"The single best way to grow a better brain is through challenging problem solving." - Eric Jensen (1998), Teaching with the Brain in Mind
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 

สัมมนาที่สเปน วันที่ 6

วันศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549



สัมมนาวันที่ห้า ยังคงอยู่ที่เมือง Soria

ข้อมูลเพิ่มเติมของแคว้นโซเรีย เป็นแคว้นที่เน้นด้านเกษตรกรรม เป็นแหล่งผลิตส้มที่มีชื่อเสียงของสเปน

หลังจากที่กินมื้อเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมตอนแปดโมงเช้า ก็เดินทางมาที่ C.E.D.E.R. เป็นศูนย์ที่ทำการทดลอง วิจัย และพัฒนาด้านพลังงานทดแทนของสเปน สังกัด CIEMAT พื้นที่กว้างขวางขนาดกินเนินเขาเป็นลูกๆ เขาทำวิจัยเกี่ยวกับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล ฯลฯ และการใช้พลังงานทดแทนแบบผสมผสานกัน (Hybrid) เห็นแล้วก็อยากให้บ้านเราให้ความสำคัญกับการคิดหรือทำวิจัยอะไรเองบ้าง ไม่ใช่รอซื้อเขาอย่างเดียว

จากนั้นก็ย้อนกลับลงมาทางใต้ มาที่เมือง Almazan (ชื่อมาจากอิทธิพลของอิสลาม สังเกตที่คำว่า Al) เป็นที่ตั้งของฟาร์มกังหันลมของบริษัทผลิตไฟฟ้า Iberdrola ที่นี่มีกังหันลมขนาด 1.5-2.0 MW อยู่ถึง 164 ชุด ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 240 MW ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง (ยอดเขาเป็นหน้าตัดราบคล้ายภูต่างๆ บ้านเรา) กินพื้นที่กว้างขวางมาก

มื้อกลางวันแวะกินที่ร้านอาหารของโรงแรม Hotel Villa De Almazan ตอนบ่ายสอง เป็นมื้อใหญ่แบบทางการอีกครั้ง ขนมปังแข็งกับไวน์แดงมีอยู่ประจำโต๊ะเหมือนเดิม จานแรกเป็นซุปมันเทศใส่ไส้กรอกหมูหั่นเป็นชิ้น จานหลักเป็นปลา แนมด้วยผักกาดแก้ว และมีเลมอนซีกหนึ่งให้บีบน้ำราดบนเนื้อปลา (เหมือนมะนาวกับข้าวผัด) ปิดท้ายด้วยคัสตาร์ดราดด้วยน้ำเชื่อมสตรอเบอรี่

มื้อนี้เป็นอีกครั้งที่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้หยิบขนมปังผิดข้าง เมื่อวานเย็นก็ทีหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้เตือนอะไรเขา วันนี้อดไม่ได้ที่จะต้องพูดออกไปเพราะมันมีคนที่ไม่ได้ขนมปัง จริงๆ ก็ไม่ได้รู้มาก่อน แต่เห็นครั้งเดียวก็คิดได้เองแล้วว่าจะต้องหยิบขนมปังที่อยู่ทางซ้ายมือ นี่พี่แกหยิบทางขวาตามความถนัดกันเป็นแถว อย่างแก้วสองใบที่วางอยู่ด้านหน้าของแต่ละคน สังเกตว่าเขาจะเทน้ำใส่ในแก้วทางซ้ายและเทไวน์แดงในแก้วทางขวา กะเหรี่ยงกลุ่มนี้ก็เทไปตามความพอใจ พวกมีด ช้อน ส้อม ที่วางอยู่ข้างจาน หลักการทั่วไปก็คือใช้จากนอกเข้าใน แต่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้ก็คว้าใช้กันมั่วตามแต่ที่ตัวเองเห็นสมควร มันยากนักหรือไงที่จะสังเกตเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้

ได้ถามคุณเอ็นริเก้เรื่องจะซื้อไวน์แดงแบบไหนดี เขาแนะนำให้ดูยี่ห้อที่ทำจากองุ่นจากแถบ Rioja ซึ่งจะเขียนอยู่ข้างขวด ให้เลือกดูราคาประมาณ 10 ยูโรจะกำลังดี ไม่แพงเกินไปและคุณภาพก็กลางๆ ยี่ห้อที่เขาชอบเป็นพิเศษคือ Gran Feudo

จากนั้นก็เดินทางกลับมาดริด เข้าพักที่โรงแรม Husa Princesa เหมือนเดิม ได้ห้อง 715 ใหญ่กว่าห้องเดิมนิดหน่อย เก็บของเสร็จก็ไปกินมื้อเย็นที่ VIPS แต่เป็นคนละสาขากับสองครั้งแรก

สำรวจผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาทั้งหมด นอกจากคนไทยสองคน ว่าใครเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

ศรีลังกามากัน 3 คน ผู้ชายกับผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว 2 คน และคนหนุ่มๆ 1 คน เข้าใจว่ามาจากกระทรวงพลังงาน กลุ่มนี้ไม่ค่อยเรื่องมากดีเพราะผู้ใหญ่สองคนเขามีโอกาสไปดูงานต่างประเทศหลายครั้งแล้ว เรื่องกินก็ไม่มีปัญหาเพราะถือพุทธเหมือนคนไทย กินได้ทุกอย่าง (ถ้าเขาไม่เรื่องมากเอง) มีมาตกม้าตาย ออกความเป็นกะเหรี่ยงเข้ากรุงก็ตอนที่เจ๊แกไปเต๊ะท่าถ่ายรูป นัยว่ากำลังเก็บลูกมะกอกจากต้น หน้าโรงแรมที่กินมื้อกลางวัน เข้าใจว่าไม่เคยเห็น แต่ก็ควรจะเก็บอาการกันหน่อย แค่อยู่เฉยๆ คนที่นี่เขาเห็นหน้าแปลกๆ ก็กะเหรี่ยงพออยู่แล้ว

บังกลาเทศมากัน 3 คน เป็นผู้ใหญ่จากกระทรวงพลังงานทั้งหมด ผู้ชายสองคนก็วางตัวดี เป็นมิตรกับทุกคน แต่คนผู้หญิงจะแปลกๆ หน่อย คุยด้วยไม่ค่อยรู้เรื่องว่าแกจะเอาอะไร พูดไม่ค่อยรู้เรื่องแถมยังเรื่องมากพิกล สังเกตว่าผู้ชายสองคนที่เป็นชาติเดียวกันยังไม่ค่อยอยากจะนั่งใกล้เลย กลุ่มนี้ติดปัญหาเรื่องกินเล็กน้อยเพราะเป็นมุสลิม กินหมูไม่ได้ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร เพิ่งรู้ว่ามื้ออาหารของคนบังกลาเทศเป็นเวลาเดียวกับคนสเปนเลย คือ กินกันสายมาก มื้อเย็นกินกันตอนสามสี่ทุ่มเหมือนกัน ช่วงหลังจากเลิกงานตอนห้าโมงเย็น เขานิยมไปเยี่ยมญาติๆ หรือเพื่อนฝูงก่อนกลับบ้านกินมื้อค่ำ

ฟิลิปปินส์มากัน 3 คน เป็นผู้ชายล้วน มาจากการไฟฟ้าทั้งหมด น่าจะเป็นผู้บริหารระดับกลางๆ เพราะอายุอยู่แถวๆ 40 กลุ่มนี้คุยกันรู้เรื่องที่สุด โดยเฉพาะคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเป็นคนคุยสนุกและรู้เรื่องรอบตัวเยอะ พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันว่างก็จะไปเดินชมเมืองกับกลุ่มนี้ รู้สึกว่าคนฟิลิปปินส์กับคนไทยจะเป็นกลุ่มที่เก็บอาการบ้านนอกเข้ากรุงได้ดีที่สุดในบรรดาพวกที่ไปทั้งหมด ยกเว้นว่ากลุ่มคนฟิลิปปินส์เป็นกลุ่มที่คว้าขนมปังผิดข้างมาสองมื้อแล้ว!

กัมพูชามากัน 5 คน มีอยู่ 4 คนที่เป็นผู้ใหญ่ในกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงาน (ถ้าจำชื่อกระทรวงไม่ผิด เพราะพูดภาษาอังกฤษแล้วฟังยากมาก) กลุ่มนี้ (ผู้ชายสามและผู้หญิงหนึ่ง) จะเกาะกลุ่มกัน มักจะคุยกันเอง ไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องภาษาหรือเปล่า บุคลิกเหมือนพวกข้าราชการชั้นสูงที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองไทย กลุ่มนี้จะไม่ค่อยสนใจอะไร ไม่สนใจว่าจะต้องวางตัวอย่างไรในโลกสากล เปิดหัวความเป็นกะเหรี่ยงในการถ่ายรูปกับต้นมะกอกเป็นกลุ่มแรก คนเขมรอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง น่าจะราวๆ 40 กว่าแล้ว มาจากธนาคารเพื่อการเกษตร (ไม่ค่อยเกี่ยวกับพลังงาน!) คนนี้จะอยู่คนเดียว ไม่ค่อยเกาะกลุ่มกับสี่คนที่มาจากชาติเดียวกัน มีปัญหาเรื่องกินมากพอๆ กับผู้หญิงบังกลาเทศ กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ เลยต้องพึ่งขนมปังแข็งๆ ประจำโต๊ะเป็นอาหารหลัก น่าแปลกที่เป็นคนอยู่ยากกินยากทั้งๆ ที่ไปดูงานมาแล้วหลายประเทศ คนนี้ชื่นชมเมืองไทยและในหลวงของเรามาก เพราะเขาเอาไปเทียบกับของบ้านเขา สงสัยอยู่บ้านเมืองเขาคงลำบากน่าดูถ้าไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงราชการซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบคนอื่นในสังคม

