้ว
“รอก่อน!!!” เขาตะโกนลั่น โบกไม้โบกมือเพื่อเรียกความสนใจของลูกเรือ “รอด้วย!!!”
พวกเขามองกลับมาเห็นชายวัยกลางคนกำลังร้องตะโกนมาทางพวกเขาอยู่ ช่องกลางระหว่างเรือและสะพานปลากว้างขึ้นเรื่อยๆทุกๆขณะ ลูกเรือตะโกนเสียงแข่งกับลมที่เริ่มแรงขึ้น
“โดด! กระโดดเลย!” ลูกเรือยืนอยู่ที่ท้ายเรือ ยื่นแขนออกไปให้จับขณะที่ฮองโดกระโดดเข้ามา พวกเขาเกือบกระแทกเข้ากับกระโดงเรือจากแรงที่ปะทะกัน “กระโดดยอดเยี่ยมไปเลยครับ” ลูกเรือยิ้มรับขณะที่ช่วยพยุงฮองโดให้ทรงตัวได้เอง
“ข้าก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นอีก” ฮองโดหายใจหอบแล้วนั่งลง
“ท่านมีอะไรจะบอกข้ามั้ยครับ” ลูกเรือมองมาทางเขา
“อะไร?” ฮองโดมองกลับไปด้วยความมึนงง “โอ้ว...” รหัสไง สิ่งที่ลูกเรือถามเขา “โปโก”
“ดีมากครับท่าน ท่านอยากจะนั่งใต้หลังคามั้ยครับ? อยู่ข้างนอกนี่มันร้อนนะครับท่าน” เขาชี้ไปยังหลังคารูปครึ่งวงกลมที่อยู่ตรงกลางของลำเรือ
“ขอบใจนะ อีกนานมั้ยกว่าจะถึงที่หมาย?” ฮองโดนั่งใต้หลังคาอย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของวัน
“ประมาณครึ่งวัน เราจะไปถึงที่นั่นช่วงบ่ายครับ” ลูกเรือออกไปช่วยเพื่อนพายเรือ สายลมช่วยให้ความเร็วเพิ่มขึ้น ฮองโดถอนหายใจและทำตัวให้สบายไปกับการล่องเรือ

