นิทานคนใบ้ / บทที่3.1 ระดม


หัวหน้าหมู่บ้านฮอร์นและเวนดอร์ต่างป่าวประกาศ

ระดมพลชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านตลอดจนชาวเมืองเวสเทียร์

เพื่อไปชิงตัวหญิงสาวร้อยกว่าคนที่ถูกจับตัวไป

โดยมีอาร์เทอร์ลูกชายเพื่อนบ้านนำคนไปช่วยกระจายข่าวไปตามหมู่บ้าน


แม้เวสเทียร์จะเป็นเมืองที่อยู่แถบชายแดนทางตอนใต้

ก็ยังไม่อาจรอดพ้นทหารจากเมืองหลวงที่เข้ามาเกณฑ์ตัวหญิงสาวในหมู่บ้าน

บ้างก็ลือว่าจะถูกนำไปให้อุปราชเลือกตัวเป็นเจ้าสาว

บ้างก็ลือกันว่าจะถูกพระราชานำไปเป็นนางสนมในวัง

ข่าวที่ลืออื้ออึงหนาหูพาลให้เวนดอร์เป็นเดือดร้อนใจอย่างมาก

เขาต้องการจะไปช่วยออโรร่าให้เร็วที่สุด

หากแต่การตั้งค่ายระดมชายหนุ่มจากทั้งเมืองกินเวลาอยู่นานถึง1 สัปดาห์

เพียงแค่นี้เขาก็นั่งเก้าอี้ไม่ติดแล้ว


ชายจากทั่วเมืองมีจำนวน 300 คนเศษ

และทุกคนอยากจะบั่นคอมันผู้ใดก็ตามที่นำภรรยา

ลูกสาวหรือพี่สาวน้องสาวของพวกเขาไป

พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องไปนำคนของพวกเขากลับมา

และนำตัวแม่ทัพเอ็ดเวิร์ดผู้บงการ มาแขวนคอ


เอ็ดเวิร์ดเป็นแม่ทัพเลื่องชื่อ ฝีมือด้านการบัญชาการกองรบของเขาเหนือข้าราชบริพารคนใด

ฉายาที่ทุกคนต่างเลื่องลือคือ หมาบ้าแห่งสนามรบ

ความป่าเถื่อนดุร้ายและฉลาดแกมโกงของเขาทำให้ทุกคนต้องสยบ

แม้แต่ตัวพระราชาเองยังต้องเกรงใจ


ผู้คนต่างเกลียดชังเอ็ดเวิร์ดในความกระหายเลือดและความบ้าอำนาจ

ชีวิตคนกลายเป็นผักปลาที่เขาฆ่าทิ้งได้ไม่เลือกหน้า

ผู้คนโจษจันกันให้ทั่วว่าเขาเคยฆ่าพ่อเลี้ยงของเขาก่อนที่จะเข้ามารับใช้พระราชา

แม้แต่เวนดอร์ก็เคยได้ยินเรื่องพวกนี้แต่เขาขี้คร้านจะสนใจมัน

จนกระทั่งออโรร่าโดนคนของเอ็ดเวิร์ดจับตัวไป


เวนดอร์พยายามฝึกซ้อมคนให้ได้มากที่สุด

ในเวลาหนึ่งอาทิตย์ เขาแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม

ที่มีศิลปะการป้องกันตัวและไม่มีศิลปะการป้องกันตัว

เขาคัดคนมีฝีไม้ลายมือในการต่อสู่ออกมาได้ 20คน

หนึ่งในนั้นมีนักแม่นธนูชื่อธอฮาที่ใช้อาวุธได้เกือบทุกชนิด

หลังจากการทดสอบ เขาโดดเด่นเหนือคนทั้งหมด

เวนดอร์จึงให้เขาเป็นมือขวาและรองลงมามือซ้ายคืออิสซู

เป็นนักดาบสองมือ


คนที่ไม่เคยต่อสู่มาก่อนถูกฝึกอีกแบบหนึ่ง

พวกเขาเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวจากทริคง่ายๆ

และวิธีการต่อสู่จากอาวุธหรืออุปกรณ์ที่แต่ละบ้านมี

เพื่อให้พอเอาตัวรอดได้ในยามนี้พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่อยู่เบื้องหลัง

คอยทำกับดัก ส่งเสบียง และคอยสนับสนุน

ส่วน 20 คนที่มีฝีมือนั้นเป็นฝ่ายบุกเข้าโจมตี


กองทหารที่จับตัวคนในหมู่บ้านไปใช้เวลาเดินทาง

กว่าจะถึงเมืองหลวงก็ประมาน 3 เดือน

ในระหว่างนี้พวกเขาคงยังไปไม่พ้นเมืองเททรูที่ถัดไปทางเหนือ

เพราะสภาพภูมิประเทศทางตอนใต้ที่เป็นเขาสูงชันทำให้ทหารเดินทางได้ช้าลง

เป็นประโยชน์กับชาวเมืองเวสเทียร์ที่เคยชินกับการอยู่อาศัยตามหุบเขา


ภายในค่ายพักฝ่ายเวนดอร์ บริเวณตีนเขาเฮอ

“พวกเราได้เปรียบด้านชัยภูมิ”

