สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย (สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก มิควรยึดมั่นถือมั่น)

<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
22 กุมภาพันธ์ 2550
 

กินเพื่อสุขภาพ

...

หวัดดีครับ


เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ฟอร์เวิร์ดเมลเกี่ยวกับสุขภาพมาหนึ่งฉบับ
อ่านแล้วเห็น (เอาเอง) ว่ามีหลักการและเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราๆท่านๆเป็นอย่างมาก
จึงขอเอามาแปะให้ได้อ่านกัน ณ ที่นี้นะครับ



ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน

คำตอบคือ “กินสายกลาง”
กินสายกลาง คือ กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง งดมื้อเย็น
เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันหรือกินมื้อเช้าก่อน รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยง น้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็น ก่อนนอนก็ยังไม่หมด

พิสูจน์ได้ดังนี้
สมมติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม
ในไข่แดงมีคอเลสตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่

จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานที่ตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก.ก. ความเร็วที่ปั่นจักรยาน 60 รอบ/นาที ขี่อยู่นาน 60 นาที จนเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่...ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด

ฉะนั้น ถ้ากินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดยตับเป็นผู้ทำงานนี้

ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆก็มาก ทำให้อ้วน และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆจะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด

ค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่ขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น

ถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก
ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต
ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง
ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร

ฉะนั้น การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่อันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

การไม่กินอาหารมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน มีวิธีฝึก 4 วิธี

1) ค่อยๆลดปริมาณอาหารมื้อเย็น ทีละน้อยๆ เช่น ลดจากกินข้าว 2 จาน เหลือ 1.5 จาน สัก 3 - 4 เดือน โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็นแล้วห้ามกินอาหารใดๆทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไป 0.5 จาน ต่อไปไม่กินกับข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ และสุดท้ายงดอาหารมื้อเย็น

2) ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่น จาก 2 ทุ่ม มากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น 3 โมงเย็น ฯลฯ

3) กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่า คนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตาม

4) กินมังสวิรัติมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ (ถ้าสะอาดพอ) ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้ ร่างกายมีเวลาถึง 18 ชั่วโมง (เที่ยงวันจนถึงหกโมงเช้าของวันถัดไป) ที่จะกำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน

ฉะนั้น การไม่กินอาหารเย็น จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและมื้อเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน

ท่านพอทราบแล้วใช่ไหมว่า ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติให้ภิกษุฉันอาหารเพียง 2 มื้อต่อวัน คือ มื้อเช้า และมื้อเพล




ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองนิดนึง
พอดีที่ทำงานมีห้องออกกำลังกายน่ะครับ ก็เลยไปใช้บริการสักหน่อย

ล่าสุดเมื่อวานตอนเที่ยง
ก็ไปใช้เครื่องปั่นจักรยาน โดยตั้งระดับความหนืดที่ 10 (จากทั้งหมด 12 ระดับ) และตั้งเวลาไว้ 30 นาที

เวลาผ่านไปเรื่อยๆพร้อมกับความเหนื่อยหนาสาหัสปางตาย (พอดีพิษไข้ยังไม่จาง )
แต่ก็กัดฟันปั่นมันไปจนสุดแรงกระทั่งล่วงไป 30 นาที

หน้าจอแสดงผลรายงานว่า
ผมใช้พลังงานไป (กับการปั่นจักรยาน) 211 แคลอรี่

นั่งนึกว่าอาหารสักจานจะให้พลังงานกี่แคลอรี่
ก็ให้เผอิญจำได้จากที่เคยอ่านว่า ผัดซีอิ๊ว 1 จาน จะให้พลังงานประมาณ 800 - 900 แคลอรี่ (ประมาณนี้ล่ะครับ ถ้าความจำไม่เลอะเลือนจนเกินไป )

ซึ่งก็หมายความว่า หากผมโซ้ยผัดซีอิ๊วเข้าไปสักจานแล้วอยากจะเผาผลาญพลังงานจากผัดซีอิ๊วให้หมดล่ะก็
ผมจะต้องนั่งปั่นจักรยานนั่นเป็นเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ที่ความหนืดระดับ 10 (แค่คิดก็ป่วยแล้ว )

หมู่นี้ผมค่อนบ้าพลังกินแหลกซะด้วยจิ
ต้องลดๆหน่อยแล้วเรา




--ขอบคุณที่แวะมาครับผม --





Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2550 9:26:17 น. 22 comments
Counter : 315 Pageviews.  
 
