นักสู้ต้องมีวันชนะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
คิดถึงข้าวผัดของแม่









แต่ก่อนๆนานมาแล้ว สมัยที่โลกยังเป็นสีขาวดำ ภาพนั้นยังกระจ่างชัด
เด็กผู้หญิงบ้านนอกตัวอ้วนๆ กำลังจะเดินทางไกลแสนไกลไปเรียนที่กรุงเทพ
เป็นความตื่นเต้นยินดีของคนทั้งบ้าน

กำหนดขึ้นรถไฟบ่ายสองโมง รถจะถึงกรุงเทพเช้าวันรุ่งขึ้น
วันนั้นแม่ผัดข้าวสุดฝีมือ ดาวไข่ให้อย่างสวยหนึ่งฟอง
กะให้พกไปกินตอนเย็นบนรถไฟ
น้องคนหนึ่งช่วยหั่นแตงกวา น้องอีกคนช่วยทำพริกน้ำปลา
ต่างช่วยกันคนละไม้ละมือ...

ข้าวผัดไข่ดาวร้อนๆอยู่ในกล่อง พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไกล
แต่วันนั้น อากาศช่างร้อนเหลือ รถไฟก็เสียเวลา จากบ่ายสองกลายเป็นหนึ่งทุ่ม
กว่าจะได้ขึ้นรถไปนั่ง กว่าจะได้กินข้าว ก็เกือบสองทุ่ม

เด็กหญิงหยิบกล่องข้าวขึ้นมา...
ตักเข้าไปหนึ่งคำ... ข้าวผัดบูด!
คงเพราะอากาศร้อน ข้าวในกล่องอบอยู่นานเกินไป

มองฝ่าความมืดออกไปนอกหน้าต่าง หิวก็หิว จะทำอย่างไรดี
พนักงานที่ขายอาหารบนรถไฟเดินมา...
เอ๊ะ...หรือว่าจะสั่งข้าวมากิน เงินก็พอมีอยู่
แต่พอนึกถึงภาพของแม่ และทุกคนที่ช่วยกันทำข้าวผัดกล่องนี้แล้ว
ในที่สุด...
เธอก็ตัดสินใจ...กินข้าวผัดบูดๆนั้นไปด้วยน้ำตาที่พร่างพรู...



ทุกวันนี้ก็ยังไม่เจอข้าวผัดที่ไหน อร่อยเท่าข้าวผัดใส่น้ำใจแกล้มน้ำตากล่องนั้น



...............................................


นักล่าข้าวผัด เจอข้าวผัดมามากมาย
แต่จะมีบ้างไหม ข้าวผัดที่เต็มไปด้วยตำนานอันแสนเศร้าเหมือนข้าวผัดของแม่
ไม่มีสักจาน...


...........................................



ข้าวผัดแหนมจานนี้... แหนมเปรี้ยว พอทนกล้ำกลืน







ข้าวผัดลูกครึ่งไทย-อเมริกัน...หวานปะแล่มๆพอลุ้น ดีกว่าไม่มีอะไรกิน







ข้าวผัดไข่เค็มพริกคั่วกุ้ง...จานนึงตั้ง 120 บาท กินแล้วขยาดไปอีกนาน






ข้าวผัดกุ้งร้านในซอย กินทุกวันจนเอียน มันย่องจนระอา






ข้าวผัดขมิ้น...สีสวยดี รสชาติก็ดีกว่าเอาไม้ดีดปากละกัน






ข้าวผัดอะไรซักอย่างที่เมืองจีน...สีสันจืด รสก็ชืดขั้นเทพ




..............................................................



ทุกวันนี้ยังไม่ได้บอกแม่เลยว่า วันนั้นข้าวผัดบูด
กลัวแม่จะเสียใจ เพราะอุตส่าห์ตั้งใจทำให้อย่างดี

...นึกอีกที..วันนั้นบุญเท่าไหร่แล้วที่ไม่จู๊ดๆ...

...............................................................




Create Date : 01 กันยายน 2551
Last Update : 4 กันยายน 2551 14:36:24 น. 50 comments
Counter : 1935 Pageviews.

