ตอนที่ 26 ทางรอด by เกษตรศิลป์&กบน้อย&แม่นางน้อย
ด้านจินซิลและจีวานในที่สุดทั้งคู่ก็สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ พร้อมทั้งใช้กลอุบายหลอกล่อให้นักฆ่าของ กลุ่มจิงซางหลงกลจนไล่ตามมาไม่ทัน ทั้งจินซิลและจีวานต่างหยุดวิ่งเมื่อรู้สีกว่าทิ้งระยะห่างจากคนของกลุ่มจิงซางไกลพอสมควรเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยจีวานจึงหันไถ่ถามจินซิลซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ จินซิล เจ้ายังไหวอยู่ไหม จากตรงนี้ไปยังจุดนัดพบไม่ไกลเท่าไหร่นักอดทนหน่อยล่ะกันจินซิลพยักหน้ารับก่อนที่จะใช้ดาบตัดชายแขนเสื้อพร้อมกับฉีกออกก่อนจะพันลงไปที่บาดแผลเพื่อห้ามเลือดแล้วกล่าวกับจีวาน อืม ข้ายังไหว เราไปกันเถอะ ก่อนที่เจ้าสุนัขรับใช้พวกนั้นจะไหวตัวทันหากเป็นเช่นนั้นพวกเราทุกคนจะไม่ปลอดภัย แล้วทั้งคู่จึงรีบมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางทันทีด้านดานุงที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์สกัดไว้ก่อนจะออกมาจากโรงเตี๊ยมนั้นภายหลังนางจึงได้รู้ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาขัดขวางไม่ให้นางออกจากโรงเตี๊ยมในขณะที่จินซิลกำลังเพลี่ยงพล้ำชายที่ท่าทางดูเป็นหัวหน้ากลุ่มได้กล่าวบอกนางให้ได้รู้ว่าเขาชื่อยอนอูเป็นหัวหน้าคนงานที่ซุกควอนสั่งให้ตามสมทบและให้การคุ้มครองหญิงสาวพวกเขาจึงพานางออกมาจากโรงเตี๊ยมพร้อมกลับพามาหลบอยู่ในป่าที่เป็นเส้นทางที่จะยังไปโรงงานกระดาษเแม้ว่ายอนอูจะบอกว่าส่งคนเข้าไปช่วยเหลือจินซิลแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดานุงคลายความกังวลหญิงสาวเฝ้ารอด้วยอาการกระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วงจินซิลหากเพียงไม่นานนักจินซิลและจีวานก็ปรากฏตัวสร้างความดีใจให้กับดานุงและคนอื่นๆ แต่แล้วหญิงสาวต้องตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นแขนซ้ายของชายหนุ่มที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่ซึมผ่านผ้าที่ใช้พันไว้จินซิลหันไปมองดานุงด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดี ชายหนุ่มจึงกล่าวถามนางด้วยความห่วงใยพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาและสีหน้าที่วิตกของนางที่มองมายังบาดแผลที่แขนซ้ายของเขา ก่อนจะบอกให้นางคลายความวิตก คุณหนูดานุงท่านปลอดภัยดีนะขอรับ คุณหนูไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ บาดแผลนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไรโชคดีที่จีวานไปทันเวลาพอดีการที่ข้าได้รับบาดเจ็บเป็นเพราะตัวข้าประมาทฝั่งตรงข้ามเกินไป คุณชายจิน ถึงอย่างไรข้าต้องขอโทษท่านและทุกคนหากข้ายั้งคิดอะไรให้รอบคอบกว่านี้คงไม่ต้องเป็นเหตุทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บซ้ำร้ายยังนำความเดือดร้อนมาให้แก่พวกท่านทุกคนอีกด้วย ข้าขอโทษทุกท่านจริงๆดานุงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเสียใจหญิงสาวก้มตัวลงย่อคำนับเพื่อเป็นการขอโทษทุกคน จินซิลและทุกคนพากันตกใจกับการกระทำของนาง คุณหนูดานุง อย่าได้ทำเยี่ยงนี้เลยครับ นั่นสิขอรับ มันไม่ใช่ความผิดของท่าน คุณหนู ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ความผิดของท่านหากแต่สิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นเพราะความละโมบของคนที่ไม่รู้จักพอเพียงผู้เดียวเท่านั้นยอนอูเอ่ยกล่าวบอกกับหญิงซึ่งทุกคนต่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของเขา