กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หลังจากที่สาวอิสานบ้านนา มาอยู่กรุงไม่มุ่งเรื่องรัก พอมาพบรักกับหนุ่มใหญ่พ่อหม้ายลูกติดสาม(เฮ้อ ไปเกิดหมดแล้วหรือเปล่าไม่รู้ น่าจะเก็บไว้ให้เราสักคน) ก็ตกลงปลงใจแต่งงานและอยู่กินฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข(นิทานจบ)..............................................ส่วนชีวิตจริง เพิ่งเริ่มต้นหลังจากอิคุงแตงตัดสินใจหอบผ้าหอบผ่อนตามสามีมาอยู่นอร์เวย์ ความหวังหลักมีแค่สองอย่างคือ1.เกิดเป็นหญิง สุดยอดของความเป็นหญิงคือการได้เป็นแม่คนอิคุงแตงก็อยากเป็นแม่คนเผื่อจะผลิตมนุษย์โลกดีดีสักคนประดับไว้ในโลกา(เป็นงัยภาระกิจของนาง ชั่งยิ่งใหญ่เสียนี่กะไร)2.ได้อยู่กับคนรัก และคนที่จงรักฉันเท่านั้นมีเหตุผลสองข้อหลักๆแค่นั้นจริงๆ วาดหวังไว้ไม่มากไม่น้อยแต่ก็มีหลายอย่างที่คาดไว้แล้วไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ก็เรื่องงานนั่นแหละประเมินคุณภาพตัวเอง ประเทศตัวเอง ภูมิภาคตัวเองสูงไป ความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย เพราะจากความรู้สึกไม่มีอะไรอ้างอิงทั้งนั้น คนที่นี้ยังเชื่อว่าคนเอเชียด้อยพัฒนา คุณภาพการศึกษายังไม่ได้มาตรฐาน พูดแล้วเศร้าต้องเทียบวุฒิ ต้องเรียนเพิ่ม ต้องฝึกงานก่อน และที่สำคัญที่สุดต้องพูดภาษาและสื่อสารเป็นภาษานอร์ชให้ได้ โอพุทธโท ธัมโม สังโฆ.. แต่ก็นั่นแหละมาอยู่บ้านเมืองเขาก็ต้องทำตามกฏหมายบ้านเมืองเขา ไม่ได้อยู่เมืองไทยนึกจะทำอะไรก็ทำได้ อยากปิดสนามบินแห่งชาติก็ปิดได้ซะที่ไหน(ขอนิดส์หนึ่ง)เลยตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตั้งหน้าตั้งตาหางาน สมัครงานไปเป็นร้อยแห่ง "ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก" แม้กระทั่งบริษัทความสะอาด(ที่สลัดอีโก้ออกหมดเหลือแต่อีแล้วนั้น)ก็ตาม นานวันเข้าเริ่มหนัก ภาระตกอยู่ที่พ่อบ้าน ซึ่งมีเงินเดือนจากเพนชั่นเท่านั้น ดีที่อิคุงแตงพอมีเหลือบ้างนิดหน่อย เดือนไหนไม่พอใช้จ่ายก็ต้องดึงเงินฉุกเฉินมาใช้(คนที่เคยใช้เงินฉุกเฉินคงเข้าใจ) ภาระกิจอันยิ่งใหญ่ตามความหวังข้อ.1 เลยต้องรอก่อน(เหตุผลพ่อเข้าใจได้หุหุ) เลยจัดการกับภาระกิจความหวังข้อ.2 ก่อน สรุปทะเลาะกันเดือนละครั้ง เซ็นต์ใบหย่าไปหนึ่งครั้ง(อย่าเพิ่งคิดมาก) แค่เซ็นต์ค่ะยังไม่ทันทำอะไรมากเซ็นต์ไว้เก๋ๆค่ะ ถ้ามันไม่เก๋เมื่อไหร่ก็คงได้กลับเมืองไทยล่ะค่ะ หลังจากที่ทั้งคุย ทั้งทะเลาะ ทั้งเตรียมใบหย่าผ่านไป ก็เริ่มดิ้นรนขนขวายค่ะ อิคุงแตงก็หว่านล้อมสามีให้โทรหาเพื่อน คนนั้นคนนี้ให้เหตุผลง่ายๆถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนตอนลำบากจะเรียกว่าเพื่อนไปทำไม สามีก็ทนแบกหน้าโทรหาเพื่อนขอให้ศรีภรรยาไปช่วยฝึกงานหน่อย ฝึกงานฟรีไม่มีค่าจ้าง(แต่ NAV จะเป็นคนจ่ายให้ ขออธิบายนิดหนึ่งสำเพื่อนๆที่ไม่ใช่สะใภ้นอร์เวย์ นอร์เวย์จะมีหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งชื่อ NAV หน่วยงานนี้จะดูแลสวัสดิการประชาชน