 
เพื่อนที่เข้ามาคะ

บอกกันหน่อยนะคะ ว่าคุณมีความหลังกับอาหารจานไหนบ้าง

แล้วอาหารจานเด็ดฝีมือคุณแม่ของคุณคืออะไรเอ่ย...

คุยกันสนุกๆนะคะ


โดย: อัยย์ (ทากชมพู ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:13:43:40 น.  

 


ไอ้หย่าๆๆๆๆ น้ำยายเหนียวเลยครับ

...สหายเล่นกันแบบนี้ตอนเที่ยงๆเลยเนอะ

ตอนอยู่ที่ต่างจังหวัด

กับข่าวจากแม่ไม่เคยบกพร่องเลยครับ

ทุกมือมีสำหรับจัดอย่างดี

นั่งทานกันพร้อมหน้า ..พ่อแม่ลูก

แต่พอมาอยู่ กทม ก้อขาดสวนนั้นไป นะครับ

สวนมากจะเปง อาหารพื่นบ้าน รสจัด ผักลวกน้ำพริก

ตามสมควรครับ อิอิ เดียวจะเอารูปน่ากิงๆมาให้ดูนะครับ





โดย: `ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:14:12:31 น.  

 
อาหารจานเด็ด เพิ่งกินไปเมื่อวานนี้เอง

แกงเหลืองรสชาดคุ้นเคย ฝีมือแม่
ปลาทอดชิ้นใหญ่ ฝีมือแม่

แม่คนที่เป็นห่วงลูก ลุกขึ้นแต่เช้ามืดเตรียมกับข้าวให้ลูก ทำเหมือนเรายังเด็กๆ
ทั้งที่ปัจจุบันเราโตขนาดทำงานมีเงินกินหรูแค่ไหนก็ได้แล้ว

แต...่ กับข้าวที่แม่ใส่ถุงมาให้ ก็ทำให้อิ่มเอม และอร่อยที่สุดในโลกจริงๆ ...


ป.ล. ความหลังจำไม่ค่อยได้ ถ้าจะคิดกันจริงๆ คงมีอาหารฝีมือแม่ที่เราฝังใจมากมายเขียนไม่หมด


โดย: ทาสบอย ไม่ได้ล็อกอิน IP: 58.147.49.24 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:14:12:53 น.  

 
เป็นคนผูกพันกับรถไฟมาก
เพราะพ่อทำงานรถไฟ...จึงชอบไปไหนมาไหนด้วยรถไฟ
โรแมนติก...คลาสสิก

....แต่รถไฟสมัยนี้ หยุดงานประท้วงรัฐบาลนี่โกรธนะ...
ทำอะไรช่วยนึกถึงผู้โดยสารที่รักรถไฟอย่างเราบ้าง....



โดย: ทากชมพู วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:13:47 น.  

 
ตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อยหน้ารัก
จนเริ่มเป็นวัยรุ่นหน้าเหี้ยม
และก่อนจะเข้าสู่วัยหนุ่มอมตะจนถึงทุกวันนี้

ผมกินข้าวในร้านริมฟุตบาธ
กระทั่งนั่งในห้องแอร์เย็นๆ ของภัตราคาร
เป็นร้อยๆ ร้าน
มีอาหารมากมายผ่านลิ้นนับแสนชนิด

แต่ก็ไม่เคยลืมผัดกระเพราจานนั้น
จานที่แม่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหมูไว้
และใช้มือข้างขวาจับมีดหั่น

เพราะมือข้างซ้ายของแม่ใช้การไม่ได้
แม่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนมือข้างซ้ายพุเป็นหนองบวมเป่ง
แต่แม่ก็ไม่ยอมไปหาหมอ

แม่กลัวเสียงเงินค่ารักษา
กลัวเสียเวลาทำงาน

ผมเห็นภาพนั้น ตอนที่แม่หั่นหมูชิ้นสุดท้ายเสร็จ

ผมไม่ได้ร้องไห้
แม่เงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทายตามปกติ
บอกให้ผมไปเปลี่ยนชุดนักเรียน
เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน
แม่ทำอาหารไม่นานหรอก

