Bloggang.com : : พาเที่ยวสุพรรณ

พาเที่ยวสุพรรณ

กลับเมืองไทยหนนี้ ตั้งใจจะพาเด็กเด็กไปเที่ยวหลายหลายที่ เพื่อที่ว่าเขาจะได้เห็นเมืองไทยเยอะเยอะ เพราะปีนึงก็มีโอกาสกลับไปแค่หนเดียว ที่หนึ่งที่ได้เข้าไปอ่านเจอแล้วก็สนใจก็คือ สุพรรณบุรี เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพนิดเดียว ถนนดี แถมมีสถานที่ที่จัดโปรแกรมลงตัว

หลังจากหาข้อมูลในพันทิปได้พอสมควรแล้ว ก็สรุปได้ว่า ที่ที่จะไปหลักหลักก็คือ หมู่บ้านควาย บึงฉวาก ตลาดสามชุก เพื่อไม่ให้เป็นการเหนื่อยจนเกินไป หาที่พักสักคืน เพราะไปกับเด็ก มันจะเสียเวลามากกว่าผู้ใหญ่เที่ยวกันเอง แถมได้ข่าวว่า ที่ตลาดสามชุก คนจะเยอะมากในวันหยุด อยากไปก็อยากไป กลัวคนก็กลัวคน ทำไงดี

สรุปให้ตัวเองว่า สมควรไปค้างสักหนึ่งคืน แต่จะหนีคน ก็เลยต้องไปสวนทางกับเขา ไปวันอาทิตย์ กลับเย็นวันจันทร์ ท่าจะดีกว่าไปเสาร์อาทิตย์แน่นอน

ว่าแล้วก็วางแผนคร่าวคร่าว ออกจากบ้าน เช้าวันอาทิตย์ ไปหมู่บ้านควายก่อน แล้วก็แวะไปกินอาหารเที่ยงที่ร้านเจ้าดังที่แนะนำกัน ทานเสร็จ เข้าเช็คอินที่บึงฉวากรีสอร์ท แล้วก็เที่ยวบึงฉวาก เย็นก็ไปหาของกินแถวแถวนั้นเอา ส่วนเช้าวันจันทร์ เช็คเอาท์สายหน่อย แล้วไปแวะตลาดสามชุก กินข้าวเที่ยง เสร็จต่อไปดูสมเด็จพระนเรศวรสักหน่อย เพราะกลับเมืองไทยหนนี้ เรื่องนี้กำลังดัง อุตส่าห์ซื้อหนังให้เด็กเด็กดูแล้ว ต้องพาไปเห็นของจริงสักหน่อย จบโปรแกรม มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ

ถึงวันเดินทางจริง เช้าวันอาทิตย์ กะว่าจะออกจากบ้านสัก 7.30 น. ปรากฏว่าเอาเข้าจริง มันอีรุงตุงนังอะไรไม่รู้กับสามลิง กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ 8.00 น. เอาน่ะ ไม่เกินความจริงสักเท่าไหร่ จุดหมายปลายทางคือ หมู่บ้านควาย สุพรรณบุรี

ถนนหนทางสะดวกสมคำล่ำลือ ต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดทาง ถนนดีมากตลอดสาย ขับรถได้สบาย สบาย กว่าจะถึงหมู่บ้านควายก็ปาเข้าไปประมาณ 10.00 น. เสียแล้ว

หลังจากซื้อบัตรผ่านประตูเสร็จ โซนแรกที่เข้าไปคือ หมู่บ้านไทย อ่อ ขอบ่นเกี่ยวกับตอนซื้อบัตร พนักงานที่ขายบัตร หน้าตาแบบประมาณว่า ฉันจะมาขอเข้าฟรีปานฉะนั้น ยัง งง งง อยู่ว่า เออ ปกติคนไทยออกจะยิ้มเก่ง สงสัยทะเลาะกับแฟนมามั๊ง ถามคำตอบคำ ไม่มีอธิบายอะไรเลย เพราะบัตรก็มีหลายแบบ แบบเข้าอย่างเดียว แบบบัตรรวม ไอ้เราก็พึ่งเคยไป ก็ต้องถามรายละเอียดหน่อยว่า แต่ละอย่างมันเป็นยังไง แหม ฟังคำตอบกับน้ำเสียงแล้วเนี่ยะ ถ้าไม่นึกว่าจะพาลูกเที่ยว ก็คงจะจูงมือขึ้นรถกลับ

