สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย (สิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก มิควรยึดมั่นถือมั่น)

<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 กันยายน 2550
 

คิดอะไรก่อนตาย?

...


สวัสดีครับ



เคยคิดกันเล่นๆมั้ยครับว่า...หาก เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ แต่ละคนกำลังจะขาดใจตายไปในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า (ตั้งตัวเลขขึ้นมาเล่นๆให้เห็นเป็นสัก 3 วินาที ก็ได้) จะคิดถึงอะไรกันครับ?

อะไรก็ได้ อาทิ
คน - คนที่เรารักมาก คนที่เราชอบ คนที่เราเฉยๆ คนที่เราเกลียด คนที่เราเกลียดสุดๆ (อยากจะฆ่ามัน ) ฯลฯ
สัตว์ - สัตว์เลี้ยงของเราเอง สัตว์ที่เคยมากัดเรา สัตว์ที่เราชอบ สัตว์ที่เราเกลียด ฯลฯ
สิ่งของ - บ้านที่เราอยู่ โรงเรียนที่เราเคยเรียน ร้านอาหารที่เคยไปนั่งกับเพื่อน ที่ทำงานที่เราเคยทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ห้องน้ำที่เคยแอบได้ยินคนอื่นนินทา ฯลฯ

หรือจะเป็นอื่นๆที่ประกอบด้วยตัวอย่างทั้งสามข้างต้น เช่น ประสบการณ์อันเลวร้ายในชีวิต เรื่องตอนถูกสารภาพรัก เรื่องกลุ้มใจที่หางานทำไม่ได้ เรื่องดีใจที่มีเพื่อนจำวันเกิดของเราได้ ฯลฯ



...

ตอนยังเป็นเด็กเล็ก (เดี๋ยวนี้เป็นเด็กโต )
นัท-คุง ได้อ่านการ์ตูนที่ซื้อเลหลังมาเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง "คินนิคุแมน"
เป็น คินนิคุแมน ช่วงแรกๆที่เป็นการ์ตูนตลกติงต๊อง ก่อนจะกลายเป็นการ์ตูนบู๊ภายหลัง

จำได้ตอนที่อ่านเป็นตอนที่ คินนิคุแมน พระเอกของเรื่องกำลังประสบเคราะห์อะไรสักอย่าง แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย
คินนิคุแมน นึกย้อนไปถึงเรื่องราวในวัยเด็กของตัวเอง แล้วก็มีตัวหนังสือบรรยายภาพในกรอบนั้นว่า...เวลาที่คนเราจะตาย มักจะนึกย้อนไปถึงช่วงที่เรายังเป็นเด็ก

(เขียน -- หรือให้ถูกต้องใช้คำว่า "พิมพ์" -- มาถึงตอนนี้ ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องราวหลายอย่างในชีวิตเหลือเกินที่ นัท-คุง ได้รู้มาจากหนังสือการ์ตูน )




...

เคยอ่านเจอเรื่องเมื่อครั้งพุทธกาล ( ขอเล่าแบบเน้นแต่เนื้อหาหลัก และเรียบเรียงแต่งเติมให้เหมาะกับการเล่าของ นัท-คุง นะครับ ไม่คงเรื่องรายละเอียด หากใครอ่านพบว่ามันบิดเบือนอย่างไร ขออภัย และรบกวนชี้แนะด้วยครับ ) เรื่องหนึ่งในกระทู้พันทิปห้องศาสนา

มีภิกษุรูปหนึ่งมรณภาพ ภิกษุอีกรูปเดินผ่านมาถึงกุฏิของภิกษุที่มรณภาพ
เห็นผ้าจีวรแขวนอยู่ จึงคิดจะนำมาใช้ประโยชน์เนื่องด้วยเจ้าของท่านก็สิ้นไปแล้ว
เผอิญขณะนั้น พระพุทธองค์ทรงผ่านมาพบเข้าจึงเตือนให้ภิกษุนี้หยุดความตั้งใจของตนก่อน

พระพุทธองค์: เธอเห็น ตัวเล็น ที่เกาะชายจีวรนั้นหรือไม่?

