หนังสือชื่อแปลก - เจ้าหงิญ
19 ธ.ค. 2548
ผมเห็นหนังสือชื่อ "เจ้าหงิญ" ของคุณบินหลา สันกะลาคีรี เล่มนี้วางแผงอยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ถึงแม้จะรู้ว่าได้รางวัลซีไรท์ก็ไม่ได้คิดว่าจะซื้อมาอ่าน เหตุผลหลักก็คือชื่อของหนังสือที่ทำให้ผมคิดว่าคงจะเป็นหนังสือตลกๆ เนื้อเรื่องแปลกๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหนังสือที่ได้รางวัลก็คงจะคล้ายๆ กับภาพยนตร์ที่ได้รางวัลทั้งหลาย ที่มักจะอ่านยากหรือดูยาก
หนังสือที่ได้รางวัลซีไรท์เล่มล่าสุดที่ผมอ่านก็คือ รวมเรื่องสั้นชุด "ความน่าจะเป็น" ของคุณปราบดา หยุ่น อ่านแล้วก็ไม่ประทับใจเท่าไร ทั้งเล่มผมชอบอยู่แค่สองเรื่องเท่านั้น ผมว่าเขาเป็นคนที่เขียนเนื้อเรื่องได้แปลก น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีถึงขนาดนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบงานเขาไปเสียทั้งหมด เพราะหนังเรื่อง "เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล" ที่คุณปราบดาเขียนบท แล้วคุณเป็นเอก รัตนเรือง เป็นคนกำกับ เป็นหนังไทยที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว หรือเพลง "โลกไม่ใช่ของเรา" ของบัวหิมะ ที่ตั้งใจจะทำให้เป็นเพลงประกอบหนังสือเรื่อง "ชิทแตก" ของเขา ผมฟังแล้วก็คิดว่าเข้าท่าดี เพียงแต่ว่าผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วฟังเพลงประกอบแบบที่ผู้เขียนตั้งใจจะให้เป็น ฟังแต่เพลงอย่างเดียวไม่ได้อ่านหนังสือ เพราะกลัวจะเกิดความรู้สึกเหมือนตอนอ่าน "ความน่าจะเป็น" อีก อีกงานหนึ่งของเขาที่ผมรออยู่ก็คือ หนังเรื่องใหม่ที่คุณปราบดากับคุณเป็นเอกร่วมมือกันอีกครั้งคือเรื่อง "Invisible Wave" รอด้วยความหวังว่าคงจะมีอะไรดีๆ ให้ติดตามกันอีก
กลับมาที่ "เจ้าหงิญ" อีกครั้ง ผมไปหาซื้อมาอ่านจริงๆ ก็หลังจากที่ได้อ่านคอลัมน์ "คลุกวงใน" ของคุณพิษณุ นิลกลัด ที่เขียนไว้ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม 2548 นั่นล่ะ ไปสะดุดใจตรงที่คุณพิษณุเขียนไว้ว่า ในขณะที่อ่านนิทานแต่ละเรื่อง จะมีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจเป็นระยะๆ ว่า "คิดได้ไง (วะ)" ถึงได้เกิดความสนใจจะไปหามาอ่าน แล้วก็สะดุดใจอีกที่หนึ่งตรงที่คุณพิษณุเขียนไว้ว่าไม่ควรจะอ่านเกินวันละ 1 ถึง 2 เรื่อง
พอได้เริ่มอ่าน ผมก็เริ่มอ่านตั้งแต่คำนำของผู้เขียน (ตามปกติวิสัยที่ผมจะอ่านคำนำและคำนิยมของหนังสือก่อนเสมอ เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมกับหนังสือก่อน) ก็มีคำแนะนำไว้ว่าให้ค่อยๆ อ่านวันละเรื่องอีก ผมก็เลยทำตามนั้นคือ อ่านไม่เกินวันละ 1 ถึง 2 เรื่อง ด้วยอารมณ์สนใจใคร่รู้ว่าเพราะอะไรจึงต้องเน้นประเด็นนี้ไว้ในคำนำด้วย