ดูรูปหมู่บ้านไทยดีกว่า ก็คือเขาสร้างบ้านชาวนา บ้านชาวบ้านให้เราดูนั่นเอง

ถัดมา มีอุโมงค์ต้นไม้ สวยงาม เด็กเด็กชอบ

เดินไปเรื่อยเรื่อย เหลือบไปเห็นบ้านพักที่เขาว่ากัน เลยขอเข้าไปสำรวจสักหน่อย บ้านพักจะมีสองแบบ แบบแรกคือแบบบ้านทรงไทย

ทางขึ้นบ้าน

ดูข้างในกันหน่อย ตอนเข้าไปดู คนพึ่งเช็คเอ้าท์ออกไป พนักงานทำความสะอาดเสร็จ ก็ฉีดยาฉีดยุง เหม็นไปหมดเลย แหม ทำไมให้ดูห้องที่ไม่เหม็นหน่อยก็ไม่ได้ รีบรีบไล่เด็กเด็กให้ออกไป ส่วนเราก็กลั้นใจถ่ายรูป อิอิ

ห้องน้ำ

หน้าห้องมีเก้าอี้ให้นั่งรับลม

เดี๋ยวเขาจะมีการแสดงควาย กลัวไม่ทัน รีบไปดีกว่า จัดแจงขอบคุณน้องที่เปิดห้องให้ดูเสร็จ เดินกันต่อ ไปเจอสวนสมุนไพร สมุนไพรเยอะพอสมควร ไม่รู้จักเสียส่วนมาก เลยถ่ายแต่ป้ายมาให้ดูกันแล้วกัน อิอิ

เดินต่อไป เจอสวนนกพื้นบ้าน กับพิพิธภัณฑ์ชาวนา สวนนกไม่ได้เดินเข้าไปดู เพราะว่ากลัวไปไม่ทันดูแสดงควาย แล้วก็กลัวเชื้อโรคนก เพราะเด็กเด็กบ้านนี้เป็นภูมิแพ้กันหมด ส่วนพิพิธภัณฑ์ชาวนา ก็เป็นที่รวบรวมอุปกรณ์การทำนาทั้งหมด

เดินผ่านส่วนนี้ไป ก็จะไปถึงที่ที่จะแสดงควาย ไปนั่งรอดมกลิ่นอึควายเป็นเวลานานอยู่เหมือนกัน มองซ้ายมองขวา อืม มีเพื่อนมารอเหมือนกัน แสดงว่าไม่ได้มารอผิดที่ แต่เลยเวลาแล้วทำไมยังไม่มีอะไรสักอย่าง อยากให้เด็กเด็กดูพิธีแห่ขันหมาก เห็นบอกว่าจะมี ถามคนเก็บบัตรแสดงควายว่าไปดูที่ใหน เขาบอกว่านั่งรอตรงนี้ค่ะ แต่สุดท้าย มีเสียงโห่ ขันหมากมาแล้ว แต่อยู่ฝั่งตรงข้ามนู้นนนน จะไปไงล่ะ ขืนพาเด็กเด็กเดินไป ไปถึงก็จบพอดี ยืนดูข้ามน้ำแบบนี้แหล่ะ แต่ก็ดูไม่รู้เรื่อง เพราะไกลมาก ทำไมไม่บอกว่าอยูตรงนั้นตั้งแต่แรกหนอ จะไปพาเด็กเด็กเดินไปรอดู เพราะเวลาที่นั่งรอมันก็น๊านนาน ถ้าเดินไปก็คงถึงตั้งนานแล้ว

กล้องซูมสุดได้แค่นี้เองจ้า

หลังจากจบการแสดงอันนี้ ก็มีการแสดงของเด็กเด็กโรงเรียนแถวแถวนั้น มาร้องเพลงฉ่อย เป็นการให้โอกาสเด็กเด็กได้แสดงออก เพราะวนร้องกันทุกคน แต่กว่าจะร้องจบเนี่ยะ ใช้เวลานานมาก เด็กเด็กที่พาไปสามคนเริ่มเบื่อ เพราะฟังไม่รู้เรื่องด้วย

