|
||||
นิทานคนใบ้ / บทที่1.1 เจ้ากระต่ายป่า ชายคนหนึ่งเป็นคนชอบเหม่อลอยเขาเป็นคนไม่ชอบพูดจา แต่ชอบเขียนตัวหนังสือในการสื่อสาร ผู้อื่นที่พบเจออาจคิดว่าเขาเป็นใบ้ และเขาก็ทำให้ทุกคนเข้าใจ ว่าเขาเป็นใบ้จริง
ใครจะด่าว่าสิ่งใดเขาไม่เคยคิดว่าควรพูดอะไร ที่จะทำให้คนเล่านั้นสำนึกผิด เพราะเขาคิดว่าเขากำลังจะกวนประสาทคนเล่านั้น ด้วยความเงียบงัน คนมากมายในหมู่บ้านเบื่อหน่ายการกระทำของเขา มากกว่าผู้คนที่ชอบเที่ยวด่าว่าชาวบ้านซะอีก
ถึงกระนั้นไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาเป็นบัณฑิตติดดิน 10 ปีมานี้ เขาปลีกตัวมาอยู่เงียบๆที่ชนบท เพราะเมืองหลวงที่ยุ่งวุ่นวายทำให้เขามีชีวิตที่ไม่มีความสุข เขาต้องฝืนรับใช้พระราชาผู้โลภมาก และทนดูราชินีผู้งดงามของแคว้นร่ำไห้ในขณะที่ทรงพระครรภ์อ่อนๆ
เรื่องการสู้รบไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด เมื่อพระราชาออกปากแต่งตั้งบัณฑิตคนโปรดให้เป็นแม่ทัพ เขาจึงตัดสินใจลาออกและเดินทางจากเมืองไปในที่ไม่มีใครรู้จัก แม้พระราชาจะโปรดเขานักแต่พระองค์ก็ไม่ได้รั้งตัวไว้ด้วยรู้นิสัยดื้อรั้นของเขา เงินทองเขาเคยมีมาเยอะแล้วและมันมากเกินความต้องการ เขาจึงนำเงินนั้นบริจาคเสียขายบ้านแล้วมาอยู่ปลีกวิเวก ที่กระท่อมห่างไกลความเจริญนี้
พูดไปก็น่าเบื่อหน่ายยิ่งนักเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดเสีย เขาขี้คร้านจะอธิบายให้ใครๆ เข้าใจ เขาเคยชินชีวิตกระท่อมและรอดมาได้โดยที่ไม่ได้พูดกับใครมาเกือบสิบปี เขากลายเป็นนายพรานที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน มักจะมีพ่อค้ามากหน้าหลายตาจ้างให้เขาเก็บของหายาก เพียงแต่เสียอย่างคือเขาจะโต้ตอบโดยการเขียนเท่านั้น หากพบชาวบ้านที่ไม่รู้หนังสือเขาคงจะช่วยอะไรไม่ได้
วันนี้ก็เหมือนทุกวันเขาจะเข้าป่าไปเก็บของตามที่พวกพ่อค้าไว้วาน จึงได้ตระเตรียมข้าวของจนเรียบร้อย แขนกำยำสะพายย่ามตะกร้าและคันธนูขึ้นหลัง เดินทางมุ่งหน้าขึ้นเขาลึกลับที่มีต้นไม้เขียวครึ้ม
ความเย็นจากป่าไม้ชวนให้สบายตัว แสงส่องลอดใบไม้ไปถึงโคนต้นมีเห็ดนานาชนิดเรียงรายอยู่ ร่างกายสูงใหญ่ก้มลงตรวจสอบพบว่ามันสามารถรับประทานได้ จึงเก็บใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้เมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้แตกดังครวบ! เขาจึงหยิบคันธนูขึ้นมาเล็งอยากระแวงระวัง
ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่เขาจะล่าไปขายเสีย ถ้าหากเป็นโจรป่าเขาจะปลิดชีพพวกมันเสีย เมื่อเล็งอยู่นานจนเริ่มจะปวดแขน กระต่ายน้อยตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้า ที่แท้ก็กระต่ายถ้านำมันมาปรุงอาหารคงไม่เลวนัก
ในเมื่อมีลูกกระต่ายแสดงว่าแม่และอีกหลายตัวจะต้องอยู่ใกล้ๆ จะได้แบ่งส่วนหนึ่งไว้ขายด้วยเช่นกัน ข้าพเจ้าเดินตรงไปที่โพรงไม้ที่โดนเงาตะคุ่มของไม้พุ่มบดบัง เมื่อแหวกพุ่มไม้ออกพบว่ามันเป็นเด็กผู้หญิงคนนึ่งกำลังกอดกระต่ายและกริ๊ดลั่น
เจ้าพวกโจรเจ้าพวกรุกรานประเทศออกไปให้พ้นข้า เด็กหญิงผมบลอนยาวหน้าตาจิ้มลิ้มชี้หน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
พิจารณาแล้วผิวพรรณเหมือนลูกผู้ดีหากแต่เนื้อตัวมอมแมมจนดูไม่ได้ เขากลอกตาเป็นเลขแปดให้ตายเด็กคนนี้กริ๊ดซะจนพวกกระต่ายพากันตกใจหนีไปหมด เขาฉกกระต่ายไปจากมือเด็กน้อยด้วยความหัวเสียและนำมันเก็บใส่กระเป๋า
นั่นกระต่ายของข้าท่านมีสิทธิ์อะไรจับมันไป เด็กน้อยมุดออกมาจากโพรงไม้ชี้หลังของเขาต่อว่าปาวๆ อย่างไม่เกรงกลัว
เขาหันมาเลิกคิ้วมองเด็กปากดีก่อนจะม้วนตัวกลับเดินลึกเข้าไปในป่า อย่างไม่อินังขังขอบคงเป็นเด็กเหลือขอหนีพ่อแม่มาเที่ยวป่า คิดแล้วขี้คร้านจะสนใจวันนี้เขายังมีงานที่จะต้องทำอีกมากนัก
เสียงท้องร้องจ๊อก! และเสียงฝีเท้าเล็กๆที่ตามมาทำให้เขารำคาญใจยิ่งนัก หันกลับไปมองทีนึงเด็กน้อยก็กระโดดหลบหลังพุ่มไม้ที ขอบอกว่ามันไม่ตลกและไม่ได้หลบซ่อนสายตาคมกริบของเขาได้ ต้องการอะไรหรือหิวข้าวเป็นเด็กพเนจรหรือไร ไปชิ่ว!ไปหาคนอื่นช่วยเจ้าเถอะ
แม้เขาจะเก็บของทั้งวันตั้งแต่สายยันเย็น เธอก็ยังเดินตามหลังไม่ได้หยุดหย่อน แม้เขาจะแกล้งเดินเลาะตามทางเดินที่เดินยาก อย่างเช่นหน้าผา ลำธารน้ำตกเธอก็ยังยืนกรานจะเดินตามข้าพเจ้า หัวรั้นจริงแม่สาวน้อยเธอทำให้เขานึกถึงตนเองสมัยเยาว์วัย ที่เอาแต่ขึ้นเขาไปเที่ยวเล่นโดยไม่สนใจคำดุว่าของมาราดา เสียดายมารดาของเขาอายุสั้นด่วนจากไปด้วยโรคร้าย เขาจึงเติบโตมาด้วยมือของบิดาผู้เป็นนักปราชญ์ของสำนักราชวัง
ข้าหิว ตากลมหรี่ลง พูดเสียงอ่อนระโหยโรยแรง และเริ่มต้นนั่งร้องห่มร้องไห้เหมือนจะขาดใจ อยากกลับบ้าน เด็กน้อยเอามือปิดหน้าน้ำตาไหลพรุ่งพรูดูน่าสงสารยิ่ง
