ผลกระทบของนโยบายการชดเชยการขาดดุล
หลังจากที่ทราบผลกระทบของนโยบายด้านรายได้และรายจ่ายไปแล้ว ต่อไปจะมาดูกันว่า หากรายได้และรายจ่ายไม่สมดุลกัน อะไรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากรายจ่ายมากกว่ารายได้ ภาครัฐจะเอาเงินมาจากไหน
การชดเชยการขาดดุลด้วยเงินกู้ในประเทศ การกู้ยืมเงินในประเทศเป็นทางเลือกหลักในกรณีที่งบประมาณขาดดุล เนื่องจากภาครัฐและเอกชนใช้เงินทุนในตลาดทุนร่วมกัน การที่อุปสงค์ของเงินทุนเพิ่มขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐ ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาเงินทุนในตลาดเงิน (อัตราดอกเบี้ย) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้การกู้ยืมใดๆก็ตาม ต้องคำนึงถึงการชำระคืนหนี้ดังกล่าวด้วย เพราะเป็นการยืมเงินจากรายได้ในอนาคตมาใช้ การกู้ยืมเงินในประเทศจึงจำเป็นต้องดูสภาพคล่องของตลาดเงินในปัจจุบันด้วย เพราะการที่สภาพคล่องลดลง หมายถึงต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้นของทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ต้องพิจารณาเพิ่มเติมในกรณีที่โครงการลงทุนของภาครัฐเป็นโครงการที่มี Crowding-in Effect สูง ทำให้เกิดอุปสงค์ต่อเงินทุนในการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย
การชดเชยการขาดดุลด้วยเงินกู้ต่างประเทศ การกู้ยืมเงินตราต่างประเทศ เป็นทางเลือกหลักในโครงการลงทุนภาครัฐ ผลกระทบแรกสุดของการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศคือช่วยให้ดุลบัญชีทุนเพิ่มขึ้น (Capital Account) ส่งผลให้ดุลการชำระเงินดีขึ้นด้วย (Balance of Payment) อย่างไรก็ตามการกู้ยืมเงินใดๆก็ส่งผลกระทบต่อการะการชำระคืนหนี้ในอนาคตเช่นเดียวกับเงินกู้ยืมในประเทศ ข้อแตกต่างที่สำคัญคือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ประมาณการต้นทุนของเงินทุนที่ต้องชำระคืนในอนาคตได้ยาก โดยเฉพาะเงินกู้ต่างประเทศระยะยาว และเงินกู้ในสกุลเงินที่มีความผันผวนในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสูง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในโครงการภาครัฐหลายโครงการ จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก ภาครัฐอาจใช้วิธีจับคู่ (Matching) โดยกำหนดเงินกู้สกุลเงินต่างประเทศ เป็นสกุลเงินเดียวกับประเทศที่จะนำเข้าสินค้าทุนเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้เหลือเพียงด้านชำระคืนหนี้เพียงด้านเดียว หรือกรณีที่รายได้จากการลงทุน เป็นเงินสกุลต่างประเทศ ภาครัฐอาจกำหนดให้เงินกู้สกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินสกุลดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงด้านการชำระคืนหนี้ได้
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2549 20:06:49 น. |
Counter : 2293 Pageviews. |
|
|
|