ธอฮานำเสนอ

“พวกเราควรจะเร่งบุกประชิดกองทหารเมื่อมันถึงยอดเขาเฮอ”


“ไม่ดี หญิงของหมู่บ้านเราอาจได้รับอันตรายจากลูกหลงหน้าผานี้สูงชันมาก”

อิสซูกล่าว

“ข้าเสนอให้โจมตีระหว่างที่พวกมันกำลังจะลงเขา

ทหารที่รั้งท้ายกับคนของเรามีจำนวนน้อยเราวางกับดักทหารที่อยู่ด้านหน้าให้มันร่วงตกหน้าผาไป”


“แต่ข้าเห็นด้วยกับธอฮา คนของเราน้อย เราควรจะใช้ข้อได้เปรียบจากชัยภูมิที่สูงชัน”

ฮอร์นเสนอ


เวนดอร์ลูบปลายคางเขียวครึ้มที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครา

“อาร์เทอร์ เจ้ามีความความคิดเห็นอย่างไร”


เด็กหนุ่มยืนตัวเกร็ง

“ข้าว่า...ตามท่านฮอร์น”

อาร์เทอร์เสียงอ่อยเมื่อประสานสายตาดุของฮอร์น


“ไม่ต้องกลัวอาร์เทอร์ข้อมูลของเจ้ามีประโยชน์ พูดออกมา”

เวนดอร์กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น


ฮอร์นบิดสะโพกของอาร์เทอร์จากด้านหลัง

บอกเป็นนัยว่า เจ้าเด็กเมื่อวานซืน อย่าได้ปริปากพูด

“จากที่พวกเราได้ติดตามกองกำลังทหาร”

อาร์เทอร์พยายามพูดด้วยใบหน้าที่เหยเกเพราะความเจ็บปวด

ด้วยความโมโหหัวหน้าหมู่บ้านฮอร์นจึงบีดสุดแรงแล้วปล่อยเพราะทำอะไรไม่ได้

“พบว่าในขบวนมีทหารราวๆ 50 นายพวกเขาไม่ระมัดระวังตัว

และกว่าครึ่งชอบดื่มสุราในยามวิกาล ข้าคิดเห็นว่าพวกเราควรเริ่มโจมตีพวกเขาตั้งแต่พลบค่ำ

โดยใส่ยานอนหลับเข้าไปในสุราและส่งคนเข้าไปสังหารผู้ที่ไม่ได้ดื่ม

เป็นการลดจำนวนศัตรูและลดโอกาสที่คนของเราจะบาดเจ็บ”


“ท่านเวนดอร์ เขายังเด็ก ไม่รู้เรื่องการสู้รบ”

ฮอร์นก้มขอโทษอย่างนอบน้อม


“ความคิดดี”

เวนดอร์กล่าว

เขาเดินวนรอบโต๊ะปูแผนที่เขียนด้วยมือขนาดเขื่องก่อนจะจิ้มแซ่ม้าลงบนจุดหนึ่งบนแผนที่

“นี่คือจุดที่คาดว่าหญิงสาวจะถูกมัดไว้ใกล้กับน้ำตกบนภูเขา

ฟ้าเริ่มมืดแล้วพวกมันคงไปได้อีกไม่ไกลนัก”


“เราจะต้องพึ่งเจ้าทั้งสามคน เริ่มจากอาร์เทอร์ เจ้านำทหาร 5คนไปใส่ยาสลบในไหสุรา”

เวนดอร์หันหลังกลับมาที่ธอฮาที่มีสีหน้าไม่พอใจแฝงอยู่ เพราะดูเหมือนความคิดของเขาจะไม่เป็นที่ต้องการ


“ธอฮาความคิดของเจ้าหลักแหลมไม่แพ้พี่น้องคนไหน ข้าจะใช้แนวคิดของเจ้า

ให้นำทหารฝีมือทั้ง 20 คนต้อนพวกมันที่เหลือมาที่ยอดเขา”

เวนดอร์ตบไหล่ของธอฮอาที่มีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

“ส่วนเจ้าอิสซู เจ้านำทหารทั้งหมดในกองเร่งทำกับดักที่อีกฟากหนึ่งของผา

แล้วสมทบกับคนของธอฮาเพื่อต้อนให้พวกมันตกลงไปในกับดัก”


“ข้าจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”

อิสซูรับคำด้วยความหนักแน่น


“ไปนำผู้หญิงของเราคืนมา”

เวนดอร์กล่าว


ณ ค่ายของเอ็ดเวิร์ดบนยอดเขาเฮอ

“พวกท่านทุกคนคือแขกของข้า”