ภิกษุ: เห็นพระพุทธเจ้าข้า

พระพุทธองค์: เมื่อวานนี้ โยมพี่สาวของภิกษุเจ้าของจีวรนี้นำผ้าจีวรผืนใหม่มาถวาย ท่านนึกยินดีในใจและก็ปรารถนาว่าจะห่มจีวรของพี่สาวในวันรุ่งขึ้นให้จงได้ แต่ในกลางดึกคืนดังกล่าวนั้นเอง ท่านเกิดอาพาธและสิ้นไป

ในขณะที่ชีวิตดับสูญไปนั้น จิตของท่านยังคงผูกพันอยู่กับความปรารถนาดังกล่าว เมื่อมรณภาพไปจึงมาเกิดเป็น ตัวเล็น เกาะจีวรดังกล่าว ต้องรออีก 7 วันนั่นแล ตัวเล็น นี้จึงจะสิ้นอายุขัย และไปเสวยผลของกรรมดีที่ท่านปฏิบัติต่อไป



...

มีอยู่คืนหนึ่ง

นัท-คุง ฝันว่าตัวเองกำลังเดินกลับเข้าบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นมาดานหลัง
แล้วคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ควักปืนออกมาจากเสื้อแจ๊กเก็ต ยิงเข้าใส่ นัท-คุง ประมาณ 2 - 3 นัด ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป

ในความฝันรับรู้ได้ว่า อั้ยมือปืนคนนี้มันยิงผิดตัว มันต้องไม่ใช่ นัท-คุง ดิ ก็ นัท-คุง ไม่เคยไปมีเรื่องบาดหมางอะไรขนาดอยู่ร่วมโลกกับใครไม่ได้นี่หว่า!

ความรู้สึกนี้โผล่ขึ้นมาแว่บนึงแล้วก็หายไป เพราะไม่ว่าจะยิงผิดหรือไม่ผิด...มันก็ยิงไปแล้วอ่ะนะ

ความรู้สึกที่เข้ามาแทนที่คือ "ความเจ็บปวด"
นัท-คุง เจ็บแผลที่ถูกยิงมากๆ บอกกับตัวเองในฝันว่า...ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็คือครั้งนี้นี่เอง

หลังจากรู้สึกเจ็บปวดเสร็จ ความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวสมองของ นัท-คุง
ด้วยเคยได้ยินได้ฟังมาว่า หากก่อนตายเราคิดถึงพระพุทธเจ้า คิดถึงวัด คิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตายไปจะได้ไปเกิดในที่ดีๆ ไปสู่สุคติ

นัท-คุง ที่นอนกองอยู่กับพื้นถนนหน้าบ้านก็เลยพยายามตั้งสติ (ทั้งๆที่เจ็บเจียนตายนั่นแหละ)
จินตนาการภาพของพระพุทธองค์ที่เคยเห็นตามผนังโบสถ์ และตามรูปภาพต่างๆขึ้นมาในหัวสมองและในสำนึก

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

แล้ว นัท-คุง ก็ตื่นครับ
เลยไม่รู้ว่าตกลงคนอย่าง นัท-คุง นี่หลังจากตายแล้วและนึกถึงพระพุทธองค์ก่อนสิ้นลมจะตายแล้วไปไหน



...

มาหลังๆได้อ่านเรื่อง ธรรมะ มากขึ้น ทำให้ได้รู้ถึงสิ่งเกี่ยวเนื่องเพิ่มมาอีก

"...พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า ผู้ละโลกนี้ไปในขณะที่จิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้
กิเลสทั้งปวงเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต จิตที่มีกิเลสเป็นจิตที่เศร้าหมอง กิเลสมากจิตก็เศร้าหมองมาก กิเลสน้อยจิตก็เศร้าหมองน้อย

...จิตที่มีกิเลสเศร้าหมองเมื่อละจากร่างไปสู่ภพภูมิใดก็จะคงกิเลสนั้นอยู่ คงความเศร้าหมองนั้นไว้
ภพภูมิที่ไปจึงเป็นทุคติ คติที่ชั่ว คติที่ไม่ดี มากน้อยเบาตามกิเลสความเศร้าหมองของจิต..."

