... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ตอนที่ 4 สารท้ารบ



“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!” เสียงคำรามของเจ้าบ้านดังขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นสภาพในห้องอาบน้ำ

“ก็เจ้าบ้าอินอุกนะสิ อยู่ดีๆก็เข้ามาต่อยข้า” ยุนบกเอ่ยขึ้นพลางลูบริมฝีปากที่แตกจากหมัดของอินอุกอย่างเจ็บปวด

“เจ้าว่ายังไงนะ เจ้าคนหน้าด้าน เจ้าต่างหากที่ก่อเรื่อง!” อินอุกตะหวาดกลับทันที เขาผละมือจากการช่วยประคองจองฮยางที่ตอนนี้มีเพียงผ้าขาวบางพันรอบกาย หมายจะเข้าจู่โจมยุนบกอีกครั้ง ยุนบกเองก็ไม่น้อยหน้าเขาลุกขึ้นและพยายามขืนร่างจากฮงโดที่รั้งเขาไม่ให้เข้าไปหาอินอุก ทั้งสามยื้อยุดกันพักหนึ่งก่อนที่ฟ้าคำรามจะเดินเข้ามาจับศีรษะของอินอุกและยุนบกโขกกันอย่างแรง ทั้งสองต่างร้องโอดโอย

“พี่ฟ้าคำรามทำบ้าอะไรครับเนี่ย?” ยุนบกถามขึ้นพลางลูบศีรษะของตนโดยมีฮงโดช่วยประคองร่างเอาไว้

“ใช่ครับท่านทำอะไรครับเนี่ย?” อินอุกเองก็เอ่ยขึ้นเช่นกันโดยมีจองฮยางที่ยืนอยู่ใกล้ๆเข้ามาดูอาการอย่างเป็นห่วง

“หมาบ้าอย่างพวกเจ้ามันก็ต้องเจอแบบนี้” ฟ้าคำรามตอบ

“นี่ท่านว่าข้าเป็นหมาหรอ!
“นี่ท่านว่าข้าเป็นหมาหรอ!

ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกันจึงมองหน้ากันอย่างตกใจ แต่ไม่ทันไรก็กลับมาทำหน้าเขม่นใส่กันอีก ฟ้าคำรามจึงหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ

“ฮ่าๆๆๆ ดี พวกเจ้านี่มันสามัคคีกันดีจริงๆ” ฟ้าคำรามหัวเราะงอหาย ทั้งสองได้แต่งงกับประโยคที่เขาเอ่ย ก่อนจะมองเขม่นกันเช่นเดิม

“นี่พวกเจ้าจะให้สุภาพสตรียืนอยู่ในสภาพน่าอายเช่นนี้อีกนานไหม?” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆกับก้าวเข้ามาในห้อง นางเดินไปหาจองฮยางและคลุมเสื้อคลุมที่นำมาให้ร่างบาง

“ไม่ได้เรื่องจริงๆ ผู้ชายพวกนี้” นางค้อนใส่บุรุษในที่นั้นก่อนจะพาร่างบางออกไป พวกเขาได้แต่มองสตรีทั้งสองจากไปอย่างงงๆ

“ฮ่าๆๆๆ นั่นละเมียข้า” ฟ้าคำรามหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ

“เอาละแยกย้ายกันไปได้แล้ว” ฟ้าคำรามเอ่ย

“เดี๋ยวซิครับ ข้ายังไม่ได้.....” อินอุกท้วงขึ้น

“ข้าบอกว่า แยกย้ายกันไปได้แล้ว” ฟ้าคำรามจ้องหน้าและบอกด้วยเสียงเข้ม อินอุกจึงจำใจให้ยุนบกจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แม้คู่กรณีจะเดินจากไปนานแล้วเขาก็ยังคงยืนทำท่าหัวเสียอยู่อย่างนั้น ฟ้าคำรามเห็นอาการของเขาจึงเอ่ยขึ้น

“เจ้าแค้นเคืองยุนบกมากยังงั้นรึ?” ฟ้าคำรามถามขึ้น อินอุกไม่ตอบอันใด

“เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่ทำให้มันกระจ่างไปเลยล่ะ วิถีของลูกผู้ชายน่ะ มันก็มีไม่กี่อย่างหรอกนะ” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นให้อินอุกขบคิดก่อนจะเดินจากไป


“ให้ตายเถอะ เจ้าเป็นบ้าอะไร ถึงได้ทำแบบนั้นกัน ดีนะที่คุณชายฮงไม่ซัดเจ้ามากกว่านี้” ฮงโดเอ็ดใส่ยุนบกเป็นชุดขณะใส่ยาให้เขา

