๏ เมื่อบางคนเปิดปูมและเปิดตัว
เมื่อบางคนเกิดกลัวความมัวหมอง
เมื่อบางคนแกร่งกล้าท้าประลอง
เมื่อบางคนจดจ้องไตร่ตรองตาม
ช่างล้นหลากมากมายให้รู้สึก
หลายคนนึกคล้อยคำตั้งคำถาม
เพราะอักษรซับซ้อนซ่อนนิยาม
จนบางคนตีความแล้วลามใจ
เมื่ออารมณ์สุขโศกกับโลกเน็ต
มิแยกเท็จกลับคิดเอาจิตใฝ่
อาจบังเกิดระคางคำบางใคร
แอบนำไปกระทบตนสับสนเอง
สะเทือนใจเพราะใจนำไปคิด
สำคัญผิดโอดระทมคนข่มเหง
จำหลบเร้นเส้นทางอย่างวังเวง
โธ่ ! คนเก่งพลาดท่าไม่น่าเลย
บางเวลามาเขียนร่ำเรียนกลอน
บางเวลาออดอ้อนอักษรเผย
บางเวลายวนเพื่อนสุขเหมือนเคย
บางเวลาอยากเฉลยก่อนเลยลับ ๚ะ๛๏ เขียนแล้วอ่านพาลละเมอพลั้งเผลอจิต
อ่านความผิดเห็นพ้องต้องผันผวน
อ่านข้อถูกทุกข์ระทมไม่สมควร
แล้วตีรวนแตกประเด็นไม่เห็นดี
เสียงอักษรซ่อนกลบนอักขระ
คงทัศนะคำพิจารณ์แห่งท่านกถี*
คำบรรยายหลายหลากจากเมธี
แฝงชั่วดีมีให้ได้พิจารณา
ชาวสยามยามสิ้นเชิงศิลป์ศาสตร์
ย่อมเคลื่อนคลาดปราศคำล้ำภาษา
เสื่อมอักษรท่อนถ้อยร้อยปัญญา
ย่อมไร้ค่าหมดความตามเท็จจริง
ผูกเนื้อความตามพยางค์วางอักษร
เป็นกานท์กลอนสอนใจในสรรพสิ่ง
ตามรู้เห็นเป็นไปในสัจจริง
ใช่ช่วงชิงเชิงชาญรุกรานใคร ๚ะ๛
๏ นั่งอ่านกลอนตอนดึกไม่นึกเครียด
อ่านละเลียดเลาะไล่ตามใจฉัน
ไม่เคยเบื่อเมื่ออ่านเนิ่นนานวัน
กลอนเหล่านั้นอ่านได้เขาให้ฟรี
ทั้งกลอนเหงาเศร้าโศกบนโลกรัก
กลอนอกหักใจสลายถูกหน่ายหนี
กลอนชายป้อล้อสาวเรื่องราวคดี
กลอนสุขีพรประเสริฐวันเกิดใคร
กลอนถนัดปรัชญาแสนสามารถ
กลอนพิลาศคำศัพท์ปราชญ์จับใส่
กลอนแต่งแต้มจินตนาการละลานวิไล
กลอนสอนใจรู้แจ้งกลอนแห่งธรรม
ช่างล้นหลากมากมายหากหมายแจง
ทุกหลักแหล่งส่งเข้าจวบเช้าค่ำ
ฉันแอบอ่านไม่ละอ่านประจำ
คิดวางคำลอกเลียนเพื่อเขียนกลอน
อยากรู้จักนักกลอนเพราะอ่อนหัด
เผื่อจับพลัดจับพลูได้ครูสอน
เคยแต่เขียนเพี้ยนหลักขาดวรรคตอน
เป็นละอ่อนแนวกวีปราศที่มา
หากวันใดได้เขียนดุจเรียนคล่อง
จะขอลองสักครั้งเพราะกังขา
หากมีคนทนอ่านยามผ่านตา
ซาบซึ้งค่าฉันไหมหรือไม่เลย ? ๚ะ๛