(ที่มา: หัดตายก่อนตายจริง โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก)


...


คงเพราะอย่างนี้ล่ะครับ ที่พระท่านจึงว่าอย่าปล่อยใจให้หลงไปกับอารมณ์

อย่าโกรธหรืออารมณ์เสีย -- ใจจะร้อนเป็นไฟในระดับเดียวกับ "นรก" ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่พ้นไปจากนรกสำหรับภพภูมิใหม่

อย่าโลภด้วยตัณหา -- ความอยากได้สิ่งใดๆแบบผิดๆและไม่ถูกไม่ควร จะนำใจเราไปสู่ระดับเดียวกับ "เปรต"

อย่าหลงมัวเมาความชั่วด้วยอวิชชา -- ความหลงโง่งมเห็นผิดเป็นชอบ จะนำใจเราต่ำไม่ผิดอะไรกับ "เดรัจฉาน" ที่ทำทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม


...


เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เคยได้ยินกันใช่มั้ยครับ? กับประโยคที่ว่า

"จงทำวันนี้ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตตัวเอง"

แรกๆที่ นัท-คุง ได้ยินรู้สึกเห็นแย้งอย่างมาก
คิดในใจว่า...บ้าอ่ะดิ! ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต ข้าพเจ้าคงถ่อไปทำงานแต่เช้าหรอกนะ คงนั่งทำงานส่งหัวหน้าหรอกนะ คงจะไปยืนต่อคิวเอาบัตร Smart Pass แตะผ่านช่องทางเดินขึ้นไปโดยสารรถ BTS หรอกนะ และอื่นๆ...


แต่พอมาคิดดูอีกที
มันคือการที่ให้เรามีชีวิตอยู่อย่างไม่มีอะไรติดค้างในใจต่างหาก
ถ้าวันนี้คือวันทำงาน เราก็มาทำงานตามปกติเพราะมันเป็นหน้าที่ ทำงานไปให้เต็มความสามารถ ทำได้เท่านี้ก็พอเท่านี้

มีใครที่เป็นที่รักและห่วงใย ก็ปฏิบัติต่อเขาหรือเธอไปอย่างผู้ที่รักและห่วงใยปฏิบัติต่อกันเท่าที่ทำได้อย่างสุดความสามารถ ทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น


แล้วพอหมดวัน หากเราต้องตายจริงๆ มันก็จะไม่มีอะไรติดค้างในใจแล้ว
เราไม่ร้อนใจที่ไปบึ้งตึงใส่คนที่เรารู้สึกดีด้วย เพราะเราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราปฏิบัติต่อเขาหรือเธออย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ณ ขณะนั้นๆไปแล้ว

เราไม่ร้อนใจที่เราทำงานไม่เสร็จ เพราะเราทำไปเต็มความสามารถเท่าที่เวลามีให้แล้ว ไม่เสร็จก็คือไม่เสร็จ ถ้าได้มาทำงานใหม่ก็ทำ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ติดค้างอะไรในใจ

เราไม่ร้อนใจที่เรายังไม่ได้ทำอะไรในชีวิตอีกหลายอย่าง เพราะเราทำมันไปเต็มที่เท่าที่จะทำได้ และเท่าที่เวลามันเอื้ออำนวยให้เราทำแล้ว

นัท-คุง คิด (เอาเอง) ว่า แค่เราคิดที่จะทำเรื่องพวกนี้...ทั้งต่องาน ต่อพ่อแม่ ต่อคนที่เรารัก และต่อตัวเอง...เท่านี้เราก็ไม่น่าจะเหลือเวลา ไปโกรธ ไปโลภ ไปหลง อะไรได้อีกมากนักแล้วนะครับ


แล้วความคิดคำนึงสุดท้ายก่อนตายของเรา...มันคงไม่ดึงเราไปสู่ "ทุคติภูมิ" ได้ง่ายดายนักหรอก...เนอะ?


...

