Group Blog
 
 
มีนาคม 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
* Audrey Hepburn...ราชินีแห่งจอเงิน






* Audrey Hepburn *




Audrey Hepburn-Ruston


เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1929
ที่กรุง Brussels ประเทศ Belgium
พ่อของเธอ Joseph Anthony Ruston
มีเชื้อสายเป็นชาวสโลวาเกีย
และเป็นนายธนาคาร Anglo-Irish ผู้มั่งคั่ง
ส่วนมารดา Baroness Ella van Heemstra
เป็นถึงราชนิกูลผู้สูงศักดิ์แห่งเนเธอร์แลนด์
ที่สืบทอดเชื้อสายมาจากราชวงศ์อังกฤษ และฝรั่งเศส
นับได้ว่าตระกูลของเธอเพียบพร้อมไปด้วยความร่ำรวย
และมียศฐาบรรดาศักดิ์ไม่เบาเลยทีเดียว....
เรียกว่าเกิดมาเป็น "คุณหนู" ตั้งแต่อ้อนแต่ออกน่ะแหละ
หลังจากที่พ่อ-แม่ ของเธอแยกทางกัน มารดาก็พาเธอ
ไปอยู่ London และเข้าโรงเรียนประจำที่นั่น หลังจากนั้น
มารดาก็กลับไปเนเธอร์แลนด์...แต่เธอก็สามารถใช้ชีวิต
ด้วยตัวเองอยู่ในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี....




ระหว่างโรงเรียนปิดเทอม....
Audrey กลับไปอยู่กับมารดาที่เมือง Arnhem, Holland
ช่วงนั้นเอง Hitler ก็ยกกองทัพนาซีเข้ายึดครองเมือง
และ นำเข้าสู่มหาสงครามโลกครั้งที่ 2....
เธอต้องได้รับความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
และอดๆอยากๆ จากการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก...
และต้องใช้ชื่อปลอมเป็น Edda Van Heemstra
เพราะชื่อในสำเนียงอังกฤษจะเป็นอันตรายอย่างมาก...
จวบจนกระทั่ง มีการประกาศเอกราช และยุติภาวะสงคราม.
Audrey จึงได้กลับไปลอนดอนอีกครั้งหนึ่ง
และเข้าเรียนในโรงเรียนสอนบัลเล่ต์ จนกระทั่งสำเร็จ....



เธอก้าวเข้าสู่อาชีพการเป็นนางแบบ....
และคิดว่าเป็นอาชีพที่เหมาะสมกับเธอมากที่สุด....
เพราะ...เธอดูสวยสง่า และงดงามมาก
เป็นที่ถูกตา ต้องใจ ของผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง....
จนกระทั่งมีผู้กำกับการแสดงคนหนึ่ง นำเธอไปแสดง
ในภาพยนตร์เรื่อง Nederlands in 7 lessen ในปี 1948
หลังจากนั้น ในปี 1951 เธอก็ได้ร่วมแสดง
ในภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเช่น...
Laughter in Paradise, One Wild Oat,
Young Wives' Tale, Monte Carlo Baby,
The Lavender Hill Mob และ...
The Secret People
ในปี 1952 ...
แต่ บทบาทที่เธอได้รับ ยังไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากนัก
....ดังนั้น Audrey จึงตั้งเป้ามุ่งหน้าเข้าสู่ America....
....เพื่อไขว่คว้าหาโชคดีของเธอ ที่นั่น....







ที่อเมริกา ดูเหมือนว่าฟ้า Hollywood จะเปิดกว้างสำหรับเธอ
เพราะว่าเมื่อเธอไปถึง เธอก็ได้รับการหยิบยื่นโอกาสนั้นให้ทันที
โดยการได้รับบทเด่นแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง
Roman Holiday คู่กับ Gregory Peck ในปี 1953...
Peck ได้แลเห็นแววแห่งความเป็นดาราของเธอ และทำนายว่า...
ชื่อเสียงของเธอจะต้องโด่งดังขึ้นมาเคียงข้างเขาแน่นอน
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ....ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอได้รับ
รางวัลออสการ์ ในฐานะ ดารานำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม
เธอประสพความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างถล่มทลาย
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอได้รับความนิยมอย่างมากมายก็เพราะ...
บุคคลิกที่น่ารักเหมือนเทพธิดาน้อยๆ ดูสดใส และมีคลาส...
ซึ่งดูแตกต่างจากเหล่าบรรดาดารา sex symbol ทั้งหลาย
ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้น อย่างสิ้นเชิงนั่นเอง......