พอได้อ่านเรื่องแรกจบ ผมก็ชอบทันที ได้รู้สึกถึงจินตนาการที่แปลกแหวกแนวของผู้เขียน หลังจากนั้น เมื่อได้อ่านเรื่องต่อๆ มา ก็ได้รู้สึกถึงจินตนาการที่มีอยู่อย่างไม่รู้จบ กับการเก็บรายละเอียดหรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวมาผูกเรื่องให้กลายเป็นนิทานได้ แต่เรื่องต่อๆ มาสำหรับผมนั้น ถึงจะรู้สึกชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบมากหรือประทับใจมากเท่ากับเรื่องแรก เพียงแต่เกิดข้อสังเกตขึ้นในใจว่าทำไมจึงมีนิทานเศร้ากับนิทานสุขสลับกันไป (หรือตั้งใจจะให้เหมือนอัลบั้มเพลงที่มีเพลงเร็วสลับกับเพลงช้าหรือเปล่า) อีกความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างอ่านนิทานแต่ละเรื่องก็คือ เห็นด้วยกับคำแนะนำที่ว่าให้ค่อยๆ อ่านวันละเรื่องหรือสองเรื่องก็พอ จะได้มีเวลาซึมซับเอาเนื้อเรื่อง อารมณ์ และความรู้สึกของนิทานแต่ละเรื่องเข้าไป
เมื่อมาถึงนิทานเรื่องที่เจ็ด ผมก็เกิดความรู้สึกชอบในระดับเดียวกับที่เคยชอบนิทานเรื่องแรกขึ้นมาอีก ยิ่งมาถึงนิทานเรื่องสุดท้ายคือเรื่องที่แปด ก็กลายเป็นว่า นิทานเรื่องสุดท้ายนี้เป็นบทสรุปที่ทำให้ผมรู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาได้ทันที เรื่องที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมนิทานถึงสลับกันเศร้าสลับกันสุขก็มาเฉลยเอาในเรื่องสุดท้ายนี่เอง ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านบทสุดท้ายจบก็คือ ผมเกิดความอยากที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้อีกรอบหนึ่ง ความรู้สึกแบบนี้คล้ายๆ กับตอนที่ดูหนังเรื่อง "เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล" จบรอบแรก ไม่ได้รู้สึกว่าชอบหรือประทับใจอะไรมากมาย แต่มันมีความรู้สึกว่าอารมณ์ของหนังมันวนไปเวียนมาอยู่รอบๆ ตัว อีกไม่นานหลังจากนั้นผมก็ต้องไปหาซื้อหนังเรื่องนี้มาเก็บไว้ แล้วก็ดูอีกสองสามรอบ แล้วก็กลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ผมชอบมากที่สุดไปเลย
ในช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผมจะกลับไปอ่าน "เจ้าหงิญ" อีกรอบหนึ่ง ท่านใดที่ยังไม่เคยอ่านและชอบหนังสือที่มีกลิ่นอายของนิทานแฝงอยู่ ผมอยากแนะนำให้ท่านลองไปหามาอ่าน จะซื้อหรือยืมเพื่อนอ่านก็ตามแต่ อ่านจบแล้วมีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบอย่างไร อยากจะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก็เชิญได้เลยครับ
Create Date : 20 ธันวาคม 2548 |
|
28 comments |
Last Update : 20 ธันวาคม 2548 0:07:11 น. |
Counter : 2250 Pageviews. |
|
|
|
พอได้มาอ่านที่อาจารย์เขียน อาจารย์เขียนได้ละเอียด สอดแทรกความรู้สึกนึกคิดที่เป็นตัวของตัวเอง และมีมุมมองที่น่าสนใจ จริง ๆ อาจารย์น่าจะไปเขียนหนังสือเสียเองจะดีกว่าค่ะ เพราะสำนวนดีจัง