หลังจากแสดงฉ่อยจบ ก็เป็นการแสดงควาย เนื่องจากมันเกือบเที่ยงแล้ว ถ่ายรูปแล้วมันย้อนแสง เลยมืดมืดไปหน่อย สงสัยว่าก่อนไปตั้งความหวังไว้เยอะไปหน่อย พอได้ดูการแสดงควายเสร็จ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับว่าคนที่สามารถฝึกควายให้ทำขนาดนั้นได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลังจากดูการแสดงควายเสร็จ พวกเราก็ไปนั่งเกวียนรอบทุ่งนากัน

ลงจากเกวียน ท้องเริ่มร้องกันหมด ขึ้นรถมุ่งหน้าไปสู่ร้านอาหารยอดนิยม ที่มีคนที่เคยไปแนะนำกันมาก ไม่ลองไม่ได้เสียแล้ว

ดูรูปอาหารที่สั่งกันค่ะ

เมนูเด็กเด็ก เด็กบ้านนี้ขาดแกงจืดหรือน้ำแกงไม่ได้เลย ไปกินนอกบ้านทีไร จะเสียดายเงินกับแกงจืดนี้มาก แกงจืดเต้าหู้หมูสับ เพราะแต่ละร้านนี่ ชามนึงขนาดนี้ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 80-100 บาท ทั้งทั้งที่เต้าหู้หลอดใส่มารู้สึกเหมือนกับว่าไม่ถึงหนึ่งหลอดซะด้วยซ้ำ หมูสับนิดหน่อย ผักกาดขาวอีกหน่อย เฮ้อ...เสียดายตังค์ใจจะขาด

รายการต่อไป ปลาอะไรน๊อ ลืมชื่ออะ ปลาแรดมั๊ง ทอดกระเทียม ไม่ติดใจสักเท่าไหร่ ลูกลูกชอบกินปลาทอด แต่มาเจอจานนี้ ชิมเสร็จส่ายหัวกันหมด

ปลาคังลวกจิ้ม พอใช้ได้ แต่เคยกินที่อยุธยา อร่อยกว่านี้

ทอดมันกุ้ง เมนูของเด็กอีก แต่เด็กชิมเสร็จก็ไม่มีชิ้นต่อไป มันเละเละ ไปกินที่หัวหินอร่อยกว่านี้

จานนี้อร่อยสุดของมื้อนี้ แกงป่ากุ้งสับ วิดจนน้ำเกลี้ยง เผ็ดระเบิด

พระเอกของงาน อยากมากินกุ้งเผา ลูกสาวคนโตชอบมาก อยู่ต่างประเทศไม่เคยมีโอกาสกินเลย แต่ แต่ อีกแล้วครับท่าน พอเผามาแล้วเปลือกมันไหม้ แกะแล้วไอ้ที่ไหม้ไหม้มันติดเนื้อ กินแล้วขม ลูกสาวก็เลยกินแค่ตัวเดียว แล้วก็ไม่กินอีกแล้ว สรุปว่า ไม่ควรสั่งกุ้งเผาให้เด็กกิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

สรุป มื้อนี้ไม่ประทับใจเท่าไหร่ สงสัยดูรีวิวคนอื่นมากไป เลยตั้งความหวังไว้สูงเกินไป (อีกแล้ว) ว่ามันน่าจะอร่อยมาก

ท้องอิ่ม(เพราะเหมาทุกอย่างที่เด็กไม่กิน) เริ่มเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่ บึงฉวากรีสอร์ท

พอรถเริ่มไปถึงบริเวณรีสอร์ท เด็กเด็กได้เห็นบ้านบนต้นไม้ ดีใจกันใหญ่

ไม่ขึ้นห้องละ ปีนต้นไม้กันดีกว่า

ที่อยู่นี่เป็นแบบ 1 ห้องนอ เดินไปถ่ายบ้านข้างข้าง แบบ 2 ห้องนอน ก็คือต้นไม้ 2 ต้น มีระเบียงขั้นกลาง ทำให้ได้ระเบียงใหญ่ขึ้น

ไปดูข้างในกันดีกว่า เปิดประตูเข้าไปปั๊บ ทางซ้ายมือจะเป็นเตียงใหญ่ แต่ของเราไปกัน 5 คน ขอเตียงเสริม 1 เตียง เข้ามุมพอดีเลย