“อาจารย์ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น” ยุนบกอธิบาย

“เฮอะ...คงมีคนเชื่อเจ้าหรอก” ฮงโดลงน้ำหนักมือไปแรงกว่าเก่าด้วยความหมันไส้ ยุนบกจึงร้องเสียงหลง

“โอ้ยๆๆๆ เจ็บนะครับอาจารย์” เขาร้องโอดโอย

“เจ็บก็ดีแล้ว เจ้าจะได้ไม่คิดอะไรแพลงๆอีก” ฮงโดยังคงไม่เชื่อที่ลูกศิษย์พูด

“ก็ข้าบอกแล้วยังไงว่าข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ” ยุนบกยืนยันแต่ฮงโดไม่มีท่าทีจะเชื่อสิ่งที่เขาพูด

“เจ้าน่ะ.....เป็นผู้หญิงนะยูน เจ้าน่ะ........ช่างมันเถอะ” ฮงโดเอ่ยขึ้นแต่กลับเปลี่ยนใจที่จะพูดออกมา ก่อนจะเดินออกไปให้ยุนบกมองตามอย่างครุ่นคิด

“ข้ารู้ครับอาจารย์.....ข้ารู้ดี” เขากล่าวกับตัวเองด้วยเสียงเศร้าสร้อย

วันต่อมายุนบกและอินอุกยังคงเข่มนใส่กันอยู่ พวกเขานั่งประจันหน้ากันขณะทานอาหารพลางส่งสายตาฟาดฟันกันเป็นพักๆ เมื่อทานอาหารเสร็จยุนบกพยายามหาโอกาสเข้าไปหาจองฮยางในครัวโดยอาศัยจังหวะที่อินอุกออกไปเอาของมาให้นาง ยุนบกจึงรีบโผล่พรวดเข้าไปทันที

“ช่างเขียน?!” จองฮยางเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

“เจ้า...เป็นยังไงบ้าง เรื่องเมื่อวานข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจเลย คือพื้นมันลื่นจริงๆแล้วก็.....” ยุนบกเอ่ยขึ้นเป็นวรรคเป็นเวร ก่อนที่จะโดนมือน้อยของนางยกขึ้นห้ามริมฝีปากเขาให้หยุดพูด

“ข้ารู้ค่ะ ท่านไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟังหรอก” นางเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะขบขันกับอาการของเขา ยุนบกยกมือขึ้นลูบศีรษะของตนอย่างเขินอาย

“แล้ว..เจ้า เจ้าไม่เป็นอะไรนะ? คือเอ่อ......ไอ้นั่นนะ เจ้าล้ม แล้วมันต้องกระแทกพื้น เจ้าคงจะ....” ยุนบกพยายามถามถึงอวัยวะบางส่วนของนางที่ได้รับบาดเจ็บ จองฮยางทำหน้างงด้วยไม่เข้าใจคำถาม ก่อนจะนึกออกว่าอวัยวะส่วนนั้นคืออะไร

“ช่างเขียน!” นางเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ยุนบกถึงกับตกใจรีบแก้ตัวยกใหญ่

“เจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ได้คิดอกุศล ข้า...ข้าแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น” เขาอธิบายและยกมือไหว้อ้อนวอนให้นางฟังที่เขาแก้ตัว

“ท่าน..ท่านไม่จำเป็นต้องถามข้าก็ได้ค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ไม่มีส่วนไหนบุบสลายหรอก” นางตอบด้วยท่าทางแงงอนบวกกับความเขินอาย ตอนนี้พวงแก้มนวลนั้นสุกปลั่งดั่งลูกตำลึง

“อ่ะ....เช่น..เช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะ” ยุนบกเองก็มีอาการเขินอายไม่ต่างกัน ทั้งสองยืนบิดไปมาโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองทั้งสองอยู่ เขามองภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันด้วยความเจ็บปวด มันทำให้ความสงสัยของเขากระจ่างทันที เรื่องเมื่อคืนนั้นเขาเข้าใจผิดจริงดั่งที่ยุนบกบอก และอีกเรื่องคือ จองฮยางไม่เคยหยุดรักยุนบกเลย แม้ช่วงที่ผ่านมานางจะแสดงออกไปอีกอย่าง แต่แท้จริงแล้วนางยังมียุนบกอยู่เต็มหัวใจ และตัวเขาเองไม่เคยเลย ไม่เคยที่นางจะเหลียวแล เมื่อทุกอย่างกระจ่างแก่ใจ ความเจ็บปวดและความคลั่งแค้นจึงมาจุกอยู่ที่อก เขาจึงชกไปที่อกของตนแต่ไม่ว่าจะชกไปกี่ครั้งอาการจุกนั้นก็ไม่หายไป พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในสมอง

“วิถีของลูกผู้ชายน่ะ มันก็มีไม่กี่อย่างหรอกนะ” เสียงนี้ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างได้


ตกเย็นวันนั้นหลังจากสอนเสร็จยุนบกก็เดินกลับมาที่เรือนพร้อมๆกับฟ้าคำรามและฮงโด ก่อนจะพบเข้ากับอินอุกที่ยืนรอเขาอยู่นานแล้ว เขาหยุดฝีเท้าทันทีที่เห็นอินอุก ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่อินอุกจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหายุนบกก่อน

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” อินอุกเอ่ยขึ้น

“เช่นนั้นก็พูดมา” ยุนบกตอบห้วน

“ข้าต้องการนาง แล้วเจ้าก็ไม่คู่ควร” อินอุกเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เจ้าว่าอะไรนะ?” ยุนบกถามขึ้นอย่างเอาเรื่อง

“หรือว่าไม่จริง?” อินอุกถามกลับ ยุนบกได้แต่ระงับอารมณ์โกรธของตนเพราะอันที่จริงแล้ว เขาเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง

“ข้าขอท้าเจ้า ข้าจะสู้กับเจ้า ผู้แพ้จะต้องยอมปล่อยมือจากนาง” อินอุกส่งสารท้า

“สู้อะไรกัน? นี่ท่านจะบ้าหรือไงคุณชายฮง” ฮงโดแย้งขึ้นแต่ฟ้าคำรามก็ปรามไว้

“นี่คือวิถีของลูกผู้ชาย ปล่อยพวกเขาเถอะ” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นพร้อมกับกางมือกั้นฮงโดไว้ แต่ฮงโดไม่ฟังเขาผลักมือนั้นออก

“ลูกผู้ชายบ้าอะไรล่ะ” ฮงโดเดินเข้าไปหายุนบกทันที

“ยุนบกอย่าไปสนใจเลย เข้าบ้านกันเถอะ” ฮงโดพยายามลากร่างยุนบกให้เดินตามตนไป แต่เขาขืนร่างตัวเองไว้

“ข้าตกลง” ยุนบกตอบไปสั้นๆแต่แน่วแน่

“นี่เจ้าพูดบ้าอะไร” ฮงโดเอ่ยขึ้น

“วันประลองคืออีกหนึ่งสัปดาห์ หวังว่าเจ้าคงไม่เปลี่ยนใจนะ” อินอุกพูดเย้ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไป


“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรอ เจ้าคิดอะไรของเจ้า เจ้าเป็นอันธพาลหรือไง ห่ะ?” ฮงโดตะหวาดใส่ยุนบกทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาไม่ตอบใดๆได้แต่ทำหน้าเครียด

“ข้าจะไปบอกยกเลิกให้เจ้าเดี๋ยวนี้ละ” ฮงโดเอ่ยขึ้นพลางจะเดินออกจากห้อง

“อย่านะครับ! ถ้าท่านทำแบบนั้นละก็ ข้าจะ....ข้าจะ...” ยุนบกเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง

“ทำไม! เจ้าจะทำไมข้า!?” ฮงโดเองก็ตะหวาดกลับ

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายหรือยังไง ถึงไปท้าประลองกับผู้ชายอกสามศอกแบบนั้น หรือเจ้าเป็นบ้าไปแล้วกันแน่ ห่ะ?” ฮงโดยังคงตะหวาดเขาเสียงเข้ม

“ข้าเป็นได้ทุกอย่าง....เพื่อนางแล้ว ข้าเป็นได้ทุกอย่าง จะผู้หญิง ผู้ชาย ช่างเขียนหรืออันธพาล ข้าจะเป็นทุกอย่าง” ยุนบกตอบกลับดั่งคนคลุ้มคลั่ง ก่อนที่หยดน้ำใสจะไหลลงอาบแก้ม เมื่อเห็นดังนั้นฮงโดก็ถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเดินเข้าไปกอดร่างยุนบกไว้

“ข้าจะเป็นทุกอย่าง ๆ ๆ....” เขายังคงพร่ำพูดประโยคเดิมในอ้อมกอดนั้น

“นี่เจ้า....เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เจ้ารักนางจนเป็นบ้าไปแล้ว” ฮงโดเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจ


วันต่อมาข่าวการประลองของทั้งสองก็รู้กันไปทั่วทั้งเขตมาโป

“เจ้าว่าอะไรนะ?” จองฮยางเอ่ยถามฟ้าลั่น ลูกชายหัวแก้วของจานและฟ้าคำราม

“ข้าว่า อาจารย์กับพี่อินอุกจะประลองกันครับ น่าตื่นเต้นจังเลยนะครับ พวกเขานะ...” ฟ้าลั่นยังพูดไม่ทันจบจองฮยางก็รีบเดินจากไปทันที นางรีบเดินไปหายุนบกที่ห้องของเขาเพื่อถามเอาความจริง

“โอ้ จองฮยาง เจ้ามีอะไรหรือ?” ยุนบกเปิดประตูออกมาพร้อมกับคำทักทายที่เป็นปกติ

“เป็นเรื่องจริงหรือค่ะ เรื่องที่ท่านจะประลองกับคุณชายฮง?” นางถามขึ้นทันที นั่นทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนจากร่าเริงเป็นเคร่งขรึม นางจึงรู้ว่ามันเป็นความจริง

“ช่างเขียนค่ะ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ละค่ะ ทั้งที่ตัวเองเป็น....แต่ก็ยังจะไปประลองกับคุณชายฮงอีก” นางเอ่ยขึ้น ทำให้ยุนบกรู้สึกขุ่นเคืองใจ

“นี่เจ้าโมโหสิ่งที่ข้าเป็น หรือโมโหที่ข้าจะประลองกับคุณชายฮงของเจ้ากัน?” ยุนบกถามขึ้น จองฮยางแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน

“ช่างเขียน!.....นี่ท่าน...ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ข้าก็จะไม่พูดกับท่านอีก” นางเดินจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ไม่เข้าใจจริงๆว่ายุนบกคิดอะไร ทั้งที่นางท้วงขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับหาเรื่องนาง นางจึงต้องไปเจรจากับอีกฝ่าย

“คุณชายฮงค่ะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านค่ะ” นางมาหาเขาที่ห้อง

“ว่าอย่างไรแม่นางจองฮยาง เจ้ามีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยรึ?” เขาถามนางอย่างอ่อนโยน

“ได้โปรดยกเลิกการประลองนั่นเถอะนะค่ะ” นางเอ่ยขึ้นอย่างวิงวอน เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

“แม่นางจองฮยาง การประลองนี้เป็นการตัดสินใจของข้าและข้าเองก็เป็นคนเริ่มมัน ข้าคงจะไม่สามารถทำอย่างที่เจ้าต้องการได้ ข้าขอโทษนะ แต่ถ้าหาก ยุนบกเกิดเปลี่ยนใจปฏิเสธการประลองขึ้นมา ข้าเองก็พร้อมที่จะยุติมัน” เขาอธิบาย คำพูดของเขานั้นช่างเยือกเย็นและสุขุมจนนางไม่สามารถท้วงได้ เช่นนี้แล้วนางจะทำอย่างไรดีเพื่อหยุดการประลองนี้


หลายวันผ่านไปท่าทีของอินอุกและยุนบกสงบลงมาก ทั้งคู่ไม่หาเรื่องกันอย่างเคย ดูจะหลบเลี่ยงกันด้วยซ้ำ นั่นเพราะต่างก็มุ่งมั่นและต้องการสมาธิเพื่อฝึกตนในการประลอง ทุกเย็นหลังสอนเสร็จยุนบกจะไปฝึกซ้อมคนเดียวที่น้ำตก ส่วนอินอุกใช้การทำงานบ้านเป็นการฝึกฝนและยังแอบไปฝึกซ้อมคนเดียวโดยไม่ให้ใครเห็นในทุกๆเย็นเช่นกัน นั่นยิ่งทำให้จองฮยางเครียดเข้าไปใหญ่กับท่าทีของทั้งสอง

“มีเพียงหญิงแพศยาเท่านั้นทียิ้มร่าเมื่อบุรุษฟาดฟันกัน” ฮงโดเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเดินมาพบกับจองฮยางเข้า

“ท่านหมายถึงใครกัน?” จองฮยางถามขึ้นอย่างเอาเรื่อง

“ข้าก็หมายถึงผู้หญิงแพศยานะซิ” เขาตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“นี่ท่าน!......” จองฮยางแทบอยากจะเข้าไปกรีดหน้าของเขาแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้