หลังจาก Roman Holiday...ในปี 1954...
เธอก็นำแสดงใน Sabrina คู่กับสองพระเอก....
Humphrey Bogart และ William Holden ผู้ซึ่งมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับเธอ
และภายหลังในปี 1964 ทั้งคู่ก็ได้กลับมาแสดงร่วมกันอีกครั้ง
ในหนัง comedy เรื่อง Paris - When It Sizzles ....
ปี 1956...แสดงนำใน War and Peace
คู่กับ Henry Fonda และ Mel Ferrer



Audrey ได้กลายเป็นดาราชั้นแนวหน้า
ติดอันดับ ดารายอดนิยมของ Hollywood ไปเสียแล้ว....
เธอมีภาพยนตร์ที่แสดงนำคู่กับพระเอกชื่อดังมากมายหลายคน
จากภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง....เช่น.....
ในปี 1957 แสดงคู่กับ Fred Astaire ใน Funny Face...



Humphrey Bogart และ Gary Cooper ใน Love in the Afternoon
กับ Anthony Perkins ใน Green Mansions
และกับ Peter Finch ใน The Nun's Story ปี 1959



The Unforgiven ปี 1960 คู่กับ Burt Lancaster
ปี 1961 กับ George Peppard ใน Breakfast at Tiffany's
ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีตอนที่เธอเล่นกีร์ต้าและร้องเพลงด้วย
ซึ่งจริงๆแล้วเธอเล่นกีร์ต้าไม่เป็น เพียงแต่แสดงท่าทางเท่านั้น
ส่วนเพลงที่ร้องนั้นก็คือ Moon River เป็นเสียงร้องของเธอเองจริงๆ






ปี 1962 แสดงคู่กับ James Garner ใน The Children's Hour
และในปี 1963 แสดงคู่กับ Cary Grant ในเรื่อง Charade......
ปี 1964 เธอกลับมาแสดงคู่กับ William Holden อีกครั้งหนึ่ง
ใน Paris - When It Sizzles
และกับ Rex Harrison ในภาพยนตร์เพลงยิ่งใหญ่
ที่เธอรักและโปรดปรานมาก นั่นก็คือ My Fair Lady
ที่จริงแล้วเพลงที่เธอร้องในหนังเรื่องนี้ Audrey ได้อัดเสียงด้วยตัวเอง
แต่ก็ถูกตัดออกไปในท้ายที่สุดระหว่างทำการบันทึกเสียง
โดยที่เธอไม่รู้มาก่อน ซึ่งทำให้เธอโกรธและไม่พอใจมากในทันทีที่รู้เรื่อง
แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับแต่โดยดี และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะได้รับรางวัลจากภาพยนตร์เรื่องนี้



ในปี 1966 แสดงคู่กับ Peter O'Toole ใน How to Steal a Million
ในปี 1967 Two for the Road แสดงกับ Albert Finney...
หลังจากห่างหายไปนานพอสมควร
ในปี 1976 เธอก็กลับมาแสดงอีกครั้งหนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์
โดยรับบทคู่กับ Sean Connery ที่แสดงเป็น Robin Hood
ในภาพยนตร์เรื่อง Robin and Marian
นอกจากนี้ยังมีดาราดังอีกสองคนคือ
Robert Shaw และ Richard Harris ร่วมแสดงในเรื่องนี้...
ช่วงระยะที่อายุมากขึ้น เธอก็ยังกลับมาแสดงอีกหากเห็นว่ามีบทที่ดีๆ
โดยแสดงคู่กับ Ben Gazzara ใน Bloodline ปี 1979
และ They All Laughed ในปี 1981
ในปี 1987...Love Among Thieves
เป็นภาพยนตร์ที่เธอแสดง แต่ฉายเฉพาะทาง TV
ส่วนภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเธอก็คือ Always ในปี 1989....