 
 
 
เป็นบทความที่ทำให้ผมได้คิดมากๆเลยครับ เพราะผมทานมื้อเย็นหนักไปหน่อย น้ำหนักขึ้นเร็ว บางครั้งก็ไม่ค่อยสบายครับ ช่วงนี้ก็ไม่ได้ออกกำลังกายด้วย แถมยังเครียดอีกครับ เฮ้อ!!!! ต่อไปจะปรับปรุงเรื่องการกินครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ
 
 

โดย: เจ้าลาน้อย (boonsiriPOWER ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:53:18 น.  

 
 
 
ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน
^
^
สำหรับจขบ. มันไม่ทันแล้วม้าง

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:31:28 น.  

 
 
 
กะลังพยายามลดมื้อเย็นอยุ่ล่ะค่ะ แต่มื้อดึกนี่สิ
 
 

โดย: มดมารน้อย วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:46:48 น.  

 
 
 
ตอนนี้ก็กินสายกลางอยู่ค่ะ
เว้นแต่ไม่ได้กลางวันก็จะกินมื้อเย็น
ไม่อยากแก่ และก็ไม่อยากอายุยืนด้วยค่ะ
 
 

โดย: whitelady วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:40:07 น.  

 
 
 
ฆ่ากันให้ตายดีกว่าที่จะให้งดมื้อเย็นอ่ะ

แบบว่ามื้อเย็นเนี่ย มันเป็นมื้อหลักของเราเลย แล้วก็จะกินเยอะที่สุดในบรรดา 3 มื้อด้วย เพราะบางวันลืมกินมื้อเช้าซะงั้นด้วยล่ะ
 
 

โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:33:01 น.  

 
 
 
อุ๊ย!! เพิ่งสังเกต "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์"

เอาไปแปะไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ท่าทางจะอินจัดนะ
 
 

โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:34:04 น.  

 
 
 
สงสัยจะไม่ทัน อย่างที่ ฮันจังว่า อะ

ยังไม่ได้อมยิ้มคืนเลยครับ กำลังตามล่า อยู่
 
 

โดย: poser IP: 58.9.19.71 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:47:23 น.  

 
 
 
จะจำไว้ใช้ตอนบวชครับ
หุ.หุ... ถ้าไม่มีผัดซีอิ๊วขายหน้าวัดตอนดึกๆ
 
 

โดย: Noname - โนนามิ IP: 124.120.0.46 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:12:40 น.  

 
 
 
หวัดดีค่ะคุณมิดฟิว...
แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อกค่ะ...
งานยังยุ่งอยู่เลยค่ะ พรุ่งนี้เราก็ทำงานค่ะ ....
เรื่องการกินเพื่อสุขภาพ...เดี่ยวกลับมาอ่านนะคะ...
แวะมาทักทายก่อนค่ะ...
มีความสุขมากๆในวันหยุดพักผ่อนนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...
 
 

โดย: แดดร่มลมโชย...อู้...^-^ IP: 203.144.130.176 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:24:11 น.  

 
 
 
อ่านแล้วคงต้องลดๆมื้อเย็นลงบ้างแล้ว
 
 

โดย: prncess วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:07:57 น.  

 
 
 
เช็คหลังไมค์ด่วน!!!!!!!!!!

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:57:38 น.  

 
 
 
...

--boonsiriPOWER / ยินดีครับ ขอให้สมหวังครับผม

-- hunjang / ผมว่าผมเด็กกว่าตั๋วเจ้หลายช่วงตัวนา

-- มดมารน้อย / งั้นกินมื้อเย็นงดมื้อดึกละกันครับ

-- whitelady / ยินดีด้วยครับจะได้สุขภาพดี ส่วนอายุจะยืนหรือเปล่านี่ช่างมันเถอะ

-- ตุ๊กตาไขลาน / ตื่นสายอ่ะจิครับ...แล้วมาอ้างว่าลืมกินมื้อเช้า
ว่าแต่...ช่างสังเกตจังน๊า

--poser / หาให้เจอล่ะครับ

--Noname - โนนามิ / พี่จะบวชรึครับเนี่ย?