พี่ยอนอูพูดถูก คุณหนูดานุงท่านมิได้ทำอะไรผิดหากจะหาคนผิด คนผู้นั้นคือซุงพยองจุง เจ้าพ่อค้าถ่อยที่จิตใจคับแคบและไร้ซึ่งคุณธรรมหาความภูมิใจเยี่ยงบุรุษมิได้ใช้วิธีลอบกัดและรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่คู่ควรที่ท่านจะมาเฝ้าโทษตัวเองหรอก น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถจัดการเจ้าคนถ่อยซุงพยองจุงได้ จินซิลกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถจัดการนายห้างของกลุ่มจิงซางและไม่ได้ยาถอนพิษกลับมาให้ยุนบกท่ามกลางความเงียบงันเพียงครู่เดียวในระหว่างนั้นได้มีสายลมพัดผ่านมาเบาๆ ยอนอูเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสิ่งความผิดปกติ ตอนนี้ข้าว่าพวกเราควรต้องรีบไปจากที่นี้เสียแล้วข้ารู้สึกจะได้ยินเสียงของกลุ่มคนและเสียงฝีเท้าที่แว่วมากับสายลมเมื่อครู่ไม่แน่ว่ากลุ่มจิงซางอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ หากเป็นเช่นนี้พวกเราอาจจะเสียเปรียบเมื่อเกิดการปะทะกันจินซิลเจ้าจงรีบพาคุณหนูดานุงกลับไปยังโรงงานกระดาษก่อน ส่วนพวกข้าจะคุ้มกันให้เอง พี่ยอนอู ท่านพาคุณหนูดานุงไปเถอะส่วนข้าจะเป็นคนคุ้มกันให้ท่านเอง จินซิล!!!!!!ข้าบอกให้เจ้าไป เจ้าก็ควรทำตามที่ข้าบอกตัวเจ้าได้รับบาดเจ็บเช่นนี้หากให้ข้าไปกับคุณหนูมีแต่ทำให้ข้าห่วงหน้าพะวงหลังมากขึ้นคุณหนูเป็นห่วงเจ้ามากในตอนที่เจ้าบุกเข้าไปในเขตปกครองของกลุ่มจิงซางหากข้ามาช้าอีกนิดเดียว คุณหนูคงออกไปจากโรงเตี๊ยมเพื่อไปช่วยเจ้าแล้วหากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหนเจ้าลองคิดดูจริงๆข้าจะพาคุณหนูกลับไปยังโรงงานกระดาษก่อนแต่นางไม่ยอมบอกว่าจะรอเจ้าเพราะนางบอกว่าเป็นความผิดของนางที่ทำให้เจ้าต้องมาเสี่ยงอันตรายแต่ตอนนี้เจ้าสิ่งที่เจ้ากล่าวและคิดจะทำนั้นคงทำให้คุณหนูดานุงลำบากใจและรู้สึกผิดมากไปกว่าเดิมจีวานมองสบตากับจินซิลพร้อมกับกล่าว จินซิล เจ้ารีบพาคุณหนูไปเถอะ ปล่อยให้ข้า,พี่ยอนอูและทุกคนคุ้มกันเถอะ เจ้าไม่ต้องห่วงพวกเราจะกลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน แล้วเจอกันที่โรงผลิตกระดาษโดยเฉพาะข้าจะต้องรอดกลับไปขัดคอเจ้าแน่เจ้าหนุ่มเจ้าสำราญจีวานเอ่ยด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังพร้อมกับลงท้ายด้วยการเหน็บแหนมจินซิลอย่างที่ชายหนุ่มมักจะทำเป็นประจำจินซิลยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับหันไปรอบตัว ส่งสายตาแสดงความขอบคุณให้กับยอนอูและทุกคนจินซิลจับสายบังเหียนม้าไว้แน่นพร้อมกับให้ดานุงขึ้นไปบนหลังม้าก่อนที่ชายหนุ่มจะปีนขึ้นหลังม้าตามกับพร้อมกับมืออีกข้างที่เลื่อนไปจับสายบังเหียนม้าไว้แน่นพร้อมกับกล่าวกับดานุง คุณดานุง ขออภัยที่ล่วงเกินขอรับ ดานุงรับคำเบาๆอย่างเข้าใจที่สถานการณ์ดี ไม่เป็นไหร่คะคุณชายจิน ข้าเข้าใจดี จินซิลมองสบตายอนอู จีวานและพวกทุกคน ก่อนที่จะกระตุกสายบังเหียนพร้อมกับใช้ส้นเท้ากระทุ้งที่ลำตัวของม้าสีนิลเจ้าม้าสีนิลตัวใหญ่เปล่งเสียงร้องมาก่อนที่จะวิ่งควบออกไปอย่างรวดเร็ว ยอนอูจีวานและคนที่เหลือต่างพากันไล่ตามหลังไปอย่างเว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อให้การคุ้มกันแก่คนทั้งสอง เสียงดังจ้อแจดังไปทั่วตลาดในเวลายามเย็นใกล้พลบค่ำผู้คนมากมายสัญจรไปมาอย่างคับคั่ง