แม่พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ผมฟังแล้วไม่ธรรมดาเลย
คำพูดของแม่...เต็มไปด้วยพลังของนักต่อสู้
แม่ไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นสักครั้ง
ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือทุกข์ทรมานใจสักแค่ไหน
เราให้กำลังใจกันเงียบๆ

เย็นนั้น
จำได้ว่า
ผมกินข้าวไป นั่งมองมือแม่ไป
ผมบอกให้แม่ไปหาหมอ
แม่บอกไม่เป็นไร แม่ไม่ปวด แม่ไม่เจ็บ
แต่ผมรู้ว่าแม่พูดไม่จริง
เพราะหลายคืนมาแล้ว ที่ผมเห็นแม่นอนไม่หลับ
ลุกออกมานั่งริมระเบียงอยู่คนเดียว

หลังกินข้าวเสร็จ
ผมถามแม่ว่า
ทุกวันนี้ อะไรทำให้แม่มีความสุข
แม่นิ่ง...คิด...
ก่อนจะหันมาตอบผมว่า
แม่เห็นผมมีความสุข แม่ก็มีความสุข
ผมยิ้ม...ก่อนจะถามแม่ต่อไปว่า
ถ้าผมมีความทุกข์ แม่ก็จะไม่มีความสุขใช่ไหม
แม่พยักหน้า
ผมบอกแม่ว่า ตอนนี้ผมกำลังมีความทุกข์
แม่กระวนกระวาย ถามผมว่า ผมเป็นอะไร ใครทำ
ผมบอกว่า แม่เป็นคนทำร้ายผม
แม่ตกใจ
ผมพูดต่อไปว่า
ถ้าแม่รักผมจริง แม่ต้องรักตัวเองด้วยนะ
เพราะเวลาที่แม่เจ็บ ผมไม่มีความสุขเลย

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ร้องไห้
เป็นครั้งแรกที่แม่บอกว่าจะไปหาหมอ
...ดูเอาเถอะ...
แม้ตอนไปหาหมอ
แม่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
แต่แม่ยังทำเพื่อผม


ทุกวันนี้
เห็นกระเพราหมูทีไร
ผมคิดถึงแม่จับใจ...ทุกที






โดย: แสง สีรุ้ง วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:25:22 น.  

 
โห..ไหงวันนี้เศร้าจังเลยล่ะครับ เรียกน้ำตาได้เลยนะครับเนี่ย แต่เป็นน้ำตาแห่งความปิติ
ผมเองจำความเรื่องแม่ทำอาหารให้กินไม่ได้เลยครับ ผมต้องไปอยู่กับย่าตั้งแต่ 3 ขวบ พออายุ 12 ก็ไปอยู่กับน้าที่อเมริกา อยู่ได้สองสามปีก็ย้ายออกไปเผชิญชีวิตด้วยตัวเอง จำได้ว่าวันหนึ่งผมใช้เงินก้อนสุดท้ายซื้อไก่ทอดแช่แข็งมาหนึ่งกล่อง จำนวน 10 ชิ้น เมื่อมาคิดดูว่า กว่าเงินเดือนค่าล้างจานที่ร้านอาหารจะออกก็อีกตั้ง 2 วัน ผมจึงต้องแบ่งไก่ 10 ชิ้นออกเป็น 5 มื้อ หารแล้วได้มื้อละ 2 ชิ้น แต่พอกินหมด 2 ชิ้นแล้วมันยังไม่อิ่ม ผมก็เลยต้องกินกระดูเข้าไปด้วยครับ ทำอย่างนั้นทุก 5 มื้อ

ผมหวนนึกถึงเรื่องนี้ก็เมื่อหลายปีหลังจากนั้น ผมกลับมาเมืองไทย วันหนึ่งเพื่อนของพ่อผมโยนน่องไก่ให้หมาฝรั่งของพ่อผมกิน พ่อผมร้องด่าเสียงดัง “เฮ้ย! ให้มันกินทั้งกระดูกได้ไงว่ะ เดี๋ยวติดคอตายห่า ต้องแกะเอาแต่เนื้อให้มันสิว่ะ”

เฮ้อ..ช่างมันเถอะ ผมลืมมันไปแล้ว
ผมเอาข้าวผัดอเมริกันมาฝากครับ




โดย: ตู้เพลงฯ (ตู้เพลงคนซน ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:58:55 น.  