เวียดนามมา 4 คน มาจากการไฟฟ้า 2 คน เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งและรุ่นๆ เดียวกันคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็รุ่นไล่เลี่ยกัน เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้ใหญ่จากการไฟฟ้ารู้ประวัติศาสตร์ของโลกเยอะมาก คุยเรื่องนี้ได้เป็นฉากๆ แถมระบุปีได้เป๊ะๆ ส่วนคนที่หนุ่มกว่าเป็นคนที่ดูแล้วอัธยาศัยดีที่สุด (ทั้งๆ ที่ไม่ชอบคนเวียดนามเข้ากระดูก แต่คนนี้คุยด้วยได้) คนนี้บ่นให้พิพัฒน์ฟังถึงความล้าหลังทางความคิดของคนในบ้านเมืองเขาที่ไม่ค่อยคิดที่จะทำอะไรดีๆ ให้ส่วนรวมบ้างเลย เขาชมว่าเมืองไทยดีกว่าเยอะโดยเฉพาะ พพ. บ้านเราที่มีผลงานด้านพลังงานมาก (หารู้ไม่...) ฟังแล้วก็ยังหายใจโล่งไปได้หน่อยหนึ่งว่าในห้วง 5-10 ปีนี้เรายังไม่ต้องกลัวเวียดนามเท่าไร แต่ก็จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว เพราะถ้าคนรุ่นนี้ของเขาเริ่มรู้จักคิดแบบนี้ อีกหน่อยก็ต้องระวัง

คนเวียดนามอีกคนเป็นกรรมการบริหารของบริษัทผลิตพลังงานที่เป็นการร่วมหุ้นระหว่างเอกชนกับภาครัฐ เขาบอกว่าเขาใหญ่ที่สุดแล้วในส่วนของซีกเอกชน คนนี้มาในมาดนักธุรกิจ นึกภาพนักธุรกิจจีนไต้หวันที่รุ่มร่ามๆ หน่อย เสี่ยแกมาดแบบนั้นเลย คนนี้มาเพื่อเอาฟาร์มกังหันลมกลับไปเวียดนามโดยเฉพาะ ไม่ค่อยสนใจเนื้อหาอะไรเท่าไร คุยกับบริษัทผู้ผลิตกังหันลมเป็นหลัก เวลากินไวน์จะกินเยอะ พอเริ่มตึงๆ ก็จะเริ่มเสียงดังขึ้น รุ่มร่ามขึ้น มื้อใหญ่ที่โซเรียเมื่อวานก็เฮฮาจนเกินไปหน่อย ถ้าอยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คงไม่เป็นไร แต่ในฐานะกะเหรี่ยงมันดูน่าขายหน้า แต่ยังไงเสี่ยแกก็มีเพื่อนร่วมวงด้วยก็คือกลุ่มข้าราชการใหญ่จากเขมร เสียงดังกันใหญ่ เห็นมีสั่งเบียร์ตบท้ายด้วย ทำไมถึงชอบแสดงความด้อยพัฒนากันนักก็ไม่รู้ หรือว่าเขาไม่รู้ตัวว่ามารยาทสากลที่จะเข้ากับชาวโลกให้ได้โดยไม่ให้เขาดูถูกควรจะเป็นอย่างไร