ช่วยเหลือเรื่องการหางาน เรื่องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากครอบครัวแตกแยก) "คำตอบคือดูก่อน" "เดี่ยวจะช่วยดูให้" จนอยู่มาวันหนึ่ง เทวดาองค์หนึ่งก็แปลงร่างเป็นมนุษย์มาจุดประกายสองสามีภรรยาผู้น่าสงสารนี้ บอกว่าเนี๊ยะเข้าจะเซ้ง(ง่ายดีค่ะ ฝรั่งเขาไม่ได้เรียกงี้หรอก)ร้านอาหารของเขาที่ทำมาสองปีแล้ว แต่ตอนนี้เขาทำไม่ไหว ทำงานเจ็ดวันสองสามีภรรยา ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย(เทวดาองค์นี้เป็นเจ้าของร้านอาหาร 9 แห่ง เขาจะเหลือเอาไว้ทำเองสองที่ เพราะเริ่มไม่สบาย) ฉันให้เธอเช่า เธอไปบริหารจัดการเอง(ได้กำไรเยอะก็ได้เยอะ ขาดทุนก็ต้องยอมรับ) สองสามีภรรยาเห็นดังนั้นก็คิดว่านี้น่าจะเป็นโอกาสดีของเราแล้วล่ะ เพราะอย่างน้อยเธอจะได้มีงานทำสามีบอกภรรยา ภรรยาก็คิดว่าสามีซึ่งเป็นเชฟ(กุ๊กค่ะประมาณทำงานหลายปีเขาก็เลื่อนขั้นเป็นเชฟ ง่ายๆค่ะ)มาก่อนซึ่งน่าจะรู้ดีเรื่องอาหารและร้านอาหาร และทั้งตัวเองก็มีความรู้เรื่องธุรกิจ และบัญชี ก็น่าจะทำได้ อือนี้น่าจะเป็นโอกาสดีของเราภรรยาคิด สองสามีภรรยาเลยตกลงรับปากกับเทวดาองค์นั้นไป และจะไปเริ่มทำงานเดือน พ.ค. 2552 นี้แหละค่ะ Velkommen til Helles (ยินดีต้อนรับสู่ Helles ค่ะชื่อภรรยาเทวดาองค์นั้น) จากการไปดูสถานที่มาถ้าเศรษฐกิจไม่แย่มากจนทำให้คนไม่อยากออกนอกบ้านเลยล่ะก็ ก็พอมีหวังกำไรค่ะ ร้านอาหารมีสองส่วนสองสไตล์ค่ะ ส่วนแรกเป็นห้องจัดเลี้ยง ส่วนที่สองเป็น Catering ส่วนนี้จะขายทั้งวัน ลูกค้าประจำบ้างและลูกค้าจร เพราะส่วนของตึกด้านทางเข้าเป็นร้านขายเทียน ซึ่งใหญ่มากเท่าที่อิคุงแตงเคยเห็นมา คือมีทั้งหมดสามขั้น มีชั้นใต้ดินด้วยแล้วก็จัดอีเว้น แตกต่างอย่างสวยงามเลยทีเดียว ลูกค้านักท่องเที่ยวที่มาซื้อเทียน ก็จะแวะร้านอาหารค่ะ ส่วนเมนูสามีบอกว่าคงต้องปรับปรุงหลายอย่าง และให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า ส่วนของห้องจัดเลี้ยงเหมาะสำหรับงานเลี้ยง ประมาณ 50 คนได้ค่ะ ถ้างานใหญ่ต้องใช้บริเวณด้านหน้าตึกส่วนที่เป็นหน้าร้านเรา แต่ก็จะได้เฉพาะน่าร้อน ถ้าหน้าหนาวก็ลืมไปได้เลย แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง ถ้าอิคุงแตงไม่เหนื่อยจนไม่สามารถอัพบล็อกได้ เพราะหน้าที่ ของอิคุงแตงก็คือแจ๋วดีดีนี่เองค่ะ ก็ขอหวังให้โอกาสนี้เป็นการจุดประกาย ความหวังจริงๆร้านอยู่ในอาคาร Løiten Brænderiส่วนของห้องจัดเลี้ยงจะเป็นแบบนี้ค่ะส่วน Catering มีชั้นลอยในลักษณะที่ยื่นออกมาเหมือนบ้านสองชั้นตามคอนเซ็ป ของเจ้าของร้านเดิมตั้งใจจัดร้านให้เป็นสไตด์ร็อกคันทรี่ ว่างั้น(ต้องขออภัยทั้งไทย ทั้งอังกฤษผสมกัน คือว่าว่ามางัยก็เล่าตามนั้นเลยหุหุ)ที่เห็นในรูปเป็นการตกแต่งเลียนแบบบ้าน (แต่อิคุงแตงรู้สึกเหมือนบ้านในชุมชน ครองเปรมยังงัยก็ไม่รู้) หาวัดสุของคนโบราณมาตกแต่ง แบบนี้ค่ะ จบด้วยรูปปลาย่างค่ะ//www.hamarregionen.no/panorama/Loiten%20Braenderi/_flashvr/Visioncompleted_Loiten%20brenderi%20tour.html