 
อาหารจานเด็ดของแม่เหรอ ...

น้ำพริกผัดละมั่ง เป็นเด็กหอมานาน

กลับบ้านทีแม่ก็ทำน้ำพริกผัดใส่ขวดให้มาที

กินได้ไปเป็นอาทิตย์ แม่ก็ใจดีทำให้ทุกอาทิตย์

ตอนนี้ก็ยังชอบกินน้ำพริกอยู่ ...

...เวลาเผ็ดจนน้ำตาคลอ จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเพราะคิดถึงแม่อยู่

*** เพลงที่อุ๋มแปล เป็นเพลงจีนกลางค่ะ กวางตุ้งฟังไม่รู้เรื่องเลย ***



โดย: SIMAKHA วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:18:00:15 น.  

 
ข้าวผัดในดวงใจผมคือข้าวผัดรถไฟครับ
พ่อผมทำงานการรถไฟ ตอนเด็กๆ ผมได้นั่งรถไฟไปโน่นมานี่อยู่เรื่อยๆ
ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟผมจะต้องกินข้าวผัด
ก็ไม่รู้ว่ามันอร่อยกว่ากินที่บ้านยังไงครับ
อาจเป็นเพราะมันมีไข่ดาวขอบเกรียมกับพริกน้ำปลาก็ได้
หรือไม่ก็เพราะผมได้กินบนรถที่โยกตัวไปมา
มีวิวสดใสข้างทางกับลมเย็นๆ ผ่านหน้าต่าง

หลังจากนั้นร่วมสิบปีที่ผมไม่มีมีโอกาสได้กินข้าวผัดรถไฟ
จนที่ได้ขึ้นรถไฟครั้งล่าสุดผมไปนั่งตู้เสบียงแล้วสั่งข้าวผัดรถไฟมาทาน
มันไม่อร่อยเหมือนตอนนั้นหรอกครับ ดูจะเป็นข้าวผัดธรรมดาๆ จานนึง
แต่การที่ได้ทานบนรถที่โยกตัวไปมากับวิวข้างทาง
ก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ และคิดถึงความหลังเก่าๆ ขึ้นมาได้



ปอลอ
เพิ่งได้อ่าน คห.4 ลูกรถไฟเหมือนกันแฮะ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:18:39:54 น.  

 
ฮือ ฮือ

บล็อกนี้ทำน้ำตาร่วงอีกแล้ว

โถ โถ โถ กินข้าวบูดพร้อมน้ำตา


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:19:26:51 น.  

 
น้ำตาซึมๆกะหลายคห.ข้างบน
อะไรที่เป็นเรื่องปลื้มก็จดจำ อะไรเป็นเรื่องเศร้าก็ลืมดีกว่านะคะ

.......................

คห.8
คิดเหมือนกันทุกบรรทัด
มีแต่คนรถไฟเท่านั้นที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้
โดยเฉพาะเรื่องข้าวผัดรถไฟ...
ไม่น่าจะมีลูกรถไฟคนไหนไม่เคยสั่งมากินนะคะ
แม้กาลเวลาจะผ่าน ข้าวผัดรถไฟเปลี่ยนมือ รสชาติจะแย่อย่างไรก็ตาม
แต่แทบทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ อาหารอย่างแรกที่ผุดในหัวก็คือ ข้าวผัดรถไฟ...
อร่อยทุกครั้งขณะที่จานสั่นๆ ควบคู่ไปกับได้ดูวิวสวยๆ



โดย: ทากชมพู วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:21:27:27 น.  

 
ข้าวมือแม่ ห่อไห้ ด้วยใจรัก
ย่อมประจัก รสแตะ ที่ชิวหา
อิ่มเอมจิต คิดคุณ แห่งมาตา
น้ำตาพร่า คราเห็น ข้าวห่อวาง..



โดย: กิ่งโศก (Taboonkam ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:22:53:29 น.  

 
ซึ้งเลยครับ บล็อกนี้
ทำให้คิดถึงน้ำพริกฝีมือแม่ขึ้นมาทันใด


โดย: biomechanic วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:7:58:48 น.  