มุมหน้าห้องน้ำ สงสัยว่าทำไมเขาไม่มีผ้าเช็ดเท้าให้ตรงนี้ กลัวเด็กเด็กทำน้ำหกใส่พื้นไม้เขาเสีย เลยต้องขอเพิ่มอีก 1 ผืน

ในห้องน้ำ ธรรมดา เรียบ เรียบ แต่สะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย อาบน้ำตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงจิ้งหรีดเรไร ร้องกันระงม ทำให้เด็กเมือง 3 คน ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว เพราะไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้เลย

มุมระเบียงริมน้ำ ลมเย็นสบาย

ดูบรรยากาศค่ะ ร่มรื่นเย็นสบายมาก มาอยู่แล้วสบายใจ เรื่องที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวทั้งวันหายไปหมดเลย

หลังจากเช็คอินเสร็จ เริ่มเดินทางต่อไปยังบึงฉวาก คิดว่าส่วนมากคงได้เห็นรีวิวกันจากที่อื่นมาเยอะพอสมควร แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ไม่ได้ถ่ายรูปในนั้นมาเยอะมากเท่าไหร่ เพราะว่าพาเด็กเด็กไปสถานที่แบบนี้กันมาบ่อยแล้วเหมือนกัน เดินในบึงฉวากจนเย็น ท้องเริ่มร้องอีกครั้ง ขับรถออกไปถนนใหญ่เพื่อหาร้านอาหารที่เขาแนะนำในเวปอีก (ไม่เข็ด)

แต่ว่า เมนูก็จะคล้ายคล้ายกัน เริ่มเบื่อปลา เบื่อกุ้ง เห็นหน้าร้านมีป้ายว่ามีก๋วยเตี๋ยว แต่พอจะสั่ง บอกไม่ทำแล้วจ้า อืม เอาไงดี งั้นลาดหน้าก็ได้ สรุป เย็นนี้กินอาหารจานเดียวแบบง่ายง่าย แต่อย่างว่านะ ลาดหน้าหนึ่งจานที่ข้างนอกขาย ส่วนมากเส้นจะน้อยมาก ให้เด็กชอบกินเส้นบ้านนี้มากิน มีหรือจะพอ เลยต้องสั่งเส้นเปล่าเปล่าผัดเพิ่มมากอีกจานนึงมาแบ่งกัน

ไอ้ครั้นมากินนอกบ้าน จะสั่งแต่ลาดหน้าก็กระไรอยู่ เลยสั่งยำสามกรอบมากิน เหอ เหอ เหอ เจอกระเพาะปลาทั้งเหนียวทั้งเหม็นหืน เลยเรียกน้องมาเอาไปดูหน่อย สงสัยกระเพาะจะเก็บนานไปมั๊ง น้องบอกว่าเดี๋ยวทำให้ใหม่ค่ะ อืม รอก็ได้(ฟะ) แต่ในใจก็ยังนึก ถ้ามันกระเพาะปลาถุงเดียวกัน ทำใหม่มันก็น่าจะยังเหม็นอยู่น้า นึกได้สักพัก น้องถือจานใหม่มา ทีนี้พี่แม่ครัวแก หั่นกระเพาะปลาเป็นชิ้นเล็กหน่อย แล้วทอดให้มันกรอบกรอบ กลิ่นมันก็น้อยลง อืม เลยตามเลย เขาก็คงอยากขายน่ะ ทำใจแล้วกัน แต่ พอเริ่มกิน เอ๊ะ อะไรหายไปหว่า ...... น้อง น้อง นี่มัน สองกรอบเอง อีกกรอบนึงหายไปใหนจ๊ะ ลืมใส่เม็ดมะม่วงมาให้อะ เฮ้อ รู้สึกทริปนี้ ไม่ค่อยมีบุญเรื่องกินจริงจริงเลยเรา

พอกินเสร็จก็รีบรีบขับรถกลับที่พักดีกว่า เพราะคุณยายติดหนังจูมงหรืออะไรสักอย่างน่ะ บ่นใหญ่เลย กินไม่อร่อย หนังก็ไม่ได้ดู รู้งี้ไม่มากินดีกว่า อ้าว......

ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นมาก เย็นกว่ากรุงเทพเยอะเลย เย็นขนาดอดใจที่จะเดินไปปิดแอร์ไม่ไหว ไม่เคยเจออากาศดีแบบนี้มากนานมากแล้ว ปิดแอร์แล้วเปิดประตูระเบียง ให้อากาศข้างนอกเข้ามา ส่วนคุณยายตื่นตั้งแต่ ตี 5 ครึ่ง ลงไปเดินออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ติดใจมาก รีบเดินขึ้นมาปลุกหลานหลานขี้เซาทั้งหลาย ให้ลงไปวิ่งเล่นข้างล่าง เพราะวันนี้ก็จะกลับเเล้ว

เด็กเด็กตื่นมาก็เจี๊ยวจ๊าวเสียงดังไปหมด ไม่เป็นไร มีเราบ้านเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปวิ่งเล่นปีต้นไม้(ปลอม) กันอีก เจอพี่ที่ห้องครัว นั่งตกปลาอยู่ ไปมุงดูกันใหญ่ ตอนยังไม่ตื่น เขาตกไปได้ 1 ตัวใหญ่แล้ว พอเจอเด็กสามคนมุงดู ปลาไม่มากินเบ็ดอีกเลย สงสัยก็คงนึกบ่นในใจ มาดูกันทำไมฟะ

เล่นกันพอสมควร จัดการอาบน้ำอาบท่า มาที่ห้องอาหารสั่งอาหารเช้า ราคาบ้านพักนี้รวมอาหารเช้า 2 คน ของเรามีเตียงเสริม เลยได้อีก 1 ที่เพิ่มเข้ามา มีให้เลือก แบบอเมริกัน ข้าวต้ม หรือข้าวสวย มีเมนูให้เลือกได้ตามสบาย เด็กสามคนเลือกกินแบบฝรั่งกันหมด

พอยกอาหารเช้ามา นั่ง งง นึกว่าจานนึงที่เขายกมา รวมหมด 3 ชุดในจานเดียว เพราะเยอะมาก เลยถามเขาไปแบบคนไร้สติว่า นี่กี่ชุดคะ น้องที่ยกมาบอก ชุดเดียวค่ะ เหวอ....ในหนึ่งชุดมี

ขนมปังปิ้ง เนย แยม 2 แผ่น
น้ำส้ม 1 แก้ว
กาแฟ 1 แก้ว (แต่เด็กเปลี่ยนเป็น โอวัลติน)

จานหลัก 1 จาน ประกอบด้วย
ไส้กรอก 3 ชิ้น (หรือ 4 ชิ้น จำไม่ได้)
หมูแฮม 3 แผ่น
ไข่ดาว 2 ฟอง
เฟรนฟรายอีก 1 กอง
สลัดผักจัดอยู่กลางจาน 1 กองเล็ก

สรุปว่าเด็กคนเดียวทานไม่หมดหรอกค่ะ สามชุดนี้ 5 คนกินอิ่มพอดีเลย เลยไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่มอีก

หลังอาหาร พักสักนิด เผื่อเข้าห้องน้ำ ก่อนออกเดินทางต่อไปยังที่อื่น สักประมาณ 10 โมงเช้า เช็คเอ้าท์ออก เด็กเด็กมีการโบกมืออำลาบ้านต้นไม้ แล้วเราก็มุ่งหน้ากันไปต่อยังตลาดสามชุกนั่นเอง