เคยอ่านเจอว่า

มนุษย์เราเนี่ย ขอแค่ให้ชั่วขณะสุดท้ายของชีวิตรู้ตัวเองว่า "กำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก" อยู่ เท่านี้ล่ะถือว่าสมบูรณ์แล้วล่ะ

ฟังดูง่ายดีเนอะ?



ธรรมรักษาทุกคนครับ








-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --






 

Create Date : 27 กันยายน 2550
27 comments
Last Update : 27 กันยายน 2550 17:32:44 น.
Counter : 791 Pageviews.

 
 
 
 
 
 

โดย: kampanon วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:18:50:59 น.  

 
 
 
สาธุ... สาธุ...



ก่อนตายคงไม่คิดอะไรมั้ง ถ้าปุบปับตาย
แต่ถ้ารู้ตัวว่าจะตายแบบมีระเบิดเวลาในตัว (เช่นโรคภัย)
เราคงไปจัดการธุระปะปังอะไรให้หมดก่อนตายน่ะ
เป็นหนี้ก็ใช้คืน
ยืมหนังสือมาก็ติดต่อกลับเจ้าของที่แท้จริงเสีย
ฯลฯ
ไม่ให้เหลือเป็นภาระคนที่ยังอยู่ข้างหลัง
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:18:59:47 น.  

 
 
 
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

แวะมาคะ
 
 

โดย: **หิมะใต้พระจันทร์** วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:19:32:50 น.  

 
 
 
ก็คงคิดถึงอะไรดีๆ ตายไปจะได้ไปเกิดที่ดีๆ
แต่ไม่รู้ถึงช่วงนั้นจริงๆ จะมีเวลาและอารมณ์คิดรึป่าวอ่ะดี๊

-- Link โรงหนังยังเข้าได้นะ แต่มันเดี้ยงเป็นระยะๆ
ซึ่งอันนี้แล้วแต่เวรกรรม 555... แต่ก็อย่าไปเชื่อมันมาก
เพราะเราไปหน้าแตกหน้าโรงหลายทีแระ

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:10:26:29 น.  

 
 
 
+ ถ้าคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะตายแน่ๆ คนโบราณเค้าถึงให้บอกไงครับว่า ให้นึกถึงคุณพระคุณเจ้า และสวดมนต์ภาวนา ทำจิตให้เป็นกุศลเข้าไว้ เพราะขณะที่กายเนื้อแตกดับ กายทิพย์ที่เพิ่งหลุดออกจากร่าง อย่างน้อยก็จะมีกระแสเหนี่ยวนำที่ดีขณะที่จิตดับลง ... ส่วนที่ว่าภพภูมิต่อไปของดวงวิญญาณนั้นจะเป็นภพไหน นอกจากมาจากตรงนี้ส่วนนึง แต่ส่วนหลักๆ ก็คงต้องรอตัดสินจากกรรมดีและกรรมชั่วที่ดวงวิญญาณนั้นได้กระทำไว้ ขณะยังมีชีวิตอยู่แหละครับ

+ ผมเองก็พยายามเหมือนกันนะครับ ที่จะ "สนุกกับทุกสิ่งเหมือนเราได้พบเจอมันเป็นครั้งแรก ... แต่ทำทุกๆ วันให้เหมือนกับเป็นวันสุดท้ายของชีวิต" เพราะถ้าตาย (โดยไม่รู้ตัว) จริงๆ อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีห่วงมากนัก จิตจะได้ปล่อยวาง และไปสู่ภพภูมิใหม่ได้ง่ายขึ้น

+ ตอนเด็กๆ ผมเคยเป็นครับ นอนๆ อยู่แล้วเกิดนึกถึงความตายขึ้นมา ... แล้วนอนต่อไม่หลับเลยครับ ... พอโตขึ้น ได้ศึกษาธรรมะเพิ่มขึ้นบ้าง ถึงเข้าใจใน มรณานุสติ ดีขึ้นอ่ะครับ

