..๏ แนวรวงข้าวลู่เรียงเพียงลมผ่าน
แว่วกังวานผ่านต้นอันโอนอ่อน
เสียงหวีดหวิวพลิ้วเอนเห็นโยกคลอน
ยามลมย้อนหยอกเย้าต้นข้าวงาม
ดอกหญ้าปลิวลิ่วลอยคล้อยจากต้น
เหมือนหลุดพ้นพันธนาการอันเกรงขาม
ฟุ้งกระจายทั่วนาท่องฟ้าคราม
ระเริงตามความแรงแห่งสายลม
ใบเสียดสีมีเสียงเยี่ยงเพลงกล่อม
ดั่งถ้อยถนอมหัวใจให้สุขสม
ลำต้นลู่ลีลาน่าชื่นชม
ล่อล้อลมดุจระบำตามทำนอง
มวลนกน้อยขับขานผสานเสียง
ด้วยสำเนียงสูงต่ำยามกู่ก้อง
แล้วบินโฉบเฉี่ยวมาช่างน่ามอง
พร่ำเพรียกร้องพร้อมเพรียงบินเลี่ยงมา
ดวงตะวันลับหาย ณ ปลายทุ่ง
ต่างหมายมุ่งกลับรังยังเคหา
แล้วแยกย้ายจากฝูงมุ่งนิทรา
บ้างร่อนหาแมกไม้ใคร่พักพิง
ที่โดดเดี่ยวไร้คู่ดูหงอยเหงา
บ้างสั่นเทาอ้างว้างยืนจับกิ่ง
ที่มีคู่เคียงกันพลันแอบอิง
ซุกปีกนิ่งเอ่ยเอื้อนเหมือนเจรจา
เสียงจิ้งหรีดเรไรทักทายทั่ว
ยามคืนสลัวคงสนุกสุขดังว่า
จึงออกจากถิ่นที่ลี้กายา
แล้วต่างมากล่อมทุ่งจรุงใจ
สอดแทรกด้วยเสียงอึ่งซึ่งแหบพร่า
กบเขียดนาต่างประสานกันขวักไขว่
ดั่งดุริยางค์แสนเสนาะเพราะพริ้งใจ
มากล่อมให้สุขสมข่มกังวล
เห็นเดือนดาวพราวพร่างงดงามยิ่ง
จรัสจริงเจิดจ้าเวหาหน
แต่งแต้มให้นภาเพริศเลิศล้ำจน-
จิตสับสนเมียงหมายด้วยใฝ่ปอง
ดาวกระพริบระยิบระยับจับใจนัก
แจ้งประจักษ์เปล่งประกายไปทั้งผอง
อวดรัศมีแข่งจันทร์อันน่ามอง
แสนผุดผ่องพรรณรายในราตรี
มากมวลหมู่หิ่งห้อยพลอยเปล่งแสง
ต่างสำแดงเด่นพิลาสอวดราศี
คงหมายข่มดารานิศามณี*
ด้วยแสงมีในตนจนน่าชม
สายลมเย็นต้องกายคลายอ่อนล้า
อีกทุ่งนาดลใจให้สุขสม
แล้วเดินเลี่ยงกลับเรือนเหมือนอภิรมย์
ช่างสุขสมเยือนทุ่งนาคราเมื่อเย็น ๚ะ๛
เป็นภาพที่งดงามเลยนะนี่