เอ็ดเวิร์ดตะโกนก้อง ขณะที่ทหารต่างพากันตั้งแค้มป์ริมน้ำตกใกล้ยอดเขา

เขาเดินวนไปรอบๆ เต็นท์สิบๆ หลัง สำหรับหญิงสาวที่พวกทหารพากันทำไว้อย่างดี


“หากข้าเป็นแขกของท่าน ใยต้องมัดพวกเราไว้เช่นนี้”

อลิส หญิงสาวที่ผูกติดกับออโรร่าตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ


“เพราะถ้าไม่มัดพวกท่านก็จะหนีข้าไปสิ”

เอ็ดเวิร์ดกล่าวก่อนจะนำกระบวยเขื่องตักน้ำจากน้ำตก


“จริงอยู่พวกท่านเลี้ยงดูพวกเราอย่างดีหากพวกเราไม่ใช่เฉลย

และท่านจะพาพวกเราเข้าเมืองหลวงด้วยเหตุใดกัน”

แอนเดรียหญิงร่างเล็กที่อยู่ปลายเชือกที่มัดถามขึ้น


“เพราะพระราชาต้องการพบหน้าพวกท่านถึงตอนนั้นก็จะรู้เอง”

เอ็ดเวิร์ดนำน้ำให้แอนเดรีย

“ดื่มซะ ดื่มแล้วนำไปให้คนถัดๆ ไป”

เอ็ดเวิร์ดกล่าวอย่างนุ่มนวลมาดร้ายที่ใครโจษจัน ดูเหมือนจะมะลายหายไปชั่วครู่


“พวกข้าจะต้องตกเป็นนางสนมของกษัตริย์กระนั้นหรือ”

อะควา หญิงสาวจากบ้านขุนนางกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสร้อย

“แต่ข้าเป็นหญิงมีสามีแล้ว”


“พวกท่านจะไม่ได้ไปเป็นนางสนมหรือข้ารับใช้อะไรทั้งนั้น

หากแต่ตอนนี้เพื่อความปลอดภัยข้ายังไม่อาจบอกการณ์นี้ให้ใครล่วงรู้ได้

อย่าร้อนใจไป เมื่อถึงที่หมาย ท่านก็จะรู้ทุกอย่างคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะถูกปล่อยตัวกลับบ้าน”

เอ็ดเวิร์ดกล่าว เขาจ้องมองหญิงสาว 10 คนที่นั่งบนผ้าที่ปูไว้อย่างดี

พวกเธอถูกผูกติดกัน แยกไว้เป็นสิบเอ็ดกลุ่มบางคนร้องโวยวายเพราะข้อมือข้อเท้าบวมแดงจากเชือกและการเดินมาก

บางคนก็นิ่งเงียบไม่พูดจาบางคนก็กลัวสัตว์และแมลงในป่า น่าเวทนายิ่งนัก


“พวกเจ้าอย่ากลัวไป จะต้องมีคนมาช่วยแน่”

เสียงอันแสนไพเราะของหญิงคนหนึ่งตะโกนก้อง จนหญิงสาวคนอื่นๆต้องเงี่ยหูฟัง

“เจ้าเป็นใครถึงกล้าจับคนบริสุทธิ์ไปเหมือนหมูหมา

ไม่ว่าเหตุผลของเจ้าจะเป็นเช่นไรมันไม่น่าฟังสักนิด”


“แม่นางผู้นี้...ชื่ออะไร”

เอ็ดเวิร์ดจ้องมองเธอด้วยความสนใจแม้เนื้อตัวจะมอมแมมแต่ผิวพรรณ

และใบหน้าที่งามผุดผาด บ่งบอกว่าเธอไม่ใช่คนมีชาติกำเนิดที่ธรรมดาแน่

“ข้าชื่อออโรร่าและท่านต้องตายที่ป่านี้ถ้าหากไม่ปล่อยพวกเราไป

เพราะเวนดอร์จะต้องมาช่วยพวกเราแน่”

ออโรร่ากล่าว


“ช่วยโดยไอ้ใบ้น่ะเหรอ”

เอ็ดเวิร์ดตะโกนก้องแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทหารในขบวนต่างพากันหัวเราะเยาะไปด้วย

หนำซ้ำยังชักดาบคมกริบออกมาจากฝักแล้วกระแทกปักลงเบื้องหน้าออโรร่า

จนหญิงสาวพากันกรีดร้องด้วยความตกใจ

“ไอ้ใบ้ผู้นี้ที่ข้าเคยได้ยินชื่อเสียง มันเอาแต่เก็บของป่าช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอกและถ้ามันกล้ามา

มันจะต้องตายด้วยคมดาบของข้า”

สายตาวาววับมุ่งร้ายดั่งอสูรฉายออกมาจากดวงตาของเอ็ดเวิร์ด




Create Date : 02 กรกฎาคม 2559
Last Update : 2 กรกฎาคม 2559 17:41:10 น.
Counter : 466 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทวนเวลา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีผู้อ่านทุกท่านและเพื่อนที่เคารพทั้งหลายข้าพเจ้าในนามของเจ้าของblogขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในที่นี้ขอบคุณจ่ะ
pearleus pearleus
กรกฏาคม 2559

 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31