เดินเที่ยวในสามชุก ตามที่เคยได้อ่านผ่านผ่านมา เห็นของเล่นโบราณ ขนมโบราณ ก็ชี้ให้เด็กเด็กดู ตอนที่ไปคือวันจันทร์ ขนมหวานเจ้าอร่อยที่มีคนแนะนำ วันนี้ก็ไม่ได้ทำ แต่ทำเป็นข้าวเหนียวมูลสีสดใสแทน เลยซื้อกลับมาชิมสักหน่อย เดินวนหาร้านคุณยายขายไข่เค็ม ไม่ยักเจอแฮะ ต้องโทรไปถามสมาชิกที่เคยมาซื้อ คุยไปคุยมาก็ยังไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ดี ว่าแล้ว ก็ถามร้านค้าแถวนั้นนั่นแหล่ะ รับรองชัวร์ รู้กันหมด เดินไปถึงร้านคุณยาย เหลือไข่ในกระจาดนิดเดียว เห็นแล้วไม่น่าซื้อเลย เลยถามว่า ยังมีอีกมั๊ยคะ คุณยายบอกว่า เหลือแค่นั้นจ้า ของใหม่พึ่งล้าง ยังไม่ได้ต้มเลย เมื่อวานขายดี คนมาเยอะ ขายไปพันกว่าฟอง เหอ เหอ เหอ งั้นหนูเหมาหมดกระจาดเลยค่ะ 20 ฟอง ฟองละ 5 บาท มีแตก 3 ฟองไม่เอานะคะ คุณยายเลยบอกว่า เอาไปเหอะ แตกก็ไม่เป็นไร ฟองละ 5 บาท อืม...ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไปถึงก็ต้องเอาไปแจกคนอื่น ที่จะกินเองก็ต้องเก็บอีกหลายวัน ถึงจะกิน (จริงจริงแล้วจะซื้อมาเมืองจีนนี่เอง) ไม่อยากได้ที่แตก สุดท้าย ยายเลยแถมให้ บอกว่า ก็เอาไปเหอะ ไม่คิดเงิน แต่ยังมีบ่นแถมนิดหน่อยว่า ไอ้ที่แตกมันก็กินได้เหมือนกัน แน่.....

แต่ก็สรุปว่า สงสัยทริปนี้ไม่มีบุญเรื่องกินจริงจริง เห็นของชาวบ้านที่เขาไปมา ซื้อไข่เค็มมา ผ่าออกมาสีสวยน่ากิน แต่ของเราตั้งแต่ซื้อมา ผ่ามาแล้ว 4 ลูก สีซีดซีดทั้งหมดเลย ไม่มีมันเยิ้มเหมือนเพื่อนเพื่อนที่เคยไปซื้อมากัน เฮ้อ...แม้แต่เรื่องกินยังต้องพึ่งดวงนะเนี่ยะ

ฝากท้องมื้อเที่ยวไว้ที่สามชุก อาหารอร่อยพอสมควร (นับว่ายังโชคดีมั่ง) ไปกินกาแฟโบราณ ที่เขาว่า ไม่ได้กินเหมือนมาไม่ถึงสามชุก เราก็ต้องลองสักหน่อย คอกาแฟเย็นอยู่แล้ว ได้ลองชิมไปสักคำ อืมมมม...ธรรมดา ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ของหวานก็ไม่ได้ขาย จะหาเป็นจ่าเฉิด หาไม่เจอ กินข้าวเที่ยงเสร็จกำลังจะลุกออกจากร้าน เฮ้ย รถเข็นเป็ด เข็นผ่านหน้าไปเลย แล้วไปหยุดอยู่ตรงหัวมุม อ่านชื่อที่ป้าย อ้อ เป็นจ่าเฉิดนี่เอง ถ้ามาเช้าสงสัยอดซื้อ กว่าจะเข็นออกมาก็บ่ายแล้ว พอป้าแกจอดรถปุ๊บ คนมุงทันที ไอ้เราก็ไม่ได้สิ มาถึงที่แล้ว พุ่งเข้าไปมั่ง หน้ากินทั้งนั้น เลือกไม่ถูกเลย เป็ดย่าง เป็ดพะโล้ ไก่ทอด ไก่ย่าง มีหมดเลย ทำไงดีหว่า....

อืม เขาดังเป็ดย่าง เราก็ซื้อเป็ดย่างแล้วกัน เพราะถ้าให้ซื้อแบบไร้สติเนี่ยะ คงจะซื้อทุกอย่าง เพราะมันดูหน้ากินไปหมด ซื้อเป็ดย่างมา 1 ตัว เรียบร้อย อาหารเย็น กลับถึงกรุงเทพเหนื่อยเหนื่อย ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วเรา หุงข้าวก็พอ กินกับเป็นนี่แหล่ะ

ออกจากสามชุก ก็มุ่งหน้าต่อไปยัง อนุสรณ์ดอนเจดีย์ ก่อนหน้านี้ได้ซื้อแผ่นหนังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้เด็กเด็กได้ดูกัน รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แต่ก็พอมีไอเดียอยู่ในหัวกันมั่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย ใหนใหนก็มาถึงที่แล้ว แวะเข้าไปสักหน่อยเพื่อต่อยอดความรู้ ถึงเข้าใจไม่ได้หมดแต่มีสักนิดก็ยังดี อย่างน้อยพอไปเห็นตรงอนุสาวรีย์ปุ๊บ เด็กเด็กก็ร้องกันออกมาว่า นี่ไง นี่ไง ไก่สยาม....

