..๏ ครั้นดาวเคลื่อนเดือนลอยคล้อยเวหา
ผองดาราโรจน์รุ่งพุ่งแสงสาย
แสนอัศจรรย์ราตรีที่เพริศพราย
ทั้งเรียงรายประชันแสงแห่งความงาม
ซึ่งแสงดาวพราวกระพริบระยิบระยับ
เหนือคณานับดาวพิไลทั้งไถ่ถาม
ว่ากลุ่มดาวสกาวนั้นอนันต์นาม
ครั้นมองตามยามคืนรื่นฤดี
เจ้าเรียงรายฉายแสงแข่งจันทร์ผ่อง
แต้มเวหานภาผองมองสวยสี
สุดขอบฟ้าหล้าตระการปานแก้วมณี
ทุกราตรียังคะนึงถึงดาวเดือน
ปานกลุ่มแก้วแวววิไลให้ปรารถนา
บ้างบางคราจรกระจายคล้ายคลาดเคลื่อน
พุ่งผาดแผงแจ้งกระจ่างต่างเยี่ยมเยือน
ผ่านดวงเดือนเสมือนเย้ากระเซ้าพลัน
คงไถ่ถามความคำอันล้ำเลิศ
คงบังเกิดไมตรีที่ห้วงมหรรรพ์
คงแช่มชื่นรื่นสราญแต่กาลบรรพ์
คงรังสรรค์กานกวีที่เบื้องบน
ล้วนหลากหลายฉายฉวีรัศมีแสง
ทั้งแต้มแต่งเบื้องนภาเวหาหน
จนพร่างพราวสกาวสรวงห้วงสากล
แสนโศภณจนพินิจจิตตรึงตรา
ดาวเคียงเดือนเสมือนใครเคยใกล้ชิด
สุขสัมฤทธิ์พลางพร่ำคำภาษา
เบื้องบทความล้ำกวีที่พรรณนา
มาชมฟ้าดารารายพรายศศิธร
เจ้าคล้อยเคลื่อนเยือนทิศวิจิตรนัก
แจ่มประจักษ์วิมานแดนแสนภัสสร
พุ่งหลบหลีกปลีกไปในอัมพร
บ้างจากจรเร้นหลบสู่ภพใด
ทุกคราวคืนยืนมองผองเวหา
หมายดาราเดือนงามเฝ้าถามไถ่
ว่าแสนสุดปรารถนาดีมีห่วงใย
เกินกว่าใครดุจดาวพราวเคียงเดือน ๚ะ๛