เรื่องเล่า Exclusive trip in Singapore with Joy AF8 Part 2
เรื่องเล่า Exclusive trip in Singapore with Joy AF8 Part 2 สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษที่ทำให้รอ ตอนแรกว่าจะยังไม่เขียน แต่มีคนกดดันมามากเหลือเกิน..เลยต้องลัดคิวงานอื่นๆมาเขียนเรื่องเล่าทริปสิงคโปร์กับน้องจอยในวันที่สองให้ก่อน..ฮา ย่างเข้าสู่เช้าวันที่สอง ดูเหมือนความสัมพันธ์ของน้องจอยและผู้เขียนยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ เอ๊ะยังไง ฮา ก็จะให้คืบหน้าได้อย่างไรในเมื่อผู้เขียนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับน้องสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าใครห้ามไว้นะคะ แต่เนื่องจากผู้เขียนสาละวนอยู่กับการถ่ายรูปถ่ายคลิปตลอดเวลา และอีกอย่างขนาดน้องพูดด้วยเราก็ทำเฉยไม่พูดไม่จา ใช่ว่าจะหยิ่งอะไรหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าไม่อยากทำลายบรรยากาศในการชมคลิปน้องจอยของพวกเราทุกคนที่รอดูอยู่ เพราะคิดว่าทุกคนคงอยากฟังเสียงน้องจอยมากกว่าจะฟังเสียงของผู้เขียนเป็นแน่ และผู้เขียนเองก็ใช่ว่าจะคุยเก่งอะไรด้วย จะให้พูดคุยกับน้องจอยตลอดเวลาก็คงไม่ใช่ แถมต้องคุยผ่านกล้องอีก ลำพังแค่ถ่ายรูปถ่ายคลิปก็แอบเกรงใจน้องเล็กๆอยู่เหมือนกัน รู้สึกจะเกรงใจตลอด..แต่ก็น้อยกว่าเมื่อวานนิดนึง..อิอิ อย่างที่บอกไว้ว่าน้องจอยบอกว่าวันนี้จะจัดเต็ม เป็นเหตุให้น้องลงมารับประทานอาหารช้า เราก็นั่งทานไปรอไป จนไม่รู้จะทำอะไรเลยเดินถ่ายูปบริเวณนั้นจนหมดทุกมุมน้องก็ยังไม่ลงมา คาดว่าจะแต่งตัวสวยเป็นพิเศษและในที่สุดน้องก็ลงมา คุณพระ!!!!! นี่หรือจัดเต็มของน้อง มันต่างจากเมื่อวานตรงไหน..ฮ่า ที่เห็นต่างจากเมื่อวานก้ตรงเปลี่ยนจากเสื้อแขนยาวเป้นเสื้อแขนกุดและเพิ่มผ้าคลุมมาอีกหนึ่งผืนแค่นั้น น้องแต่งตัวมาในชุดสบายๆเสื้อแขนกุดกางเกงขาสั้น แต่งหน้ามาแบบบางๆ บางมากขนาดรับประทานอาหารเสร็จหันมาอีกทีก็เหมือนไม่ได้แต่งหน้ามาเลย..ฮา จำได้ว่าตอนน้องไปตักอาหารมารับประทานผู้เขียนขอถ่ายรูปน้องถือจานอาหาร น้องก็ถือให้ถ่ายแต่โดยดีแต่ทำหน้าเหลอหลาแล้วบอกว่าแป้งทั้งนั้นเลย ตอนนั้นดูสีหน้าน้องก็รู้ได้ทันทีว่าน้องคงกลัวพี่ๆแฟนคลับหากเผยแพร่ภาพออกไปว่าทานอาหารที่ทำให้อ้วน ผู้เขียนยังอดคิดไม่ได้ว่าใครหนอช่างกดดันเรื่องน้ำหนักน้องได้ตลอดเวลา จนน้องกลัวโดนดุเรื่องกินของที่ทำให้อ้วนจนขึ้นสมองแล้ว แต่ก็แค่กลัวถูกดุนะ ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานหรือไม่ต้องไปถามน้องกันเอาเอง หลังจากรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยก้พร้อมเดินทางไปยัง UNIVERSAL STUDIO เมืองสวนสนุกที่จำลองเครื่องเล่นมาจากภาพยนต์ชื่อดังของ Hollywood ซึ่งที่แรกที่เราไปได้แก่ Tranformers ซึ่งเพิ่งเปิดมาไม่นานนี้ โดยมีน้องจอยน้องแอ้นและน้องแพรวานำทีม ระหว่างต่อคิวเดินเข้าก็มีการเล่นหยอกล้อกันสนุกสนานเนื่องจากคณะเราจะมีป้ายไฟจอยติดตัวไปตลอด น้องแอ้นก็จะคอยแกล้งตะโกนเรียกจอยดังๆ วันนั้นน้องจอยจะเป็นซุปตาร์มาก มีป้ายไฟมีคนตะโกนเรียกตลอดเวลาแถมมีผู้ติดตามถ่ายรูปถ่ายคลิปตลอดทาง..