ด้วยความที่ Audrey เป็นคนน่ารัก และไม่เย่อหยิ่งถือตัว
เหมือนคนสวยๆทั้งหลาย อีกทั้งมีจิตใจที่ดี โอบอ้อมอารี
จึงทำให้ดาราชายหลายต่อหลายคนชื่นชอบ อยากใกล้ชิดกับเธอ
จนตกเป็นข่าวอยู่เนืองๆ....
Rex Harrison ถึงกับออกปากว่า
Audrey เป็นผู้หญิงที่เขาโปรดปรานมากที่สุด
William Holden ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ผู้คนส่วนมากคิดว่า
คงจะลงเอยและแต่งงานกันกับเธอ
ส่วน Gregory Peck ก็กลายเป็นเพื่อน
ที่คบหากับเธอเรื่อยมา ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน



ในช่วงยุค '50 ต้นๆ Audrey เตรียมตัวที่จะแต่งงานกับ
James Hanson คหบดีผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง
โดยได้กำหนดวันแต่งงานไว้เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งเธอก็ได้ตัดชุดแต่งงานเตรียมไว้แล้วเช่นกัน...
แต่สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจยกเลิกงานแต่งงานนั้นไป
แล้วมอบชุดแต่งงานให้กับคู่บ่าวสาวที่ยากจนชาวอิตาเลี่ยน
ซึ่งพวกเค๊าทั้งคู่ก็ยังคงเก็บชุดประวัติศาสตร์นั้นไว้
เป็นที่ระลึกตราบเท่าทุกวันนี้...หลังจากนั้นไม่นาน
เธอก็ได้พบกับนักแสดงหนุ่ม Mel Ferrer
โดยการแนะนำของ Gregory Peck
ในงานปาร์ตี้ที่ Peck จัดขึ้น และตกหลุมรักกับเค๊า...
ในปี 1954 หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Sabrina ...
Audrey กลับไปแสดงละครเวทีอีกครั้งหนึ่ง คือเรื่อง Ondine
โดยเธอรับบทเป็นเทพธิดาที่ขึ้นมาจากท้องทะเล
และมาหลงรักกับอัศวินหนุ่มที่แสดงโดย Mel Ferrer ...
จากละครเรื่อง Ondine นี่เอง ทำให้เธอ ได้รับรางวัล Tony Award
ในฐานะนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม.....
ชีวิตคู่ของทั้งสองดำเนินไปไม่นานนักก็ต้องแยกทางกัน
โดยมีพยานรักเป็นชายหนึ่งคน คือ Sean Ferrer ...



ช่วงระยะที่ว่างจากชีวิตคู่และการแสดงนั้น
Audrey ได้หยุดพักผ่อนและท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ
โดยไปแล่นเรือและเที่ยวชมโบราณสถานที่ Greek และที่นั่นเอง
เธอก็ได้พบรักกับหมอหนุ่มชาวอิตาเลี่ยน Andrea Dotti ...
Audrey ตัดสินใจแต่งงานกับเค๊า โดยหวังไว้ว่าคราวนี้
คงจะเป็นการวิวาห์ที่ยั่งยืน เธอคิดจะออกจากวงการ
และมีลูกกับเค๊าหลายๆคน
ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น...
แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างที่เธอหวังไว้...
หลังจากที่เธอมีบุตรชายกับ Dotti หนึ่งคนคือ Luca ...
เค๊าก็เริ่มมีงานมากขึ้น และทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้กับครอบครัว
ประกอบทั้งข่าวลือซุบซิบอีกหลายเรื่อง ทำให้...ในที่สุด...
หลังจากที่ลูกชายอายุมากขึ้น โตพอที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ในชีวิตได้แล้ว....ทั้งคู่ก็ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน......