--แดดร่มลมโชย / ขอให้ทำงานให้สนุกนะครับ

-- prncess / ค่อยๆฝึกไปให้เคยละกันครับ



--ขอบคุณที่แวะมาครับผม --

 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:57:52 น.  

 
 
 

ลดมื้อเย็นอยู่ แต่บางวันก็กินไม่งั้นไม่ไหวจริงๆ

 
 

โดย: keyzer วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:37:40 น.  

 
 
 
พระพุทธเจ้าท่านทรงรู้แจ้ง จริง ๆ นะคะเนี่ย

อธิบายได้เป็นเหตุเป็นผลค่ะ

ต้องกินผักแทนไปก่อนเนอะเริ่มต้นอ่ะ

ปล.คุณนัทคุง มารับทายาทที่บล็อกด้วยนะคะ
 
 

โดย: varissaporn327 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:45:23 น.  

 
 
 
เรื่องออกกำลังกับทานมังสวิรัตพอไหวค่ะ
แต่จะให้งดมื้อดึกนี่ เอิ่มมม..ทำใจไม่ได้
 
 

โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:14:01 น.  

 
 
 
เอาที่เห็นชัดเลยนะ

ตอนอยู่โรงพยาบาลห้าวันที่ผ่านมา

กินเป็นเวลา อาหารโอเค (สะอาด ครบหมู่ แต่..รสไม่จัดตามปกติที่กิน ซึ่ง..ก็คงจะดีนั่นแหละ) หน้าตาผ่องใสอย่างเห็นได้ชัด

พอกลับมากินชุ่ย หน้าเริ่มหมองๆ อีกแล้ว เหอๆ



อ่า..ร้านนี้ไม่ทำหอยเป็นๆ จ้ะ

มีหลักฐานมายืนยันเป็นกองทัพหอยในตะกร้าก่อนถูกปรุงมาแปะไว้ให้ดูแล้วไง
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:17:31 น.  

 
 
 
คิดมากกินไม่อร่อยนะคะ

ขออยู่อย่างมีความสุข ชีวิตสั้นหน่อยก็ช่างมัน
 
 

โดย: เป๋อน้อย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:41:57 น.  

 
 
 
ถ้าเราบอกว่า เราไม่มีเวลากินข้าวเช้า จะเชื่อไหมนี่??


แต่เราพูดจริงๆนะ เพราะช่วงเช้าเป็นเวลาที่วุ่นวายที่สุดของเราเลยล่ะ
 
 

โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:13:37 น.  

 
 
 
ไม่สบายสิ หายไปห้าวันไง

บล็อกนี้ก็จั่วขึ้นไว้เลยน่ะ ไม่ได้อ่านรึ


ขอบคุณที่เป็นห่วงจ้า
ไม่น่าตายง่ายๆ หรอก คนอย่างเจ๊ โฮะๆๆๆ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:51:24 น.  

 
 
 
u'll never walk alone
 
 

โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:38:27 น.  

 
 
 
คนจิ้มนิ้วบอกว่าเลือดค่อนข้างใส
ให้ไปหา "ตับ" มากินเยอะๆ หน่อย

-- สงสัยต้องมาบล็อกนี้บ่อยๆ ซะแระ

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:17:11 น.  

 
 
 
แต๊งกิ้ว

จะพยายามดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

จะอยู่เป็นขวัญใจน้องๆ ต่อไป (นึกภาพโบกมือ ทำตาซึ้งเหมือนนางงามด้วยนะ )
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:16:09 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

The Legendary Midfielder
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...
" เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ
" หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "


...
" ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "


...
" ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต
กลับใจจะพบฟากฝั่ง "


...
"หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
"ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"



...
"...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
"ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน
"ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว
"เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน
"ผลเช่นนี้จึงตามมา..."

[Add The Legendary Midfielder's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com