+ อุๆ เพิ่งเห็นว่าคุณนัท-คุง แอ๊ดผมไว้ใน friend's list ด้วย ... งั้นขอญาตแอ๊ดคืนบ้างนะครับ ว่าจะแอ๊ดหลายทีแล้วเหมือนกัน เพราะตามอ่านกันมาก็หลายบล็อกแล้ว และความเห็น, การมองโลกหลายๆ มุม ก็น่าจะเป็นไปในทางคล้ายๆ กันอ่ะครับผม
... ว่าแล้วก็คิดถึงเจ๊เต้ย สาวไกด์ฯ นะครับเนี่ย หายไปรอบนี้น้านนาน ไม่ยอมมาอัพบล็อกซักทีอ่า
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:13:06:27 น.  

 
 
 
เคยนึกถึงเหมือนกันอะ เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
สงสัยจะยังตัดกิเลสไม่ได้ เพราะคนที่คิดว่าจะนึกถึงก็มีแต่คนที่เรารักทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม
ถ้าต้องปุบปับตายก็คงได้แค่คิดถึง ถ้ามีเวลาหน่อยก็คงได้ร่ำลากัน
เค้าว่าให้สวดมนต์จนกว่าจะตาย ชาติหน้าจะได้ไปเกิดที่ดีๆ ถึงเวลานั้นจะจำบทสวดได้บ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
แต่ถ้ารู้ตัวล่วงหน้านะ นอกจากลาคนอื่นๆแล้ว ... ชอกโกแลต ไอติม เค้ก ขนมทุกอย่าง ช้านจะกินไม่อั้นเล้ย
 
 

โดย: juriojung วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:14:55:46 น.  

 
 
 
...

-- kampanon /

-- แพนด้ามหาภัย / ถ้ามันปุบปับจริงๆ เราคงต้องมาระวังความนึกคิดปกติของเราแทนครับ

-- **หิมะใต้พระจันทร์** / ยินดีครับ

-- hunjang / อื้ม...เข้าได้แล้วครับ

-- บลูยอชท์ / พี่เค้าคงงานยุ่งจัดๆเลย

-- juriojung / ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกแล้ว






-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม ..


 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:17:10:37 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะคุณนัทคุง ไม่ได้แวะมาซะนานเลย
กลับมาจากวิปัสนาแล้วเหรอคะ เอาบุญมาฝากไม๊เอ่ย
(เอ๊ะ ทวงบุญกันแบบนี้ จะบาปไม๊เนี่ย)


ก่อนจะตายกระต่ายคงจะคิดถึงพ่อแม่ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ
กลัวว่า ถ้าเราเป็นอะไรไปท่านจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง จะเสียใจไม๊
ใครจะดูแล
เพราะฉะนั้นทุกๆวันต้องทำอะไรอย่างมีสติเนาะ
จะได้ไม่เกิดเหตุพลาดพลั้ง ถ้ามันจะพอช่วยได้นะคะ
 
 

โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:19:55:27 น.  

 
 
 
จะบอกว่าอ่านคำถามตั้งแต่บรรทัดแรกๆ ก็คิดเลยว่า ตัวเองจะพยายามนึกถึงธรรมะและพระพุทธเจ้าเหมือนกัน

สาเหตุก็เหมือนนัทคุงแหละ คือ เคยได้ยินเรื่องอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าถึงเวลาจริงๆ ณ เวลานั้น เราจะนึกถึงสิ่งดีๆ อย่างนั้นได้หรือเปล่าน่ะนะ



เห็นด้วยกับประโยคนี้ง่ะ

อย่าหลงมัวเมาความชั่วด้วยอวิชชา -- ความหลงโง่งมเห็นผิดเป็นชอบ จะนำใจเราต่ำไม่ผิดอะไรกับ "เดรัจฉาน" ที่ทำทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

พี่ว่า..เดี๋ยวนี้คนเป็นอย่างนี้กันเยอะ ทำอะไรโดยไม่คิดถึงคุณธรรมน่ะ คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการเป็นหลัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าถูกอ้างในนามของความรัก หึๆ




อ่า..บุคลิกพี่บ่งบอกว่า เคยเป็นปิศาจสุราได้ด้วยเหรอ แหะๆ เขิลลลลล์จังงงงง
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:10:18:00 น.  

 
 
 
แค่ 2-3 อึดใจเองเหรอ เมื่อกี้ลองทำนะ มัวแต่คิดว่าใคร ก็หมดอึดใจไปแล้วล่ะ เลยไม่มีใครสักคนที่คิดถึง
แต่เคยมีคนถามเรื่องนี้ แล้วลองคิดตาม ที่เราคิดถึงอันดบแรกๆ ไม่ใช่คุณแฟน หรือพ่อแม่แฮะ มันคือหมาแก่ๆ 555+ พ่อแม่คงดีใจพิลึก คุณแฟนคงเข้าใจนะ ถ้ารู้ อิอิ

------------
สวนกระแสเช่นกันค่ะ พยายามไม่กินยาอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น จนเป็นหวัดลงคอเมื่อหลายเดือนก่อน นัทคุงนะ เรานอนหลับไปแล้ว แต่ร้องไห้ไม่รู้ตัวเพราะเจ็บคอมาก สมุนไพรใด ๆ ก็ช่วยไม่ได้ในทันทีแล้ว แม่ทนไม่ไหว ให้น้องจ่ายยาปฏิชีวนะกับอะไรอีกสักอย่างให้ น้องเป็นหมอน่ะค่ะ รุ่งขึ้นก็ดีขึ้น แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกินยาถ้าไม่จำเป็นอยู่ดี อาศัยเพิ่มปริมาณวิตามินและผลไม้ถ้าทำท่าจะป่วยแทน เอ้อ ก็เล่าให้ฟังนะคะ ประสาคนไม่ชอบยาเหมือนกัน เคยเห็นมาแล้วว่า คนกินยาบ่อยๆ วันหนึ่งไม่มียาที่จัดการอาการป่วยได้ เพราะร่างกายเคยชินกับยาไปแล้ว
 
 

โดย: อั๊งอังอา วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:21:02:26 น.  

 
 
 
กว่าจะชนะได้ หืดจับเลยอะ
 
 

โดย: juriojung วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:23:24:22 น.  

 
 
 
อ่านคำลงท้ายว่า "ฟังดูง่ายดีเนอะ" แล้วพยักหน้า งึก ๆ ฟังง่าย ๆ จริง ๆ ด้วย
แต่ทำไม่ด๊ายยยยยยยยยยย ทำจริงไม่ง่ายเลยสำหรับชิวเทียน

ชิวไม่เคยถามตัวเองว่า "จะคิด(ถึง)อะไรก่อนตาย"หล่ะค่ะ แหะ แหะ
เคยแต่คิดและถามตัวเองว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องตายจะเป็นยังไง จะทำอะไรดี...
.
.
่มาอ่านที่คุณนัทเขียนวันนี้ เด๋วจะลองคิดดูแล้วว่า จะขอคิดถึงอะไรดีก่อนตาย


 
 

โดย: ชิวเทียน วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:5:12:15 น.  

 
 
 
...

-- กระต่ายลงพุง // เป็นลูกที่น่ารักจังครับ

-- สาวไกด์ใจซื่อ // หวัดดีพี่ ไม่เจอกันซะนาน...อยากให้ตอนใกล้ตายคิดถึง "พระพุทธเจ้า" ได้จังเนอะ?

-- อั๊งอังอา // ขอให้สุขภาพคอหายดีไวๆนะครับ

-- juriojung // เกือบตาย

--ชิวเทียน // ทำไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้โดยสิ้นเชิงนะครับ




-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --



 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:14:18:17 น.  

 
 
 
u'll never walk alone.....
 
 

โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:16:47:26 น.  

 
 
 
..เดี๋ยวนี้คนเป็นอย่างนี้กันเยอะ
ทำอะไรโดยไม่คิดถึงคุณธรรมน่ะ
คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการเป็นหลัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าถูกอ้างในนามของความรัก หึๆ




สาวไกด์มาทีนึง คมสุดๆ เลือดสาดกระจาย
อ้างว่ารัก สุดท้ายก็ทำเพื่อตัวเอง
ฮ่าๆๆ --------- ซึ้ง!


เคยอ่านอะไรแบบนี้ในงานของวรพจน์เหมือนกันนะ
รู้สึกจะอยู่ในเล่มไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศนี่ล่ะ
พี่พูห์อ่านเล่มนี้ยัง?
นานๆ เราถึงจะได้อ่านเรื่องที่วรพจน์เขียนถึงความรักสักที ชอบๆ




 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:14:19 น.  

 
 
 
"ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ"

เป็นรวมบทความไม่แน่ใจว่าที่เคยตีพิมพ์หรือเปล่า
ปกสีชมพู กระดาษรูปซองจดหมาย
งานหนังสือคราวนี้ พี่พูห์ลองไปหานะ
เราชอบเล่มนี้
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:10:42:48 น.  

 
 
 
แหล่ม = หล่อ


-- แหล่ม <<<<< แจ่ม อิอิ

=)
 
 

โดย: hunjang วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:8:45:46 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ เจนนี่แวะมาเยี่ยมทักทายค่ะ สบายดีน่ะคะ ขอบคุณมากน่ะคะ ที่แวะไปทักทายเจนนี่ที่บล็อค ว่างๆก็แวะไปอ่าน Tag เจนนี่แก้เซ็งได้น่ะคะ เจนนี่มีเวลานิดหน่อย อัพบล็อคเพิ่งเสร็จค่ะ ไว้เจนนี่จะแวะมาเยี่ยมใหม่น่ะคะ

ขอให้วันนี้ และวันต่อๆไป เป็นวันดีดีของคุณเจ้าของบล็อคค่ะ
 
 

โดย: สาวอิตาลี วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:14:06:19 น.  

 
 
 
คุงนัทหายไป
ยึดบลอคแล้วนะคะ
 
 

โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:18:23:00 น.  

 
 
 
รักหงส์ต้องอดทน
 
 

โดย: rebel IP: 203.155.129.130 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:8:24:01 น.  

 
 
 
ก่อนตาย จะนึกถึงนางพยาบาลสาวๆ สวยๆสัก 2-3 คน มาล้อมหน้าล้อมหลังแย่งกันตรวจ...

อย่างนี้เป็นการคิดในเรื่องดีๆรึป่าวครับ ถ้าตายไปเนี่ยจะเกิดในที่ดีๆไหมนะ
 
 

โดย: ahiruno007 IP: 58.9.19.136 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:13:12:06 น.  

 
 
 
+ ขอนอกเรื่องของเนื้อหาหน้านี้หน่อยนะคับ คุณนัท-คุง
... พอดีผมมีเพื่อนเป็น 'เลือดหงส์' หลายคนอยู่เหมือนกัน ช่วงประมาณฤดูกาลที่แล้ว ถึงต้นฤดูกาลนี้ ผมยังแซวกับเพื่อนอยู่เลยว่า ทีมผม (ปืนโต) กับทีมมันเป็นทีมคู่แฝดกัน เพราะมักจะชนะ/เสมอ/แพ้ เป็นไปในทางเดียวกันอยู่บ่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์
... มาปีนี้ ช่วงต้นฤดูกาล 2 ทีมเราก็ยังเป็นคู่แฝดกันเช่นเดิม แต่พอมา 1-2 เดือนหลังเนี่ยสิ ... รู้สึกหงส์ชักจะปืนฝืดไปหน่อยแว้วนะครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันหนอ แบบนี้ปืนโตผมคงเป็นคู่แฝดด้วยไม่ไหวแหล่วว

... ก็ขอให้หงส์กลับมาแปลงร่างเป็น 'หงส์ดินระเบิด' ได้ในเร็ววันนะคร้าบ เอาใจช่วยเน้อ (รองจากปืนสุดที่รัก ผมก็แอบเอาใจช่วยเชียร์หงส์อ่ะแหละครับ ... นั่นเป็นเพราะผมกลัวผี(แดง)! )
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:14:57:58 น.  

 
 
 
...