ช่วงสุดท้ายของชีวิต Audrey ใช้ชีวิตอยู่กับ
Robert Wolders นักแสดงพ่อม่ายชาว Dutch
โดย Wolders เป็นเพื่อนกับ Dotti โดยที่ทั้งคู่รู้จักกันมา
ตั้งแต่เมื่อครั้งงานแต่งงานของ Audrey กับ Dotti
และคบหาเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา จนกระทั่ง....
เธอหย่าขาดกับ Dotti แล้ว ทั้งคู่จึงเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

ในปี 1989 หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 9 ปี
เธอก็ครุ่นคิดพิจารณาว่าจะแต่งงานกับ Wolders ....
แม้ว่ามันอาจจะไม่เป็นทางการนักก็ตาม
แต่เธอก็เชื่อว่าพิธีการไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญอะไร....
Audrey และ Wolders ร่วมเป็นสมาชิกในโครงการ UNICEF ด้วยกัน
และทุกๆครั้งที่เธอขึ้นกล่าวสุนทรพจน์
Wolders จะนั่งฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจ
บ่อยครั้ง ที่จะเห็นเขาแอบหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน.......



Audrey เริ่มมีอาการเจ็บในช่องท้อง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเกิดจากเชื้อไวรัส
ที่เธอติดมาจาก Africa ช่วงที่ไปทำงานกับองค์การ UNICEF
เพื่อช่วยเหลือชนเผ่าพื้นเมือง...หรือไม่ก็คงเป็นแค่ไส้ติ่งอักเสบ
แต่...มันกลับกลายเป็นเนื้อร้าย...และเป็นมะเร็งลำไส้ในที่สุด......
เธอได้เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลใน Los Angeles...
แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันได้...มันยังคงลุกลามต่อไป...
เธอไม่ยอมให้หมอทำการผ่าตัดอีก.....
และปฏิเสธที่จะฉายแสงเพื่อทำการบำบัด...



Audrey Hepburn เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้....
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 1993
ที่ Tolochenaz, Vaud, Switzerland
ด้วยอายุ 63 ปี....และ ร่างของเธอถูกฝังไว้...ที่นั่น.....

Audrey เป็นดาราหนึ่งในจำนวนไม่กี่คน
ที่ได้ถูกเสนอชื่อให้เข้ารับรางวัลมากมายหลายรางวัล
ทั้งจากภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องที่เธอแสดง
ทั้งจากองค์กรสาธารณะและการกุศลต่างๆ
ที่เธอร่วมมือและมีส่วนให้ความช่วยเหลือด้วย
รางวัลที่เธอได้รับมีทั้งรางวัล
Emmy, Grammy, Oscar และ Tony Award
บางรางวัลก็ได้รับหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว...



ผลงานการแสดงภาพยนตร์ของ Audrey

Nederlands in Zeven Lessen (1948)
One Wild Oat (1951)
Laughter in Paradise (1951)
Young Wives' Tale (1951)
The Lavender Hill Mob (1951)
Secret People (1952)
Monte Carlo Baby (1952)
Roman Holiday (1953)
Sabrina (1954)
War and Peace (1956)
Funny Face (1957)
Love in the Afternoon (1957)
Green Mansions (1959)
The Nun's Story (1959)
The Unforgiven (1960)
Breakfast at Tiffany's (1961)
The Children's Hour (1962)
Charade (1963)
Paris - When It Sizzles (1964)
My Fair Lady (1964)
How to Steal a Million (1966)
Two for the Road (1967)
Wait Until Dark (1967)
Robin and Marian (1976)
Bloodline (1979)
They All Laughed (1981)
Always (1989)

ภาพยนตร์ที่ออกฉายเฉพาะทาง TV

Mayerling (1957) - Mel Ferrer
Love Among Thieves (1987)

ละครเวที

Gigi (1951)
Ondine (1954) - Mel Ferrer
(* ได้รับรางวัล Tony Award - Best Actress)






Create Date : 06 มีนาคม 2549
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2551 2:34:24 น. 1 comments
Counter : 2250 Pageviews.

 
สวัสดีคะคุณเด็กฯเลิกนอนดึกแล้วเหรอค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:7:39:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Sundance Kid
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Google





Friends' blogs
[Add The Sundance Kid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.