มาเลเซียมา 1 คน เป็นผู้ชาย มาดเนียบตลอด สงสัยว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงตอนเช้าในการเซ็ตผมและแต่งตัว คนนี้เป็นมนุษย์เจ้าปัญหา ถามคำถามตลอดเวลา ทำให้สัมมนาเกินเวลาตลอด ลีลาการพูดน่าจะไปเป็นนักการเมือง ชอบโฆษณารัฐซาบาห์ของตัวเอง ชอบชวนให้คนโน้นคนนี้ไปเที่ยวมาเลเซีย เจ้าหน้าที่สเปนที่ดูแลการสัมมนาส่วนใหญ่ที่มีโอกาสได้มาแถบบ้านเราก็จะมาเที่ยวเมืองไทยเป็นหลัก เท่าที่ฟัง เหมือนเจ้าหน้าที่เขาพยายามจะพูดอ้อมๆ ว่าประเทศเขาแนะนำให้ระวังถ้าจะไปมาเลเซีย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่เขาระแวงว่าเป็นแหล่งเพาะเชื้อผู้ก่อการร้ายหรือเปล่าเพราะฟังไม่ค่อยถนัด (แย้งกับที่พี่เนี้ยบแกเสนอจุดขายว่าเป็นประเทศเดียวในแถบนี้ที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง) ที่แน่ๆ เขาบอกว่าไปมาเลเซียแพงกว่ามาเมืองไทย ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้พี่เนี้ยบเขาท้อในการประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด


หมายเหตุ: ข้อมูลในบันทึกส่วนตัวนี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงอย่างเป็นจริงเป็นจังได้ เพราะมาจากการจดและจำเอาจากการบรรยายของไกด์ท่านต่างๆ และบางส่วนมาจากการคิดเอาเองเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งแต่อย่างใด กรุณาอ่านเล่นเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น...




หน้าโรงแรมที่พักตอนเช้า




ทะเลหมอก




ส่วนหนึ่งของปราสาทเก่า




อีกรูป




ไม่แน่ใจว่าเป็นของใหม่หรือของเก่า
ที่เห็นลิบๆ นั่นคือ พี่เนี้ยบ ชาวมาเลเซีย




เหมือนว่าจะศิลป์
เอาไว้เป็นวอลเปเปอร์อีกเช่นเคย




พยายามเข้า...




ลองกล้องด้วยการซูมสุดฤทธิ์เข้าไปในเมืองโซเรียด้านล่าง




เมืองเขาสวยดี




อาคารส่วนใหญ่เน้นสีน้ำตาล




ศูนย์วิจัย C.E.D.E.R. ที่กินเนื้อที่ภูเขาเป็นลูกๆ
ส่วนนี้ทดสอบเซลล์แสงอาทิตย์กับกังหันลมยี่ห้อต่างๆ




กังหันลมตัวอย่างจากหลายผู้ผลิต




ส่วนหนึ่งของโรงวิจัยด้านชีวมวล




เตาเผาชนิด Fluidized Bed ขนาดย่อม
ใช้ทดสอบกับเชื้อเพลิงชีวมวล
มหาวิทยาลัยบ้านเราสร้างไว้บ้างก็น่าจะดี
แต่จะไปเอาทุนมาจากไหน...




หม้อไอน้ำขนาดย่อมสำหรับเชื้อเพลิงชีวมวลอีกเช่นกัน




ฟาร์มกังหันลมของ Iberdrola บนขอบหน้าผา




สังเกตความใหญ่ของฐาน




มุมเงย




ถ่ายจากบนรถขากลับออกมา




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2549
2 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2549 17:25:12 น.
Counter : 918 Pageviews.

 

วันนี้เป็นวันนินทาเพื่อนร่วมสัมมนาครับ

หลายคนนับเป็นเพื่อนได้ แต่อีกหลายคนสมควรนับเป็นญาติผู้ใหญ่มากกว่าเพราะวัยห่างกันเหลือเกิน

ที่นินทานี่ ไม่ใช่หมายความว่าไม่ชอบหน้ากันไปเสียหมดทุกคนนะครับ อย่างคนฟิลิปปินส์หรือคนมาเลเซียนี่ เรียกว่าคุยกันถูกคอ และผมต้องการสานความสัมพันธ์กันต่อไปเสียด้วยซ้ำ ได้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นย่อมดีกว่าที่จะมีศัตรูเพิ่มขึ้นล่ะครับ (จำเขามาพูดอีกที...)

 

โดย: คนทับแก้ว 9 ธันวาคม 2549 17:32:37 น.  

 

ดเขาบอกว่าภาพ 1 ภาพ มากกว่าคำบรรยาย 1,000 คำ
ภาพวันนี้ให้คำบรรยายที่ดีที่สุดว่าประเทศสเปนพัฒนามากกว่าเราหลายเท่านัก
ได้ความรู้มากๆค่ะในวันนี้ รักสเปนขึ้นอีกเยอะเลย

 

โดย: ซออู้ 9 ธันวาคม 2549 20:30:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนทับแก้ว
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ศิลปิน: เฉลียง
เพลง: หวาน
ชุด: ปรากฏการณ์ฝน
ปี: 2525



Friends' blogs
[Add คนทับแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.