ร้านค้าต่างๆรวมทั้งโรงเตี๊ยมและหอนางโลมต่างส่งเสียงโฆษณาและเชิญชวนผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเสียงเชียร์ของกลุ่มคนที่ห้อมล้อมดูมวยปล้ำและไก่ชนดูครึกครื้นอัดแน่นด้วยเหล่านักพนันที่ส่งเสียงเชียร์กันดังสนั่นไม่นานแสงสุดท้ายอัสดงก็ค่อยๆลับฟ้าไปเหลือเพียงแสงจากโคมไฟที่สาดส่องไปทั่วตามถนนและร้านค้าต่างๆแทนความเงียบสงบเข้ามาแทนที่ในยามพลบค่ำมีแค่เพียงโรงเตี๊ยม หอนางโลมและร้านเหล้าที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ร้านเหล้าริมถนนแห่งหนึ่งที่บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานคล้ายขุนนางใหญ่นั่งดื่มเหล้าอยู่ ชายหนุ่มหน้าตาคมคายกับท่าทางที่สง่างามผ่าเผยของเขาดูเด่นสะดุดตาแม้จะนั่งอยู่ในร้านเหล้าริมทางแต่ไม่ได้ทำให้เขาหมองหม่นลงแม้แต่น้อยกับเพิ่มความมีสง่าราศีมากขึ้น ชายหนุ่มนั่งจิบเหล้าอยู่กับชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามเช่นกัน ชายหนุ่มยกเหล้าขึ้นจิบก่อนจะวางถ้วยเหล้าลงพร้อมกับยกขวดเหล้ารินเหล้าให้กับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกล่าวกับชายวัยกลางคนด้วยน้ำเสียงสุภาพหากแต่แฝงไปด้วยอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ข้าดีใจที่ได้พบท่านอีกแต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าการเจอกันในครั้งนี้ทำให้ข้าประหลาดใจกว่าทุกๆครั้งที่ได้พบกับท่านแต่คงน้อยกว่าเจ้าหนุ่มน้อยนั้นเขามักจะทำให้ข้าต้องพบกับความประหลาดใจทุกครั้งไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แล้วท่านล่ะคิดว่าอย่างไรชายหนุ่มยกถ้วยเหล้าขึ้นจิบก่อนจะวางลงบนโต๊ะเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยชายวัยกลางคนกล่าวกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความนอบน้อม ขอรับ ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เขามักจะชอบสร้างความปวดหัวให้กับข้าในขณะเดียวกันก็สร้างความอัศจรรย์ใจเขามักโดดเด่นเสมอแม้ว่าเขาจะทำตัวอยู่อย่างปกติธรรมดาอย่างคนทั่วไปก็ตาม แต่เจ้าเด็กนั้นทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขมากขึ้นเจ้าหนุ่มน้อยนั่นเป็นเหมือนหลานชายของข้าคนหนึ่งไปแล้วขอรับชายวัยกลางคนกล่าวถึงใครคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงด้วยความห่วงใยและเอื้ออาทรชายหนุ่มยิ้มออกมาก่อนที่จะรินเหล้าลงไปในถ้วยทั้งของเขาและชายวัยกลางคน ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสถานการณ์ที่บีบคั้นจิตใจความรักมักอยู่เหนือกฎเกณฑ์สร้างทั้งความสุขและทุกข์ในคราวเดียวกัน เปลี่ยนคนให้ดีและเลวได้ความรักบางครั้งเข้าใจง่ายและบางทีก็เข้าใจยากแต่ความรักก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายกับคนผู้นั้นสุดท้ายความรักก็คือความรักแม้จะหานิยามไม่ได้แต่ความรักคือสิ่งสวยงามแม้จะมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนมีทั้งอุปสรรคและปัญหาหากหัวใจของคนสองคนหล่อหลอมกันจนเป็นหนึ่งเดียวเสมือนต่างเป็นลมหายใจและจิตวิญญาณของกันและกัน