ออกจากอนุสรณ์ดอนเจดีย์ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ก่อนถึงกรุงเทพ ขอแวะอีกที เห็นว่ายังมีเวลา ไปวันไผ่โรงวัวกันสักหน่อย ว่าจะพาไปดูเมืองสวรรค์ เมืองนรก ตำนานพระพุทธเจ้า ตามที่ได้อ่านเจอ

พอไปถึง วัดกำลังมีการก่อสร้าง โบสถ์เจดีย์ร้อยยอดสวยมาก แต่ขับรถอยู่เลยไม่อยากถ่ายรูป หาที่จอดรถ เดินลงไปดู อืม เจอเมืองนรกละ มีแต่เปรตทั้งนั้นเลย ต้องทำหน้าที่เป็นล่ามอ่านให้เด็กเด็กฟังกัน ดูไปกลัวไป ว่าแล้วก็ออกเหอะ น่ากลัวจัง กลัวเดี๋ยวเก็บไปฝันร้าย

นี่ เปรตตอนเป็นคนตบตีพ่อแม่

พยายามจะเดินหาเมืองสวรรค์ หายังไงก็หาไม่เจอ สงสัยทำบาปกรรมเอาไว้มาก เมืองสวรรค์ถึงไม่มาให้เห็น เหอ เหอ เหอ ตำนานพระพุทธเจ้าก็ไม่เจอ สรุป กลับกันเถอะ เดี๋ยวเย็นไปกรุงเทพรถจะติด ว่าแล้วก็ขึ้นรถมุ่งหน้าเข้าเมืองใช้ชีวิตอันวุ่นวายต่อไป

จบทัวร์แล้วจ้า

Create Date : 03 กันยายน 2550

Last Update : 4 กันยายน 2550 11:32:23 น.

17 comments

Counter : 10603 Pageviews.

อาหารน่าทานที่สุดเร๊ย

แต่ไม่เห็นมีรูปคุณแม่คนจ๋วยเรย น่าเสียดาย

โดย: เฟิร์น แม่น้องปิ๊งปิ๊ง IP: 58.34.249.173 วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:12:03:52 น.

ขอเกาะเป็นลูกทัวร์....ตามไปเที่ยว+กิน ด้วยคนค้า

ทุกครั้งก่อนกลับไปเมืองไทย...ก็คิดว่าจะพาลูกไปที่โน่นที่นี่เหมือนกัน...แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้ไปไหนเลยค้า

อยู่แต่ในกทม. เพราะกลับไปทุกครั้ง....ทุกบ้านเค้าต้องทำงาน หลาน ๆ ก็ต้องไปเรียน 2 คนแม่ลูก เลยกลายเป็นคนว่างงาน....อิอิ

โปรแกรมนี้...ขอเก็บเอาไว้ในลิสต์ก่อน ถ้ามีโอกาสจะได้ไปเที่ยวบ้างค้า

ขอแอด...คุณเปิ้ลไว้เลยนะจ้า

โดย: เต่าญี่ปุ่น

วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:6:52:31 น.

เหมือนกันเลยค่ะคุณเต่า ต้องเตรียมตั้งแต่ก่อนกลับเนอะ เพราะกลับไปมันไม่มีเน็ตดูทั้งวันแบบนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลับไปเหลือแม่ลูกจริงจริง เพราะว่าชาวบ้านเขาไปเรียนกันหมด ก็เลยต้องไปใหนไปกันทั้งวันเลย

น้องเฟิร์นขา รูปคุณแม่คนจ๋วยไว้ดูกันเองแล้วกันนะคะ อิอิ

โดย: แม่บ้านไชน่า IP: 61.171.19.105 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:9:26:33 น.

ตามมาเที่ยวอีกรอบ
คิดถึงเด็กหญิงสาลี่จัง ดูยิ้มตาหยีเชียว

โดย: Cookie Nim

วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:12:01:25 น.