ชินเฮ
15th Soseo 1789
“เจ้าเป็นไรมั้ย?” ยุนบกถามอย่างเป็นห่วง เมื่อมองหน้าที่ดูเซียวเล็กน้อยของชองฮยางในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ภายใต้หลังคาของเรือ พ็อกก๊อตเกาะอยู่แทบเท้าของนาง นางได้ยินความเป็นห่วงของเขาและกำลังตบหลังของนางเบาๆ
“ข้ายังสบายดีอยู่ค่ะ และคิดว่าไม่ควรเคลื่อนไหวบนเรือมากนักค่ะ” ชายเสื้อคลุมลอยขึ้นและสะบัดไปมาเช่นเดียวกับกาบเรือทั้งสองด้านที่ขยับขึ้นๆลงๆตามกำลังลมที่พัดแรง “ลมแรงจริงๆ” นางพูดขึ้นและคว้าชายเสื้อเอาไว้ก่อนที่จะนั่งลง อุ้มพ็อกก๊อตไว้บนตัก
“ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ค่อยสบายแม้เพียงเล็กน้อย ให้มองออกไปไกลๆ อย่ามองอยู่แต่ภายในเรือ” คำแนะนำของซุกควอนดังขึ้น เขากำลังใช้กริชอันเล็กๆเฉือนไม้สนท่อนน้อย “ข้าก็เคยเมาเรือเหมือนกันตอนที่ข้าโดยสารเรือเป็นครั้งแรก”
“โอ้ว ตอนนั้นท่านไปไหนครับ?” ยุนบกถามด้วยความกระตือรือร้น อาจารย์ของเขามักมีเรื่องที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังเสมอ
“เป็นการเดินทางไปเกาะกังฮวา เพื่อที่จะไปดูแลการก่อสร้างป้อมปราการ” ซุกควอนพูดสั้นๆ ขยิบตาให้กับยุนบกให้เข้าใจว่าอาจารย์ของเขาไม่อยากเปิดเผยอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว “อืมมมม ลมแรงขนาดนี้ ทำให้เวลาเดินทางไปถึงเกาะสั้นลง อาจารย์ของเจ้าใช้เวลามากขึ้นเมื่อเขาหันหัวไปทางใต้และทางตะวันตก เป็นการต้านลมถ้าข้าดูไม่ผิดนะ”
“เรากำลังจะไปเกาะไหนครับ? ท่านเคยพูดว่าไม่ใช่ถิ่นที่คุ้นเคย” ยุนบกมองออกไปจากแนวใต้หลังคาและเห็นแค่ทะเลในมุมกว้างๆเท่านั้น
“เกาะนี้อยู่ทางใต้ระหว่างจีนกับปูซาน เป็นสถานที่ที่ดีมากๆ น้ำใสราวผลึก ก็คล้ายๆที่ๆเราเคยอยู่นั่นแหละ”
“โอ้ว ทำไมไม่เคยได้ยินท่านพูดขึ้นมาก่อนเลย? ผิดทิศ?” อย่างไรก็ตาม ความร้อนจากแสงแดดสามารถรับรู้ได้ ลมทะเลทำให้เย็นลง สภาวะหัวเรือที่ผงกขึ้นๆลงๆเหมือนการสะกดจิตทำให้ยุนบกรู้สึกง่วงนอนเหมือนกับพ็อกก๊อต เขายิ้มเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยหลับอย่างรวดเร็วบนตักของชองฮยาง
“แผนเปลี่ยน มันเกิดขึ้นแล้ว” ซุกควอนยักไหล่ “นางปฏิบัติตัวเช่นไรเมื่ออยู่กับพวกเจ้าทั้งสอง?” เขาพยักหน้าไปทางเด็กน้อยที่หลับใหล
“นางยังเด็กแต่ข้าไม่สงสัยเลยว่านางยังคงมึนงงกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวนางค่ะ” ชองฮยางใช้ส่วนหนึ่งของเสื้อคลุมห่มนางไว้ “นางจะนอนหลับสบายกว่านี้ค่ะ เมื่อพวกเรากลับไปถึงบ้าน”
“เจ้ารู้มั้ย นางมีดวงตาเช่นเดียวกับเจ้า” ซุกควอนชี้ไปที่ยุนบกเพื่อเน้นความคิดของเขา
“ท่านก็เหมือนกัน?” ยุนบกพูดขึ้นมาด้วยความตะลึงงัน เขามองแล้วมองอีกแต่เขาก็ไม่เห็นอะไรเหมือนอย่างที่พวกเขาพูดกันเลย “ข้ามองไม่ออกด้วยตัวข้าครับ”
“เจ้าพานางกลับไปบ้าน คนอื่นๆคงจะพากันแปลกใจ หากว่าเจ้าไม่ได้มีนางจากผู้หญิงคนอื่น” ซุกควอนทำเสียงเศร้าๆ
“อะกู ท่านอาจารย์ พูดได้น่ากลัวมากครับ!” ยุนบกคัดค้านเต็มที่ในขณะที่ชองฮยางซ่อนยิ้ม “แล้วท่านก็อย่าได้ไปเที่ยวพูดในเรื่องที่เกี่ยวกับข้านะครับ!”