พรานหนุ่มหันไปมองเด็กน้อยด้วยความเวทนา เห็นแก่ที่เธอดั้นด้นตามมาเสียทั้งวัน ในที่สุดก็ตัดสินใจหยิบห่ออาหารเย็นจากกระเป๋า ยื่นไปตรงหน้า
มือน้อยพยายามปาดน้ำหูน้ำตา ช้อนกลมโตสีฟ้ามองห่ออาหารด้วยความดีใจ รีบยันตัวลุกขึ้นวิ่งมารับห่อจากมือของเขา ขอบคุณท่านมาก ท่านมีน้ำใจเหลือเกิน พูดพลางกินไปด้วยทั้งดีใจทั้งหิวท่าทางคงไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน มือเลอะดินหยิบเนื้อนกย่างแทะอย่างไม่ลืมหูลืมตา ใบหน้ายิ้มแย้มพึงพอใจเหมือนได้รับประทานอาหารเลิศรส
เขาหันหลังเดินต่อไปโดยไม่รอยคอย เด็กหญิงเห็นดังนั้นจึงคาบอาหารส่วนหนึ่งไว้ในปาก และหอบส่วนที่เหลือเดินตามพรานป่าไป
หลังจากเดินไปกินไปจนหมดห่อ เด็กหญิงก็เริ่มถามคำถามกวนอารมณ์ของเขา ท่านชื่อว่าอะไร
เขาไม่ได้ตอบอะไรยังคงตั้งใจนั่งเหลาไม้เพื่อทำฉมวก ท่านเป็นใบ้หรือ เธอเอามือแตะแผ่นหลังของเขาหากแต่เขาสะดุ้ง และหันหน้ามาทำตาดุใส่ ท่านไม่ตอบแต่ข้ามั่นใจว่าท่านไม่ได้หูหนวก ท่านรู้ว่าข้าบ่นหิว เด็กน้อยยังดึงดันทู่ซี้ถามเขาต่อไปอย่างไม่ลดละ ทำไมท่านไม่พูดล่ะ พยักหน้าก็ยังดีนะ
เขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยหนำซ้ำยังดันตัวเธอออกไปให้พ้นทาง มือก็เอาฉมวกทิ่มลงไปในธารน้ำตื้นๆได้ปลาตัวเขื่อง เขาหักคอปลาดังแกร๊บ! พาลทำเด็กน้อยสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดเสียว มือหนาเปิดตะกร้าแล้วนำปลาใส่ลงไป
หลังจากเดินเก็บมาทั้งวันจนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ตะกร้าก็เต็มไปด้วยสมุนไพรป่า ผลไม้ผักต่างๆ และปลาตัวหนึ่ง ดูๆแล้วตะกร้านี้เริ่มหนักและมันก็มืดมากแล้วจึงติดคบไฟแล้วมุ่งหน้าลงเขา
เสียงหมาป่าเห่าหอนดูวิเวกวังเวงชอบกล เสียงนกร้องเซ็งแซ่ กางปีกบีนพรึบๆกลับรัง ลิงน้อยใหญ่ขย่มต้นไม้เสียงดังคร่วมๆ เงาตะคุ่มของต้นไม้ร่ายรำไปมาชวนขนลุก เด็กน้อยกลัวจนตัวสั่นต้องเดินตามหลังของเขามาติดๆ
จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ย่างเข้ามา เขาแตะตัวเด็กหญิงให้หยุดอยู่กับที่ แล้วเอานิ้วชี้ทาบปากของเธอไม่ให้ส่งเสียง ดันตัวของเธอให้นั่งลงซ่อนหลังพุ่มไม้
ตาของพรานหนุ่มกวาดมองไปรอบๆ เขาวางคบไฟลงช้าๆ ย่อตัวลง พาดลูกธนูเตรียมยิง... |
ทวนเวลา
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |