+ THE SPY OF NINJA +
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 
ไฟฟ้า + ศัลยศาสตร์



วันนี้ตอนเช้าเราได้ศึกษาหลักการทางไฟฟ้า
ในวิชาการรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นทางไฟฟ้า
อาจารย์สอนทั้งทฤษฎีกระแสตรงและสลับ
ตลอดจนการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า
เพื่อลดอาการบวมและเจ็บปวด
ไฟฟ้าความถี่ต่ำเช่น 10 เฮิตร์ซ จะใช้ลดบวม
ถ้าใช้ความถี่สูงเช่น 100 เฮิตร์ซจะใช้ลดปวด



โดยการกระตุ้นจะมีขั้วอยู่ 2 ขั้วหลักคือบวกกับลบ
ขั้วลบจะให้ผลกระตุ้นแรงกว่าขั้วบวก
สิ่งที่ต้องระวังคือ อย่าให้ขั้วทั้งสองกระตุ้นผ่านหัวใจ
เพราะหัวใจมีน้ำเป็นองค์ประกอบมาก
จึงมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ
ถ้ากระตุ้นแล้วอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้



อีกสิ่งหนึ่งที่อาจารย์เน้นก็คือ
อย่าปล่อยให้ผู้ไม่มีความเข้าใจในการใช้
ได้ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าตามลำพัง
เพราะอาจเกิดอันตรายได้



ตอนบ่ายไปเรียนวิชาศัลยศาสตร์
มีการศึกษาในเรื่องประวัติความเป็นมา
เริ่มตั้งแต่สมัยยุคหินที่มนุษย์รักษาอาการปวดศีรษะ
ด้วยการเจาะกะโหลก เพื่อไล่ปีศาจออกไป
ต่อมาก็มีอารยธรรม 3 อย่าง
คือ เมโสโปเตเมีย อียิปต์ และอินเดีย
มารวมกันเป็นอารยธรรมกรีก
มีแพทย์ผู้สำคัญได้แก่ ฮิปโปเครติส
ได้เปิดโรงพยาบาลขึ้นในสมัยนั้น



ส่วนอินเดียในสมัยพุทธกาลก็มีหมอชีวก
ที่ในบ้านเรานับถือท่านเป็นบรมครูทางการแพทย์



อารยธรรมจีนก็มีหมอฮัวโต๋ในสมัยสามก๊ก
ผู้ผ่าตัดรักษากวนอูที่ถูกธนูยิงแขนขวา
สมัยนั้นไม่มียาสลบ จึงใช้วิธีให้ทานเหล้าเข้าไป
เพื่อให้ลืมความเจ็บปวด ในที่สุดก็รักษาได้สำเร็จ
ต่อมาหมอฮัวโต๋ไปรักษาอาการปวดศีรษะให้โจโฉ
ท่านเสนอให้ใช้วิธีเจาะกะโหลก
โจโฉสงสัยว่าท่านมีเจตนาคิดร้าย จึงจับไปขังจนเสียชีวิต
ทำให้วิชาแพทย์บางส่วนสูญหายไป น่าเสียดายจริงๆ



ยุคต่อมาเป็นยุคมืด การแพทย์ตกอยู่ในมือของบาทหลวง
การรักษาเป็นไปตามคำสอนของศาสนจักร
ทำให้การแพทย์ในยุคนี้ไม่พัฒนาเท่าที่ควร



ยุคต่อมาคือยุคฟื้นฟูหรือยุคเรเนสซอง ที่อังกฤษ
พระเจ้าเฮนรี่ได้นำเอาการตัดผมกับวิชาศัลยศาสตร์
มารวมกันเป็นวิชาเดียว
ร้านตัดผมจึงเป็นคลินิกไปในตัว
มีผ้าชุบเลือดพันเกลียวรอบเสาสีขาวเป็นสัญลักษณ์
เป็นที่มาของไฟเกลียวหมุนสีแดงขาว
ที่เราพบเห็นหน้าร้านตัดผมในปัจจุบันนั่นเอง
ศัลยศาสตร์ในอังกฤษ
จึงพัฒนามากับการตัดผมด้วยเหตุนี้



ต่อมาก็คือยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา
ได้มีการพัฒนาการทำศัลยกรรมโดยใช้ยาสลบ
ในระยะแรกจะใช้พวกแก๊ส เช่น อีเทอร์ ฉีดให้ดม
ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนเป็นยาสลบที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไต
และการตัดต่อร่างกายด้วยเทคนิคต่างๆ ด้วย



จากนั้นอาจารย์ได้สอนในเรื่อง
การตอบสนองของร่างกายต่อการบาดเจ็บ
ซึ่งมี 2 อย่างคือ การตอบสนองเฉพาะที่
เช่น การถูกเสี้ยนตำ แล้วมีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย
ร่างกายจะนำเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับผู้รุกราน
ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณที่มีแผลเท่านั้น



อีกอย่างคือการตอบสนองของระบบทั้งร่างกาย
เช่น ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ร่างกายจะตอบสนองใน 4 ด้านคือ
ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบต่อมไร้ท่อ
การสร้างหรือสลายพลังงาน และภูมิคุ้นกัน
ซึ่งจะเกิดขึ้นกับทุกส่วนในระบบของร่างกาย



ส่วนบทบาทของนักกายภาพบำบัด
ที่มีต่อวิชาศัลยศาสตร์จะเป็นยังไง
คงต้องติดตามกันต่อไปในคราวหน้าแล้ว
อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้รับความรู้ใหม่ๆ เป็นอันมาก
ที่จะทำให้เราได้สนุกกับการศึกษาเรียนรู้กันต่อไป


Create Date : 16 มิถุนายน 2549
Last Update : 16 มิถุนายน 2549 21:09:04 น. 1 comments
Counter : 1166 Pageviews.

 
เย้ ๆๆๆ มาเป็นคนแรกอีกแว้วววว อิอิ

ปล. วิชาที่คุณเรียนท่าทางจะสนุกนะครับ

อ่านแล้วเพลินจัง....


โดย: little-joe มะได้ล๊อกอิน IP: 203.151.46.131 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:12:20:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tigerspy2000
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันนี้...ถึงเวลากำเนิดสายลับนินจาแล้ว ธรรมะย่อมชนะอธรรม !



--- วิทยายุทธ มิตรภาพ ความรัก บุญคุณ ความแค้น สิ่งเหล่านี้มิอาจหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ ---


Friends' blogs
[Add tigerspy2000's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.