ซุกควอนยักไหล่ เขาแค่พูดความจริงเพราะว่ามันคือข้อเท็จจริง ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็แค่เสแสร้งพลางแลบลิ้นไปมา
“ข้าคิดว่า เป็นเจ้าบอกเองดีกว่าว่านางเป็นลูกของญาติของเจ้า นั่นมันก็อธิบายได้ว่าทำไมนางถึงได้ดูคล้ายกับเจ้าบ้าง” เขาพูดขึ้นอย่างมีเหตุมีผลในขณะที่ยุนบกถอนหายใจอย่างฉุนเฉียว
“ข้าสงสัยว่าพาโดจะพูดว่าอะไรเมื่อเขารู้ว่าเขามีน้องสาว” โอ้ นี่มันทำให้นึกย้อนไปถึงตอนเขาถูกแนะนำให้กับพี่ชายบุญธรรม แต่ไม่หรอก เด็กหญิงน้อยคนนี้จะถูกเลี้ยงดูแบบที่นางควรจะเป็น ไม่เหมือนเขาเลย
“ข้าคาดว่าเขาจะดีใจมากที่จะได้มีเพื่อนเล่น เป็นสิ่งแปลกใหม่ค่ะ” ชองฮยางพูด
“แล้วตกต้นไม้ไปด้วยนะเหรอ?” ยุนบกหัวเราะหึๆ
“ท่านคาดว่านางจะปีนต้นไม้ด้วยจริงๆหรือคะ?” ชองฮยางทำเสียงดุ
“แล้วกับพาโดล่ะ? เจ้าคงสามารถคาดเดาในสิ่งที่เดาไม่ได้” ยุนบกหาวนอนแล้วเอนหลังหนุนแขนไปด้านข้างที่มีหีบห่อขนาดใหญ่ “เรือไหวโยกไปมาทำให้ข้ารู้สึกอยากจะนอนนัก”
“ทำไมเจ้าไม่นอนซะตอนนี้ล่ะ? ข้าจะปลุกเองตอนที่ถึงเกาะแล้ว” ซุกควอนพูด เขากำลังขะมักเขม้นกับการแกะสลักไม้สนท่อนน้อยในมือ เมื่อไม่มีคำตอบกลับมา เขาจึงมองไป ยุนบกหลับไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งชองฮยางด้วย ทั้งสองคนนี่...เขาส่ายหน้า ไม่เคยหยุดทำให้เขานึกสนเท่ห์ว่าทั้งสองเป็นสิ่งสะท้อนกันและกันทั้งความคิดและการกระทำ เวลาแห่งความผาสุกแปดปีมาแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันบ้างแต่พวกเขาก็ไม่เคยทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ ต่างคนต่างพร้อมที่จะรับมือให้แก่กัน เขายิ้มเมื่อนึกถึง
พวกเขาเป็นครอบครัวของเขาและเขาทำทุกอย่างให้เห็นว่าพวกเขาอยู่ได้อย่างไม่มีใครรบกวนเท่าที่จะทำได้จากแผนการร้ายจากเรื่องทางการเมือง ภารกิจที่เพิ่งจบไป เขารู้ว่ามันกดดันยุนบกมาก เขาเฝ้ามองอย่างเป็นห่วงขณะที่ยุนบกผลักดันตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนในแต่ละวัน เห็นสภาพร่างกายได้ชัดว่าทำงานอย่างหนัก ถ้าเขาสามารถทำได้ เขาจะดึงยุนบกเอาไว้และทำให้เขาได้หยุดพักไปตลอดทั้งวัน แต่เขาทำไม่ได้ เขามั่นใจว่าชองฮยางก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันแต่ก็เหมือนกับเขา มือนางก็ถูกสิ่งที่มองไม่เห็นมัดไว้ ดังนั้นในแต่ละวันที่ผ่านพ้นเขาได้แต่กลัดกลุ้ม พยายามที่จะไม่แสดงมันออกมา ได้แต่หวังและสวดภาวนาว่าจะมีบางสิ่งเล็ดลอดออกมาบ้าง เขาดีใจมากที่ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว รอยคล้ำรอบดวงตายุนบกหายไปแล้วและเขาก็ดูเหมือนจะได้พักอย่างเพียงพอ เขาหวังอย่างที่สุดว่ายุนบกจะไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใดๆอีกในอนาคต บางที ถ้าเขาใส่เรื่องความกดดันเข้าไปในรายงาน? เขามั่นใจว่าพระราชาจะเข้าใจเป็นอย่างดี เขาสามารถหวังเช่นนั้น กริชถูกยกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเริ่มงานแกะสลักของเขา


