โลกระนาบ, อินเทล, และเฝอ2ชาม
การอัพบล็อกหนนี้เกิดจากสองส่วนครับ
ส่วนที่สำคัญน้อยกว่าคือ ความบังเอิญ
...
บังเอิญที่เมื่อบ่ายวันอาทิตยที่ผ่านมา
หลังจากบังเอิญเขมือบอาหารเวียดนาม จนแบคทีเรียในกระเพาะบังเอิญตายหมู่ .. เพราะขาดอากาศหายใจไปแล้่ว
ผมก็บังเอิญกลับมานอนอ่านหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจที่บ้าน
และบังเอิญที่หนึ่งในสองคอลัมน์ที่อ่าน บังเอิญมีเรื่องน่าสนใจของเวียดนามให้พูดถึง
แต่ส่วนที่สำคัญมากกว่าที่ทำให้เกิดการอัพบล็อก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ!!
เพราะมันก็คือ คุณผู้ชม ที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้นี่แหละฮะ
ไม่น่าเชื่อว่าบล็อกดองเค็มอันนี้ จะมียอดผู้เข้าชมเดินอยู่เรื่อยๆ
ผมละละอายใจ เอ๊ยยย .. ปลื้มใจจริงๆ ^^"
...
เรื่องที่อยากมาเล่าต่อนี้ มาจาก คอลัมน์โลกระนาบฯ :โดยคุณรอฮิม และ คอลัมน์เดินคนละฟาก :โดยคุณกมล ครับ
คลิ้กลิ้งก์ไปอ่านต้นฉบับเต็มๆได้จากเว็บของประชาชาติฯเลยครับนะฮะ)
ในคอลัมน์โลกระนาบฯ นอกจากจะพูด(กลายๆ)ถึงเรื่องวิชั่นของมะกัน และจีนแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือคำพูดของ เครก แบร์เร็ต ประธานของอินเทลครับ
"สหรัฐยังคงผลิตบุคลากรคุณภาพสูงออกมาได้ แต่ทุกวันนี้ อินเทลลงทุนด้านวิศวกรรมจำนวนมากใน 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย จีน อินเดีย ส่วนมาเลเซียและอิสราเอลลงทุนปริมาณน้อยกว่าสามประเทศแรก"
"อินเทลจะสามารถเจริญมั่งคั่งต่อไปได้ แม้ว่าเราจะไม่จ้างคนอเมริกันเพิ่มอีกเลย"
"เรายังคงว่าจ้างชาวอเมริกันจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ เราสามารถจ้างบุคลากรที่มีความสามารถเป็นเลิศได้จากทั่วโลก และประสบความสำเร็จทางธุรกิจได้ด้วยทรัพยากรบุคคลเหล่านี้"
นอกจากนี้ เทรซี่ คูน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมองค์กรกล่าวว่า
"โปรดจำไว้ว่า ชิปของอินเทลประกอบขึ้นจากสองสิ่ง คือ ทรายและมันสมอง .. และขณะนี้มันสมองคือส่วนที่เป็นปัญหา"
"ดิฉันไม่ได้พูดถึงโปรแกรมเมอร์ข้อมูล หรือพวกปริญญาตรีด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เรากำลังพูดกันถึงวิศวกรผู้มีความเชี่ยวชาญระดับสูง"
เคสนี้ไม่ใช่เรื่องของแรงงานราคาถูก
และจะเห็นได้ว่า คุณภาพของคนมะริกันเองก็เริ่มมีปัญหา
เด็กๆมะริกันเริ่มถูกท้าทายจากเด็กรัสเซีย,จีนและอินเดีย (ตามมาด้วย มาเลเซียและอิสราเอล)
ถึงแม้จะไม่มีชื่อของเวียดนาม ..
แต่ถ้าคุณๆย้อนมาดูพี่ไทยของเราแล้วมีคำถามขึ้นในใจ ..
คอลัมน์ข้างๆกันมีคำใบ้ให้ครับ
...
จากคอลัมน์เดินคนละฟาก โดยคุณกมล
เวียดนามระบุให้เรื่องการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นเรื่องเร่งด่วนสูงสุดของชาติ
คน 54 ชนเผ่าเค้าได้รับการศึกษา และการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน
ตัวอย่างรูปธรรม คือ แม้แต่เมืองเดียนเบียนฟูที่อยู่บนยอดดอยสูง ก็ยังมีโรงเรียนประชาบาลของชาวเขาเผ่าไทยดำ เป็นตึกใหญ่โตทันสมัย เหมือนกับโรงเรียนเอกชนในบ้านเรา
....
ในเรื่องการศึกษาเขาส่งเสริมอย่างครบวงจร เช่น ตำราเรียน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษามีราคาถูกมาก ผมเห็นหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กที่เป็นเรื่องราวของ นักปรัชญาระดับโลกเกือบทุกคน เช่น เปลโต, โสกราติส, คาร์ล มาร์กซ, ชาร์ล ดาวิน
ราคาเท่ากับราคาเฝอ (ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม) 2 ชาม
...
ในขณะที่บ้านเราพยายามผลักดันให้มหาลัยออกนอกระบบ (และกันคนจนออกจากโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสูงๆ)
ในขณะที่ราคาหนังสือโคตรแพง แต่ค่าแรงครูโคตรถูก
ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของประเทศเรา ถูกโฟกัสไปแค่เรื่องของรูปแบบการปกครอง (และได้มาซึ่งอำนาจของกลุ่มคน)
ประเทศเราจะเดินไปอยู่จุดตรงไหนในโลกระนาบนี้นะ ..
อ่านแล้ว ..ก็ตามนั้นอ่ะ ก็ค่าแรงถูก ใครมันจะอยากเป็นครู
ประเทศเราไม่ส่งเสริมเรื่องการศึกษาเลย ดูจากรายการทีวีดิ่ มีแต่รายการไร้สาระทั้งนั้นเลย ในขณะที่ ทีวีของเวียดนาม หรือจีน จะมีรายการสารคดี ให้เด็กๆได้ดูกันเยอะมากๆ แบบนี้ หนูต้องย้ายไปอยู่นู่นป่ะลุง