 
ไม่มีเรื่องซึ้งๆกะกับข้าวของแม่เท่าไหร่เลยครับ

แม่ตามใจป๊ามากกว่าตามใจลูกอะครับ

แกงเผ็ดฟัก ป๊าจะกินใส่หอย ผมไม่ชอบหอย - แม่ใส่หอย


โดย: kirofsky วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:8:05:56 น.  

 
ไม่มีความหลังกับอะไรเล้ยยย เพราะอาหารของแม่อร่อยทุกอย่าง

รู้แต่ผมอ่านบทนี้จบ ผมหิวเลยครับพี่คับ



โดย: ฤทัยนาวา วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:9:04:54 น.  

 






โดย: .ใบไม้ดนตรี (benjarong9 ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:10:37:21 น.  

 
"""..สวัสดีครับคุณ อัยย์...
..สมกับที่เป็นบรรณาธิการและอดีตนักเขียน ครับ...
...เรื่องเล็กน้อย แค่อาหารหนึ่งมื้อ...จากฝีมือบุพการี..
...นำมาจัด องประกอบ...แต่เติม และเขียนขึ้นเป็นเรือ่ราวได้ ละมุนจริงๆครับ...

...มีความสุขนะครับ...


โดย: nai-nu-19 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:10:40:03 น.  

 
แมจิกแมนเอาดอกกุหลาบมาวางไว้ให้
แล้วรีบหายตัวกลับไปทำงานต่อครับ



โดย: ตู้เพลงฯ (ตู้เพลงคนซน ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:14:30:52 น.  

 
เดินตามเม้นท์มา มีเรื่องน่าประทับใจ ทั้งของจขบ. ของคนมาเยี่ยมเลยนะคะ

อาหารของแม่เนี่ย สื่อไปถึงหัวใจจริงๆ

แม่เป๋อก็ชอบทําข้าวผัดให้ ตั้งแต่เด็กจนโต
บางทีก็ทําเยอะๆใส่กล่อง เอามาไว้ในตู้เย็น ..กลัวเรากินแต่มาม่า

ข้าวผัดของแม่ ใส่แครอท ใส่ผัก ..ซอยย่อยยิบ แบบกลัวเด็กเขี่ยออก อยากบอก...หนูเลิกทําแบบนั้นตั้งนานแล้วนะ


โดย: เป๋อน้อย วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:17:43:26 น.  

 
สวัสดียามค่ำ
เป็นคนต่างจังหวัดที่ต้องอาศัยรถไฟไปเรียนที่เมืองกรุง
เหมือนกัน ในสมัยนั้นหัวรถจักรยังใช้ระบบไอน้ำอยู่
ประทับใจสุดๆตรงที่ขี้เถ้าจากหัวรถจักรจะเข้ามาทางหน้าต่าง ลงไปในจานข้าวผัดที่สั่งจากตู้เสบียงที่แสนจะอร่อยเพราะหิว
เรื่องความห่วงไยของแม่ที่มีต่อลูกก็จะคล้ายๆกัน ทุกครั้งที่เดินทางแม่จะทำหมูคั่วกะปิใส่กระป๋องนมตราหมี จะเก็บไว้กินได้นาน ความอร่อยยังตามมาถึงปัจจุบันนี้ไม่มีลืม
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมี เกิดมา ตั้งอยู่ และดับไป (พระท่านว่า) เช่นเดียวกันดอกราตรีเมื่อดอกเขาร่วงเราก็พิจารณาตามคำที่พระสอน ไม่มีอะไรยั่งยืน เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง
รักษาสุขภาพด้วย ราตรีสวีสดิ์


โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:20:17:31 น.  

 
กลมกล่อมมากเลยจ้ะ
อ่านแล้วอิ่ม


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:21:07:34 น.  