โดย: albatross11 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:41:04 น.  

 
ขอบคุณมากๆสำหรับตอนใหม่
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านในตอนต่อไป


โดย: Blackpirate IP: 115.87.207.118 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:24:21 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะเปนกำลังใจห้นะคะ


โดย: Koko IP: 27.55.11.182 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:3:49:08 น.  

 
ว้าวๆ มาแล้วๆๆๆๆๆ
ขอบคุณมากๆจ้า :)


โดย: 5cc IP: 124.121.241.253 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:01:54 น.  

 
อ่านจบแล้ว สนุกมากๆ เลยค่ะ
ชอบฟิคเรื่องนี้ที่สุดแล้วค่ะ
มีเหตุมีผลสุดและก้สนุกที่สุด

ขอขอบคุณพวกพี่ๆ ทุกๆ คน ที่สละเวลามาช่วย
แปลเรื่องสนุกๆ ให้ได้อ่านกันะคะ

และก้จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ :)


โดย: 5cc IP: 124.121.241.253 วันที่: 1 ธันวาคม 2555 เวลา:4:09:11 น.  

 
อยากอ่านตอนต่อไปแว้ววววว
วู้วๆๆๆ :)


โดย: 5cc IP: 124.122.156.134 วันที่: 4 ธันวาคม 2555 เวลา:1:45:37 น.  

 
ว้าววววววว สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ


โดย: น้องใหม่ IP: 110.49.234.18 วันที่: 4 ธันวาคม 2555 เวลา:22:52:23 น.  

 
ขอขอบคุณท่านPPP และท่านZigzag มากมายขอรับ

จุใจจริงขอรับตอนนี้ เนื้อเรื่องมากดีขอรับ อ่านไปเพลินๆ จบอีกแล้ว

สนุกสนานมากครับ เป็นภาคต่อที่มีความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ดีขอรับก็จะได้เห็นความแข็งแกร่ง และไหวพริบของยุนบก ซึ่งไม่ใช่มีแต่ด้านศิลปะเพียงอย่างเดียว

เสียดายนะขอรับ ที่บทหวานกุ๊กกิ๊กของยุนบก และฮยาง มีน้อยไป

ท่าทางเรื่องราวคงยังไม่จบง่ายๆ งั้นก็ขอรอตอนต่อไปดีกว่าขอรับ


โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 115.31.185.226 วันที่: 6 ธันวาคม 2555 เวลา:16:25:31 น.  

 
มารออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ อิอิ


โดย: 5cc IP: 124.122.139.131 วันที่: 10 ธันวาคม 2555 เวลา:1:26:22 น.  

 
รอรอรอรอรอรอรอ :)


โดย: YBJH IP: 124.122.114.181 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:20:57:54 น.  

 
อ่าน..อ่าน3วัน3คืน น้ำตาไหลทุกคืนวัน
ตัวอักษรเบียดกัน จนต้องจ้องหน้าติดคอมฯ
ก๊อปสีให้แตกต่างกัน เพื่อจะได้อ่านบรรทัดที่อ่านไม่ซ้ำ

เฮ้..สนุกมาก คนแต้งๆเก่งมาก
คาดเดาเรื่องยาก เลยสนุกตรงบู๊เหมือนกำลังภายใน หนุกดี

ขอบคุณน้ำ ท่าซิกเอ๊กแอล ท่านยู ท่าน3ี พี ท่านผอ.และช่างแปลทุกท่าน
ที่ทำให้ได้อ่านฟิคสนุกๆ
นี่รอมา2ปี ผมหงอกเลย กว่าจะได้อ่านรวดเดียวแทบจำความเดิมตอนที่แล้วไม่ได้
ต้องไปอ่นตอน3ใหม่

เพราะไปอ้รของท่ีนเกษตรฯแต่ง เลยสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก
เบลอเพราะเรืองเดียวกัน แต่กล่ายเป็นคนละแนว
ชื่อหมือนกัน แต่คนละคนแต่งฟิค เรื่องเดียวกันแต่ไปคนละทาง
คนอ่านที่แก่แล้วอย่างข้า
เยต้องเริมแกรอยแต่ต้นเพื่อประติดประต่อให้เข้าใจ
แทบแย่เลยอ่ะ ปวดตา ปวดหัว สงสัยแว่นตาสายตายาวมัน300ไม่พอคงตองตัดใหม่ใ้ห้เป็นแว่นขยายแล้วล่ะ

ยิ่งจ้องยิ่งมันจนน้ำตาหยดติ๋งๆ
ดีใจมากๆนะ ที่ได้อ่านทีเดียว10ตอนเลย
พักสายตาสักหลายๆวัน
พรุ่งนี้ตี5ต้องตื่นไปปั่นจักรยานถวายพระพรแต้เช้าที่พระรูปทรงม้า นัดกันรไป500คน

ขอบคุณทุกท่านมากๆ เก่งมากๆที่แปลไดสนุกจริงๆ


โดย: สุเกียง IP: 58.8.96.230 วันที่: 12 พฤษภาคม 2556 เวลา:1:06:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.