ฮา ทำให้เป็นจุดสนใจของสายตาหลายๆคู่ จนบางคนสงสัยว่าจอยคือใคร โชคดีนะที่เป็นต่างประเทศเพราะถ้าเราคุยเล่นกันอย่างนี้ในประเทศไทยคงไม่ออกมารูปแบบนี้แน่ๆ..ฮา ส่วนพี่ๆที่เป็นแฟนคลับก็เลยถือโอกาสแนะนำน้องจอยกับชาวต่างชาติเป็นการใหญ่ด้วยความปราบปลื้ม แต่แอบสงสัยเหมือนกันว่าเมื่อเค้ารู้แล้วเค้ารู้สึกยังไงกัน เห็นมีซุบซิบและมองมาทางน้องจอยกันด้วย ในความคิดของผู้เขียนก็ว่าน้องจอยก็ออกไปแนวเกาหลีๆนิดๆคงจะพอให้น่าเชื่อได้อยู่ แต่พี่ๆก็แกล้งบอกน้องจอยว่าเค้าคงคิดกันว่า ใช่หรอ? ฮา คงเห็นแล้วใช่มั๊ยว่าแฟนคลับน้องจอยก็เกรียนไม่แพ้กัน และยิ่งมาอยู่ด้วยกันก็มีแอบจิกกัดกันเองตลอดเวลา พอรู้สึกตัวทีถึงจะบอกว่ารักจอยๆ ผู้เขียนเองก็งงเหมือนกันว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก..อิอิ ล้อเล่นนะคะ เรารู้กันอยู่แล้วว่าทุกคนรักจอยมากขนาดไหนไม่เช่นนั้นคงไม่เตรียมหมวกเตรียมเสื้อทีมมากันพร้อมขนาดนี้ แต่เป็นเพราะว่าน้องเป็นคนสนุกสนานและไม่ถือตัว เวลาถูกแกล้งก็จะมีปฏิกิริยาเบาๆให้เราเห็นตลอด พวกเราจึงคุยเล่นกับน้องได้อย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นน้องจอยก็เลือกที่จะไปเล่นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ที่สูงที่สุดในโลก Battlestar Gacactica ซึ่งสามารถเลือกนั่งรถไฟสายสีแงหรือตื่นเต้นสุดๆกับรถไฟสายสีน้ำเงิน ช่วงนี้ผู้เขียนเริ่มมีการพูดคุยกับน้องบ้างโดยถามน้องว่าจะเอาแค่สนุกหรือจะเอาแบบหวาดเสียวด้วย และน้องจอยก็เลือกเล่นสายสีน้ำเงิน ซึ่งในตอนหลังผู้เขียนทราบว่าในบัสเรามีน้องจอยคนเดียวที่เล่นสายสีน้ำเงินในตอนแรกผู้เขียนคิดว่าจะเก็บภาพตอนน้องเล่นมาฝากแต่ดูแล้วคงถ่ายรูปถ่ายคลิปไม่ทันแน่เลยถือโอกาสเล่นเครื่องเล่นกับน้องจอยดีกว่า ทั้งที่ในใจแอบคิดเหมือนกันว่าด้วยสังขารของตัวเองจะไหวมั๊ย ฮา แต่ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ผู้เขียนจะได้พูดคุยกับน้องโดยไม่ต้องมองผ่านกล้องเลยต้องทำใจสู้ อิอิ ซึ่งเวลาเล่นเครื่องเล่นเราต้องฝากของไว้ ทำให้ไม่สามารถอัดบรรยากาศการเล่นเครื่องเล่นของน้องได้ทั้งหมด หลังจากลงมาเราจึงต้องพักเบรคด้วยการไปนั่งชมการแสดงโชว์เหมือนจริงที่จำลองมาจากส่วนหนึ่งของภาพยนต์ วอเตอร์เวิล์ด หลังจากนั้นก็เดินเล่นและพักรับประทานอาหารกัน โดยทานเป็นแฮมเบอเกอร์และเฟรนฟรายดืเพื่อความรวดเร็ว ส่วนผู้เขียนเองเลือกดื่มเฉพาะน้ำ น้องจอยจึงชวนรับประทานเฟรนฟรายด์ของน้องด้วยกัน จุดนี้เราก็หยิ่งอีกเช่นเคย อันที่จริงผู้เขียนเป็นไมเกรนอยู่อาจเพราะนอนดึกตื่นเช้าแล้วยังไปเล่นเครื่องเล่นกับน้องอีก ทั้งเหนื่อย ทั้งเวียนหัว ถ้าขืนได้ทานอะไรลงไปคงเล่นเครื่องเล่นอื่นต่อไม่ได้เป็นแน่ แต่ทำเป็นวางฟอร์มว่าไม่หิวไปอย่างนั้นเอง..คิคิ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จคณะเราก็เดินทางไปชมภาพยนต์สี่มิติที่จำลองตอนหนึ่งของภาพยนต์ SHRER โดยมีบรรยากาศใช้ภาพและเสียงประกอบสมจริง ในตอนนี้ได้นั่งข้างๆน้องจอย น้องบอกว่าง่วงเห็นนั่งดูเงียบๆก็ไม่ได้หันไปมองเหมือนกันว่าแอบหลับหรือป่าว เพราะถ้าไม่ได้มองผ่านกล้องก็จะเขินๆไม่ค่อยกล้ามองหน้าน้องสักเท่าไหร่..ฮา แต่พี่แฟนคลับคนนึงบอกว่าพอจะหลับจะหลับ บางทีเก้าอี้ก็โยก บางทีน้ำก็ฉีดออกมา ทำเอาพี่แกตื่นเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องจอยจะเป็นเหมือนพี่คนนั้นหรือป่าว และเครื่องเล่นสุดท้ายที่พวกเราไปเล่นกันได้แก่มัมมี่ ซึ่งก็เป็นโชคดีที่ผู้เขียนไม่รับประทานอาหารกลางวันไม่เช่นนั้นคงได้อาเจียนใส่น้องเป็นแน่ เมื่อดูเวลาใกล้ถึงเวลานัดหมายจึงพากันเดินกลับที่พักโดยแวะชมร้านขายของที่ระลึกนิดหน่อย แต่อย่าหวังว่าเงินสักเหรียญจะกระเด็นออกจากกระเป๋าน้องจอย ฮา และแล้วความหวังของผู้เขียนก็เป็นจริงเมื่อน้องจอยมาในชุดใหม่ เป็นกระโปรงออกแนวหวานๆมาให้ได้ชมความงามกันในช่วงเวลาพิเศษคือมินิคอนเสริตในช่วงอาหารเย็น โดยก่อนไปรับประทานอาหารได้แวะชมทัศนียภาพแบบพาโนรามาวิว แบบ 360 องศา ที่ความสูง 165 เมตรจากพื้นดิน บนกระเช้าลอยฟ้า Singapore Flyer ได้เห็นวิวของอ่าวมารีน่าและแม่น้ำสิงคโปร์ รวมถึงตึกระฟ้ามากมาย ทีนี่เราได้ถ่ายรูปกันใกล้ชิดเหมือนเป็นห้องส่วนตัว น้องจอยมีแปลงเพลงตัวเองมาร้องให้ฟังเวอร์ชั่นใหม่พร้อมท่าเต้นประกอบเพลง อันนี้อัดคลิปไม่ทันไม่นึกว่าน้องจะกล้าทำให้ดู ฮา และไม่แน่ใจว่าน้องจอยสงวนลิขสิทธิ์หรือป่าว จึงได้แต่เพียงถ่ายรูปมานิดหน่อยเท่านั้น แต่ที่ฮือฮาสุดเห็นจะเป็นกระเช้าข้างๆที่มีคู่หนุ่มสาวเหมากระเช้าขึ้นมาจิบไวน์กันสองต่อสอง เพราะมีฉากรักหวานๆให้ได้กรี๊ดกร๊าดกันจนกระเช้าข้างๆเริ่มไม่ม่ความเป็นส่วนตัว..ฮ่า และอย่างที่บอกว่าน้องจอยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในทริปนี้ที่ผู้เขียนจะคลาดสายตาไม่ได้ น้องไปทางไหนจึงต้องคอยเดินตามตลอด เว้นระยะห่างบ้างใกล้บ้างแล้วแต่โอกาสจะอำนวย แต่จากการติดตามมาเกือบสองวันเต็มส่วนใหญ่ภาพที่ได้จากน้องจะเป็นภาพแอบถ่ายซะส่วนใหญ่ จะมีหันมาให้กล้องบ้างเป้นบางครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะถ่ายเพียงครึ่งตัว จะมีแต่ภาพน้องหันซ้ายหันขวา ภาพหน้าตรงก็จะเป็นภาพรอยยิ้มหวานๆแบบท่เราเห็นกันมาตลอด ท่าทางในการยืนก็ไม่ค่อยต่างกันมากนัก