“หากเจ้าไม่ใช่หญิงแพศยา ก็หยุดการประลอง โง่ๆนี่ซะ” เขาพูดขึ้นให้นางสะอึก ก่อนจะเดินจากไป

ในคืนก่อนวันประลอง ยุนบกยังคงฝึกซ้อมอยู่แม้จะเย็นมากแล้วเขาคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกเสียจนไม่รู้ว่าจองฮยางนั้นมายืนดูเขาอยู่นานแล้ว ก่อนที่เขาจะหันมาเห็นนางเข้า

“จองฮยาง?” ยุนบกเอ่ยขึ้น

“ฝีมือของท่าน ก้าวหน้าไปมาก ไม่เหมือนกับท่านในสมัยก่อนเลย” นางกล่าวอย่างชื่นชม

“เช่นนั้น เจ้าว่าใครกันที่จะเป็นผู้ชนะ ข้า...หรือว่าอินอุก?” เขาถาม

“ช่างเขียน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะค่ะ” นางตอบ

“ทำไมละในเมื่อเจ้าก็เห็นฝีมือข้าแล้ว หรือว่า...เจ้ากลัวว่ามันจะแพ้” เขาถามอย่างประชดประชัน นางจึงโมโห

“ช่างเขียนค่ะ ข้าไม่ได้กลัวว่าใครจะแพ้หรือชนะทั้งนั้น ที่ข้ากลัวก็คือ....ข้าไม่อยากให้ใครบาดเจ็บ เพราะนี่มันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี” นางตอบได้เชือดเฉือนใจเขานัก ทั้งที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อนาง แต่นางกลับเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ

“เช่นนั้นเจ้าก็ทนหน่อยนะ การประลองไร้สาระนี้มันไม่ยาวนานนักหรอก” เขาพูดตัดบทก่อนจะเดินจากไป

“ช่างเขียน!ๆๆ” นางร้องเรียกตามหลังแต่เขากลับไม่แม้จะหันมามอง





Create Date : 27 มกราคม 2554
Last Update : 27 มกราคม 2554 15:08:10 น. 12 comments
Counter : 3335 Pageviews.

 
เพลงมาไม๊วิน เครื่อง ผอ ช้ามาก


โดย: albatross11 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:15:10:54 น.  

 
เพลงขึ้นค่ะ เน็ตวินแรง! เหมือนเจ้าของอ่ะค่ะ อิอิอิ ^^ ขอบคุณนะค่ะ


โดย: windy IP: 183.89.26.73 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:15:14:37 น.  

 
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆครับวิน สนุกมากมายเลยครับ สู้ๆครับเป็นกำลังใจให้นะ


โดย: เกษตรศิลป์ IP: 58.11.63.129 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:21:47:30 น.  

 
สนุกมากค๊าบ บ

ลุ้นๆๆ เฮียสู้ๆๆ


โดย: zliiz IP: 58.11.1.129 วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:2:02:21 น.  

 
แล้วใครจะชนะเนี่ย


โดย: ต้นน้ำ IP: 110.49.193.36 วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:12:38:11 น.  

 
ตามมาให้กำลังอีกแรงเน้อคุณวินดี้


โดย: anong_2moon IP: 223.205.151.208 วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:21:36:54 น.  

 
คุณวินดี้ ไม่ลงตอนใหม่เพิ่มเหมือนใน web. moonsthailand หรือคะ (เข้า web moonsไม่ได้มา 2 วันแล้ว ไม่รู้เป็นไร)


โดย: NOOT IP: 58.11.74.52 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:16:57:36 น.  

 
อยากรู้จังว่า ใครจะชนะ ???


โดย: Charlvin IP: 116.68.148.170 วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:59:55 น.  

 
สนุกค่ะ ขอบคุณที่เขียนฟิคสนุกๆให้อ่านนะค่ะ

จะติดตามต่อค่ะ^^


โดย: 111 IP: 124.121.144.76 วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:5:03:04 น.  

 
ผ่านไปขวบปี
ท่าน Windy ไม่เขียนเรื่องนี้ต่อแล้วเหรอ


โดย: Ken IP: 110.169.218.4 วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:21:37:55 น.  

 
//mywindy.bloggang.com


ตามไปอ่านได้ที่นี่เลยจ้า ลงถึงตอน 10 แล้วนะ








โดย: amp_windy วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:17:40 น.  

 
ตามไปอย่างไว เลย 5555+


โดย: น้ำลายศอ IP: 165.208.150.3, 61.90.139.101 วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:9:25:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.