ราคาที่พักที่บึงฉวากเท่าไหร่คะ บรรยากาศน่าพักมากเลยค่ะ ว่าปิดเทอมนี้จะพาลูกไปค่ะ

โดย: แม่น้องไอซ์ IP: 124.120.111.142 วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:11:26:22 น.

โดย: My life in Japan.

วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:15:03:42 น.

บึงฉวาก รีสอร์ท
บ้านต้นไม้ ธรรมดา เสาร์-อาทิตย์
เรือนเดี่ยว 1,300 1,600
เรือนคู่ 2,600 3,200
บ้านเรือนแถว 800 1,000
รวมอาหารเช้า (ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์) 2 ท่าน/ห้อง
เตียงเสริม 300 บาทรวมอาหารเช้า

โทร. 035-430099 - 100
FAX. 035-430098
086-9978393

โดย: ผ่านมาบอก IP: 124.120.136.205 วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:9:53:32 น.

น่าเที่ยว จังเลย น่าตามมากินด้วยคนนะคะเนี่ยะ

โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ

วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:16:57 น.

สถานที่น่าท่องเที่ยวมากมากขอบอกทั้งที่พักและสถานที่ท่อง
เที่ยวไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือสวนสัตว์และยังมีบ้านต้นไม้รีสอร์ที่เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว(เพราะอย่ตรงข้ามหน้าบ้านของข้าพเจ้าเอง อิ อิ)ขอโปรโมทหน่อยละกันอ้อ!เกือบลืมยังมีร้านอาหารทที่อยู่ติดกับบ้านของข้าพเจ้าชื่อร้านว่าร้าน"ต้นปาล์มน้ำปาย"อาหารอร่อยมากๆเมนูที่จะแนะนำสำหรับทุกคนที่ไปร้านนี้ก็คือ"ปลาช่อนเผา"ขอบอกว่าอร่อยมากปลาก็ตัวใหญ่สดราคาก็ไม่แพงแถมเจ้าของร้านและพนักงานทุกคนยังใจดีเป็นกันเองอีกต่างหาก!เพราะพ่อของข้าพเจ้าก็ทำงานอย่ที่ร้านนี้ด้วย!พ่อของข้าพเจ้ากทำหน้าเป็นกุ๊กเอยู่ที่นี่ด้วย

โดย: อรพรรณ เข็มเงิน IP: 125.25.58.202 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:18:32 น.

โดย: ติ๊ก IP: 125.25.58.202 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:22:32 น.

โดย: ติ๊ก IP: 125.25.58.202 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:33:30 น.

aumเปิดเจอหน้าถ้วยกระดาษจีบค่ะ
น่าสนใจมาก ช่วงนี้aumทำคัพเค้กฝากขายที่ร้านกาแฟค่ะ
เลยต้องใช้ถ้วยจีบเยอะ(ความจริงชอบของแปลกใหม่หลากหลายลายลูกค้าจะได้ไม่เบื่อ)
aumเลยเซาะหาถ้วยกระดาษจีบไปทั่ว(ขนมใช้สูตรเดิมแต่ถ้วยจะเปลี่ยนลายเปลียนแบบไปเรื่อนค่ะ)
aumขอคำแนะนำเรื่องการสั่งซื้อค่ะ
aum_aumu@yahoo.com
aumu.bloggang.com

โดย: aumuจัง IP: 125.27.137.172 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:43:37 น.

เกาะขอบจอขอเที่ยวด้วยคนนะคะ

โดย: SweetVanilje@Norway

วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:33:07 น.

ว้าวๆๆๆ ยังไม่เคยไปเลย รอบนี้กลับเมืองไทยไปเที่ยวไหนดีน้อ

โดย: แม่เกด + น้องทะเล (gadeja

) วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:15:07 น.

น่าไปจัง

โดย: My life in Japan.

วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:12:19:40 น.

อยากไปเที่ยวบ้างจังเลยอ่ะ..

อิจฉา ๆ อิอิ

โดย: Zucker IP: 125.24.245.92 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:11:50:18 น.

ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีๆนะคะ

lcd tv black friday lower sale
toshiba thrive black friday lowersal
toshiba thrive lower sale

โดย: aomzon (aomzon

) วันที่: 8 ตุลาคม 2554 เวลา:13:53:08 น.