ของกินเล่นชื่อว่า "กะโป๊ะ"
กะโป๊ะ หรือข้าวเกรียบหรือ keropok
กะโป๊ะในจังหวัดฃายแดนใต้ น่าจะได้รับมาจากคาบสมุทรมาลายูได้แก่มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งกะโป๊ะในภาษาต่างๆ มีดังนี้ 1.ภาษามาเลย์เรียกว่า keropok ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชนิด 1.1 keropok lekor แบบทอด มีลักษณะยาวและเหนียว เคี้ยวยากหน่อย 1.2 keropok losong แบบนึ่ง จะบางและกรอบ 1.3 keropok keping แบบทอด จะบางและกรอบ
2.ภาษาอินโดเรียกว่า Krupuk, kerupuk, or kroepoek
3.ภาษาฟิลิปินโนเรียกว่า kropek
ชนิดของกะโป๊ะมีดังนี้ 1.แบบกรอบหรือkeropok นิยมนำไปทอดให้ฟูออก //www.klongdigital.com/webboard3/35460.html
2.แบบนิ่มหรือข้าวเกรียบปลาสด (pala keropok) ภาษายาวีเรียกว่า ปาลอเกอรูโปะ Pala=หัว Keropok=ข้าวเกรียบ //www.pg.in.th/photo/view/411804
Q&A Q:หลายคนอาจสงสัยว่าภาษายาวีกับมาเลย์ เหมือนกันหรือเปล่า A:บอกว่าไม่เหมือนสะทีเดียว แต่รากศัพท์มาจากแหล่งเดียวกัน เหมือนภาษาไทยมีภาษากลาง และย่อมมีภาษาตามแหล่งภูมิภาคคะ เช่นภาษาใต้ ภาษาอีสาย ภาษาเหนือคะ
ทั้ง 2 แบบนี้รสชาติจะเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงความรู้สึก อันหนึ่งจะกรอบ ๆ มันดี แถมยังหยุ่น ๆ สู้ฟันอีก ส่วนแบบนิ่มก็จะนุ่ม ๆ ได้รสและกลิ่นของเนื้อปลาจริง ๆ ซึ่งมีความหนามากกว่า สู้ฟันนิด ๆ รสชาติออก เค็ม ๆ หน่อย จิ้มกับน้ำจิ้มออกหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ อร่อยจริง ๆ
แต่วันนี้เราจะนำเสนอคือ
กะโป๊ะแบบนิ่ม keropok lekor หรือข้าวเกรียบปลาสดและบ้านเราเรียกว่าหัวเกรียบ เป็นกลุ่มย่อยของข้าวเกรียบลงมา เป็นที่นิยมในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งบ้านเราอยู่ใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาที่ติดกับอาณาจักรลังกาสุกะหรือเมืองปัตตานี
เป็นอาหารขบเคี้ยวชนิดแผ่นบางทอดกรอบจิ้มด้วยน้ำจิ้มมีรสเผ็ดอมหวานเหมือนน้ำจิ้มไก่ย่างสำหรับทานเล่นชนิดนึง อุดมไปด้วยแคลเซี่ยมและโปรตีน ที่เหมาะสมทางด้านโภชการสำหรับผู้บริโภคทุกวัย เพราะมีปลาสด แป้งมัน และแป้งสาคู เป็นส่วนผสมหลักในกระบวนการผลิต โดยขั้นแรก นำปลาสดมาตัดหัวตัดหางล้างให้สะอาด แล้วนำเข้าเครื่องบดให้ละเอียด เติมส่วนผสม ซึ่งมีแป้งมัน แป้งสาคู และเกลือ นวดคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วจึงปั้นเป็นแท่งทรงกลมขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 1 ฟุต และนำมาต้มในน้ำเดือดจนสุก แล้วนำขึ้นมาผึ่งลมจนแห้งและแช่เย็นเพื่อให้แท่งข้าวเกรียบแข็งตัวง่ายต่อการนำเข้าเครื่องหั่นเป็นแผ่นบางๆ เสร็จแล้วนำไปทอดในกระทะน้ำมันเดือดจนกรอบ //wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=77381
วันก่อนเราไปไปตลาดนัดประจำอำเภอ ได้ซื้อกะโป๊ะแบบนิ่มกลับมา 1 แท่งใหญ่และมีตัวเล็กตัวน้อยแถมมานิดนึง ซึ่งคนขายมาจากปัตตานี กะโป๊ะนิยมทำกันแถวสายบุรีและจังหวัดนราธิวาสและสินค้า OTOP เนื่องจากใกล้แหล่งวัตถุดิบ
ซึ่งกะโป๊ะนี้นิยมทำมาจากปลาหลายฃนิด ได้แก่
1.ปลาทู (MACKEREL) ซึ่งสายพันธ์ุในไทยมีหลายชนิด อ้างอิงข้างล่างคะ //www.fisheries.go.th/marine/KnowladgeCenter/knowledge/Platoo/platoo.html
2.ปลาหลังเขียว(Clupeidae) นิยมทำปลาแดดเดียวและนำไปทำข้าวเกรียบ ลักษณะเด่นจะมีก้างเยอะมาก ย้ำว่าเยอะจริงๆ ถ้าไปทางใต้ เค้านิยมทำกินกับแกงเหลืองและในงานบุญต่างๆจะขาดปลาหลังเขียวแดดเดียวนี้ไม่ได้เลย เราไปเยี่ยนมญาติที่ปัตตานี ไปกี่ทีก็เจอและเป็นที่ถูกปากทุกคนมากๆๆ //th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7
แม่ค้าก็จะถามว่าจะเอาปลาอะไร เราตอบอย่างด่วนจี๋ว่าปลาหลังเขียวเท่านั้น
มาดูซิว่าหน้าตาเป็นเช่นไร
มาจากตลาดเป็นแท่งยาว
นำมาหั่นเป็นชิ้นอย่างนี้คะ
ขอซูมหน่อยคะ
นำไปทอดด้วยไฟแรง
ถ้าสุกมันจะลอยขื้นมาคะ มันมักจะติดกัน ต้องคอยแยกเสมอคะ
ทอดแล้วได้เยอะมากเลยคะ
ซูม
ทานกับน้ำจิ้มแม่ประนอมแล้วจะอร่อย
จบแล้วคะ
Create Date : 29 กันยายน 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 29 กันยายน 2553 8:20:47 น. |
Counter : 10434 Pageviews. |
|
|
|
ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพไม่ได้กินอีกเลย
เพราะไม่รู้จะซื้อได้ที่ไหน