จากที่ผู้เขียนเป็นคนเงียบๆไม่พูดอะไรถ่ายรูปอย่างเดียวถึงกับทนไม่ได้ต้องออกปากให้น้องช่วยยืนแบบนั้น ทำท่าทางแบบนี้ แต่ก้ไม่ได้มากมายนักเพราะน้องคงไม่นิยมโพสท่าในที่สาธารณะ และผู้เขียนเองก็ไม่ได้ช่ำชองในเรื่องนี้ ในที่สุดช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง อาหารค่ำมื้อนี้น้องจอยแยกออกไปทานกับเพื่อนๆนักล่าฝันคนอื่นๆเพื่อจะได้เตรียมร้องเพลงกับเพื่อนๆ ส่วนอาหารค่ำมีอะไรบ้างผู้เขียนไม่สามารถบรรยายได้เนื่องจากอาหารออกมาเพียงไม่กี่อย่างนักล่าฝันก็เริ่มร้องเพลงกันแล้ว ผู้เขียนจึงยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปและคลิปไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงนี้ก็มีเรื่องให้ได้ตุ๋มๆต่อมๆเนื่องจากแบตกล้องใกล้จะหมดคงเพราะถ่ายรูปถ่ายคลิปน้องจอยมาทั้งวัน อย่างไรก็ตามก็อยากเก็บภาพนักล่าฝันคนอื่นๆมาฝากทุกคนจึงถ่ายรูปนักล่าฝันทุกคนแล้วก็ลุ้นว่าเมื่อไหร่น้องจอยจะได้ร้องเพราะกลัวแบตหมดซะก่อน พยายามถ่ายแบบประหยัดมากซึ่งสรุปว่าน้องจอยร้องเป็นคนสุดท้าย แต่ยังโชคดีที่แบตพอสำหรับถ่ายรูปน้องจอยแม้จะรัวได้ไม่เต็มที่ ไม่เช่นนั้นคงผิดหวังกันเป็นแน่ หลังจากดื่มด่ำกับมินิคอนเสริตแล้วก็เดินทางกลับที่พักโดยระหว่างนั่งรถแม้น้องจะเหนื่อยมาทั้งวันก็ยังมานั่งเล่นและพูดคุยกับพวกเรา ผู้เขียนทราบดีว่าทุกคนคงอยากพูดคุยกับน้อง เวลาไปในสถานที่ต่างๆผู้เขียนจึงได้ขอให้น้องพูดไปด้วย ซึ่งลองพยายามแล้วน้องจอยบอกว่าหนูไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่าพี่ถ่ายไปเรื่อยๆละกัน เราจึงถือโอกาสใช้เป็นคำอนุญาตในการถ่ายรูปถ่ายคลิป ความเกรงใจที่จะถ่ายน้องตลอดเวลาจึงเริ่มหมดไป ฮา เห็นน้องคุยสนุกอย่างนี้ใช่ว่าน้องจะเป็นคนพูดเก่งนะคะเพราะลองให้พูดแนะนำหรือบรรยายอะไรน้องแอบพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเบาๆ..ฮ่า และน้องจอยก็ดูไม่ใช่คนที่ต้องเป็นพิธีการมากมาย ออกแนวพูดเรื่อยเปื่อย ขำๆ ฮาๆซะมากกว่า แต่ก้ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียวเพราะจากที่สังเกตเมื่อถึงเวลาน้องก็สามารถพูดเป็นการเป็นงานได้เหมือนกันซึ่งหลายๆครั้งก็ไม่ลืมตบท้ายขำๆให้เราได้ยิ้มกันตลอดเวลา และแล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวัน ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตลอดวันที่ผ่านมาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับน้องจอย เริ่มทำให้ผู้เขียนรู้สึกผ่อนคลายกว่าวันแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเห็นได้ว่าผู้เขียนเริ่มออกคำสั่งกับน้องซะแล้ว..ฮา และในวันสุดท้ายจะเป็นอย่างไรขอค้างไว้ก่อนนะคะ อิอิ และขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามด้วยค่ะ |