-- ทูน่าค่ะ ///

--แพนด้ามหาภัย /// จะเมียงมองหาดูครับ

-- hunjang /// ตกลงแปลว่า "แจ่ม" ใช่ป่าวครับ?

--สาวอิตาลี /// เช่นกันครับ

--กระต่ายลงพุง /// คุณกระต่ายฯอ่ะแหละที่หายไป

-- rebel ///

--ahiruno007 /// เผลอๆจะเกิดมาเป็นผู้หญิงอ่ะดิครับ

--บลูยอชท์ /// เดี๋ยวตามไปเม้นท์ที่บล็อกนะครับ





-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --


 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:16:28:54 น.  

 
 
 
ก่อนตายเหรอ?? เราคิดเอาไว้แล้วล่ะว่าก่อนตายเราจะคิดถึงอะไร อิอิ

เราจะคิดว่า "ชาติหน้าขออย่าได้เกิดมารับกรรมอีกเล้ยยย ขอแตกดับไปในวันนี้เลย สาธุ!! " แล้วมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย??


ปล. เสียใจกับนัดเมื่อคืนด้วยนะ ไหนว่าสายนี้ง่ายสุดมิใช่รึ หุหุหุ
 
 

โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:17:48:45 น.  

 
 
 
เมื่อวานเราเพิ่งพบว่า "เราต่างมีแสงสว่างในตัวเอง"
หายไปจากชั้นหนังสือ
------ ช็อกไปสามนาที


ไม่รู้ว่า ในงานมหกรรมลดราคาฯ คราวนี้ จะมีผลงานเล่มใหม่ของวรพจน์ไหม แต่ถ้าเจอก็คงซื้อโดยไม่ลังเล อิอิ
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:18:08:50 น.  

 
 
 
หวัดดีอีกรอบ

อืมม์..พี่ก็ว่า ถ้าเราคิดถึงเรื่องดีๆ เป็นนิสัยประจำ ก็น่าจะพอช่วยได้บ้างนะ เหมือนเป็นการเลี้ยงจิตและจริตของเราไว้ในที่สว่างน่ะ



อ่า..เรื่องเด็กนักเรียน

พี่กับเพื่อนๆครูรุ่นใหม่ ก็พยายามหาวิธีที่จะทำโทษเด็กเท่าที่พอได้อยู่ เพราะที่เคยเป็นมา มันทำให้เด็กเรียนหนังสือแทบไม่ได้กันเลยน่ะ

พี่ก็เพิ่งเจอนี่แหละ เรียนๆ ไป เดี๋ยวเด็กลุกมาคุยกันเองบ้าง เดี๋ยวเดินไปเหลาดินสอ เดี๋ยวไปหยิบหนังสือนิทานมาอ่าน ฯลฯ

แต่ตอนนี้ใช้วิธีดุบ้างแล้วหละ ไม่งั้นไม่ไหวน่ะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:17:41 น.  

 
 
 
...


-- ตุ๊กตาไขลาน IV เสียใจแล้วทำไมต้องมี "หุหุ" ด้วยเนี่ย คุณอิ๋ม

--แพนด้ามหาภัย IV ซื้อใหม่ก็ได้น่าครูหมี อย่าช็อก

-- สาวไกด์ใจซื่อ IV รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี อยากให้เด็กดีต้องดุ





-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --



 
 

โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:10:22:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

The Legendary Midfielder
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...
" เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ
" หากปรารถนาผลอันดี พึงสร้างเหตุสร้างปัจจัยอันดี "


...
" ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ "


...
" ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต
กลับใจจะพบฟากฝั่ง "


...
"หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
"ทำกรรมดีย่อมได้รับผลของกรรมดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่ว"



...
"...กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
"ไม่ว่าเราจะประสบพบกับคราวเคราะห์หนักหนาสาหัสแค่ไหน
"ให้ระลึกไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่สมควรและสาสมแก่เราแล้ว
"เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุนั้นๆมาก่อน
"ผลเช่นนี้จึงตามมา..."

[Add The Legendary Midfielder's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com