ช่างเป็นความรักที่งดงามและหายากเหลือเกินซึ่งน้อยนักที่จะหาความรักเช่นนี้ได้ชายหนุ่มกล่าวจบพร้อมกับยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะวางถ้วยลงเพียงชั่วครู่ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาหาพร้อมกับก้มลงกระซิบบอกบางอย่างพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้แก่เขาชายหนุ่มพยักหน้ารับและยกมือเป็นสัญญาณบอกกับชายคนดังกล่าวชายคนนั้นถอยออกไปพร้อมกับคำนับแล้วเดินจากไปทันทีเขายื่นของที่รับมาจากชายหนุ่มที่เดินจากไปนั้นให้แก่ชายวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมกับกล่าว ในห่อผ้านี้มีสิ่งที่ท่านต้องการอยู่ท่านคงได้เวลาเดินทางแล้วสินะ น่าเสียดายที่การมาครั้งนี้ของท่านช่างมีเวลาสั้นนักข้าเลยไม่ได้นั่งดื่มเหล้าและฟังเรื่องราวการผจญภัยของท่านเลยแต่ว่าเรื่องเล่าคราวนี้ทำให้ข้านึกถึงอดีตที่ผ่านมาฝากบอกเจ้าหนุ่มนั้นว่าข้าสั่งให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปและอย่าได้คิดสั้นอีกสำหรับของขวัญที่จะแสดงความยินดีกับเขานั้นข้าคงไม่มีอะไรที่พิเศษมากมายให้กับเขานอกจากของที่อยู่ในห่อผ้านี้ซุกคนวอนยื่นมื่นไปรับห่อผ้าและก้มศีรษะลงกล่าวตอบด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ของขวัญที่นายท่านมอบให้แก่เขานั้น ข้าน้อยคิดว่ามันยิ่งใหญ่และไม่รู้ว่าจะตอบแทนนายท่านได้อย่างไรในความเมตตาที่นายท่านมีต่อเขาเจ้าหนุ่มน้อยคงคิดไม่ต่างจากข้าแน่ ข้าขอขอบคุณนายท่านแทนเขาขอรับชายวัยกลางคนลุกขึ้นแล้วก้มคำนับชายหนุ่มตรงหน้าชายหนุ่มยิ้มออกมาแล้วจึงกล่าวกับซุกควอน พอเถอะ ท่านลุกขึ้นเถอะเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของข้า จะให้ข้านิ่งดูดายได้อย่างไร ท่านรีบไปเถอะป่านนี้เขาคงรอคอยการกลับไปของท่าน ซุกควอนกล่าวอำลาชายหนุ่มก่อนจะรีบตรงกลับไปยังโรงผลิตกระดาษทันที ชายหนุ่มยังคงนั่งดื่มเหล้าไปเรื่อยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่ส่องแสงสุกสกาวอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืนแล้วกล่าวรำพึงกับตัวเองเบาๆ อืมไม่ว่าจะครั้งไหนหรือใครก็ตามคงไม่มีใครทำให้ข้าได้ประหลาดใจได้เท่าเจ้าอีกแล้วซินะแฮวอน ซินยุนบกยุคสมัยกำลังจะเปลี่ยนไปเหมือนกับเจ้าที่ข้ามผ่านกฎเกณฑ์และจารีตประเพณีอันคร่ำเคร่งที่มีมานานนี้ไปได้ ณ โรงผลิตกระดาษ ภายในห้องนอนชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวที่หลับใหลไม่ได้สติด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ยุนบกกุมมือของจองฮยางขึ้นมากุมไว้ดึงมือที่ซีดเซียวเย็นเฉียบขึ้นมาแนบแก้มชายหนุ่มจรดริมฝีปากลงบนมือของนางอันเป็นที่รักเบาๆหยดน้ำใสๆรินไหลออกมาจากดวงตาที่แดงกล่ำ เขาเอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ฮยางเจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ฮยางได้โปรดลืมตาขึ้นมาเถอะ เจ้าใจร้ายเหลือเกินเจ้าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับข้าในคืนที่เราแต่งงานกันแล้วหรือ ไหนเจ้าบอกว่าจะอยู่กับข้าจะเผชิญทุกอย่างไปด้วยกัน เจ้าขอให้ข้าสัญญา แต่ตอนนี้เจ้ากำลังจะทอดทิ้งข้าไปฮยางคนงามของข้า หากไร้เจ้าแล้วชีวิตของข้าจะดำเนินไปได้อย่างไรผี้เสื้อจะมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไรหากไร้ซึ่งดอกไม้ ข ขะ ข้ารักท่านช่างเขียน เหตุใดท่านจึงเศร้าล่ะค่ะข้าไม่ลืมสัญญาของเราจองฮยางกล่าวน้ำเสียงที่สั่นพร่าความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกาย แต่ต้องฝืนทนหญิงสาวฟื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของยุนบกพร้อมกับหยดน้ำอุ่นๆที่รดลงบนมือของนางจองฮยางมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายและดวงตาที่เคยสดใสซึ่งตอนนี้ใบหน้าของชายหนุ่มกลับดูซูบเซียวและหมองคล้ำดวงตาแดงกล่ำนางจึงยกมืออีกหนึ่งขึ้นอย่างยากลำบาก หญิงสาวฝืนทนความเจ็บปวดยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของยุนบกอย่างแผ่วเบา ยุนบกมองสบตานางอันเป็นที่รักด้วยความรักทันทีสัมผัสจากมือของนางโดนใบหน้าชายหนุ่มต้องสกัดกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะแสดงถึงความอ่อนแอเอาไว้พร้อมกับใช้มือขึ้นมาจับกุมมือที่สั่นเทานั้นไว้พร้อมกับรอยยิ้มบางๆให้กับนาง ยุนบกมองเห็นรอยยิ้มบางๆของนางผ่านความพร่ามัวของสายตา ฮยาง ข้ารักเจ้า ข้ารักท่านช่างเขียน แค่ก!!!!!แค่ก!!!!!!!!! ฮฮยาง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!เมื่อเห็นจองฮยางกระอักเลือดสีแดงข้นออกมาแล้วสลบไปชายหนุ่มถึงกับตะลึงงันกก่อนจะได้สติและรีบวิ่งออกไป ยุนบกได้วิ่งมาหาปู่โซด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรนทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในห้องโถงต่างๆรู้สึกกังวลกับท่าทีของชายหนุ่มโดยเฉพาะดานุงปู่โชที่ทำการรักษาแผลให้จินซิลซึ่งเสร็จสิ้นจากการรักษาพอดีจึงหันมากล่าวถามยุนบกพร้อมกับมองเห็นสิ่งผิดปกติบนเสื้อของชายหนุ่ม คุณชาย เกิดอะไรขึ้นดูเจ้าร้อนรนยิ่งนัก แล้วรอยเลือดนั้น ท่านปู่ ภรรยาของข้า นาง
.ท่านต้องช่วยนางนะขอรับ นางฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ทันไหร่นางก็กระอักเลือดออกมาพร้อมกับสลบไป ท่านปู่มันหมายความว่าอย่างไรปู่โซได้ฟังคำกล่าวของยุนบกก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีก่อนจะหันไปบอกยอน ยอน เจ้าจึงเตรียมไปต้มยาตามที่ปู่เขียนไว้ดูเหมือนพิษจะกำเริบขึ้นมาเสียแล้วเดียวปู่จะไปฝั่งเข็มเพื่อสกัดพิษไว้ก่อน แต่ท่านปู่คะสูตรยานี้มันยังของสำคัญอยู่นี้ค่ะ ปู่รู้ แต่ตอนนี้ไม่มีหนทางให้เราเลือกอีกแล้วเรามีเวลาไม่มากนักเจ้าจึงไปทำตามที่ปู่บอกเถอะ ท่านปู่ หมายความว่าพิษนั้นท่านปู่ท่านต้องช่วยนางให้ได้นะครับ ท่านต้องการอะไรบอกมาเถอะข้าจะไปหาให้ท่านของนั้นมาให้ท่านปู่ให้ได้ ยุนบกกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือความรู้สึกกลัวที่จะสูญเสียนางอันเป็นที่รักแล่นริ้วขึ้นจับขั้วหัวใจเจ็บปวดจุกแน่นไปหมดจนน้ำตาคลอ ดานุงที่กลับมาถึงได้เพียงครู่เดียว เมื่อเห็นยุนบกวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่นดวงตาแดงกล่ำเต็มไปด้วยน้ำตา นางถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หญิงสาวจึงได้แต่พร่ำกล่าวขอโทษแก่ยุนบก คุณชายซอข้าขอโทษที่ไม่อาจนำยาถอนพิษกับมาให้ท่านได้ ข้าโทษจริงๆในขณะที่ทุกคนต่างๆอยู่ในภาวะตึงเครียดนั้นได้มีเสียงฝีเท้าของม้าหยุดอยู่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งขึ้นมาอย่างรีบเร่งเสียงเปิดประตูห้องโถงดังขึ้นพร้อมกับเสียงซูซอนจูที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความดีใจ ซุกควอน!!!!!!!! ทุกคนต่างๆเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ยุนบกหันมาพร้อมกับดวงตาที่แดงกล่ำหากแต่ฉายชัดถึงความหวังก่อนที่จะเอ่ย อาจารย์!!!!!!!!
Create Date : 04 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2556 10:52:38 น. |
|
50 comments
|
Counter : 6492 Pageviews. |
|
|