 
ไม่ได้หายไปไหนค่ะ พี่อัยย์

เพียงแต่เช้านี้ต้องไปสระบุรี เพิ่งจะถึงบ้านสักครู่นี้เองค่ะ

นึกไม่ออกว่าประทับใจกับข้าวจานไหนของแม่

เพราะแม่เป็นคนทำกับข้าวไม่อร่อย

ภาพของแม่ที่จำได้ตอนเด็กๆ คือ ผู้หญิงที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตั้งแต่เช้ายันดึก

ขยัน พูดน้อย ทำแต่งาน เพราะแม่มีลูกเยอะถึง 8 คน จึงจำเป็นต้องทำงานหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว มากกว่าจะทำหน้าที่เพียงแม่บ้านเท่านั้น

แม่ของยุ้ยขยันที่สุดในโลก


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:21:16:17 น.  

 
เอาข้าวผัดหนำเลี๊ยบมาประชัน



โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:21:42:04 น.  

 
ใครอยากทำอะไรทำไป ...เชิญ

แต่อย่าเอาประชาชนอย่างฉันไปเป็นตัวประกันได้ไหม

ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเหยื่อของใคร...



โดย: ทากชมพู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:21:42:32 น.  

 
ผมเห็นรถยนต์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 5-6 ขวบ เพราะบ้านเราที่ดำเนินสะดวกใช้เรือไปมาหาสู่กัน วันหนึ่งนั่งเรือไปใกล้ถนนรถ เห็นรถประจำทาง ดึใจมาก นึกในใจว่าถนนรถทำไมจึงสูงมาก หากมองจากเรือที่วิ่งในลำคลอง ถ้าเด็กๆอย่างเราได้นั่งรถคงเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก เรื่องรถไฟไม่ต้องพูดถึง เห็นรถไฟจริง น่าจะสิบกว่าขวบแล้ว

คุณแม่ของผมเป็นหญิงแกร่ง เป็นทั้งชาวสวน แม่ค้า นายทุน และหัวหน้าครอบครัวที่มีลูกจ้างไม่เคยขาดมือ เลี้ยงลูกถึง 8 คน รอดปากเหยี่ยงปากกาทุกคน ท่านไม่ค่อยได้ทำอาหาร เพราะไม่มีเวลา ปล่อยให้คุณพ่อเป็นพ่อครัวอยู่บ่อยๆ

อาหารที่พวกเรารอคอย มักจะเป็นในช่วงที่เราจับปลาช่อนในสวนได้หลายตัว คุณแม่จะทำแกงเขียวหวานหม้อใหญ่ กินกันข้ามวันข้านคืนเลยที่เดียว

ขอบคุณครับที่ให้โอกาสเขียนถึงคุณแม่


โดย: Insignia_Museum วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:21:46:35 น.  

 
ขอบคุณทุกความเห็น ทุกคำบอกเล่านะคะ
อ่านแล้วมีความสุข...ประทับใจมาก

...รูปรถไฟ สวยจนต้องโพสไม่หยุดค่ะ....



โดย: ทากชมพู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:22:08:45 น.  

 

อ่านแล้วนึกภาพได้เลย
บล็อกนี้มีแต่เรื่องเรียกน้ำตา
ทั้งเด็กหญิงตัวอ้วน กับข้าวผัดบูด ที่มาจากความรักของคนทั้งบ้าน
ทั้งกระเพราหมูของแม่มือเจ็บ ที่ห่วงความรู้สึกลูกมากกว่าความเจ็บของตัวเอง
ทั้งน่องไก่กับหมาฝรั่ง กับคนเขียนที่ต้องกินกระดูกเพิ่มในวันที่อด



จานเด็ดฝีมือแม่คือ หมูแดงค่ะ อร่อยเกลี้ยงชาม
กินทีไร มีความสุข

พอพูดถึงอาหารบนรถไฟ คิดถึงเพื่อนร่วมงานขึ้นมาทันที
รายนี้ขึ้นรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่
กินข้าวเย็นแล้ว แต่พอถึงหัวหิน มีสามพ่อแม่ลูกขึ้นมา
พร้อมอาหารค่ำชวนน้ำลายหก คือปลาทอด ต้มยำโป๊ะแตก และยำอะไรสักอย่างหนึ่ง
และหม่ำกันเอร็ดอร่อยอยู่เตียงข้างๆเขา
เขาบอกว่า ท้องร้องกร๊อก ทันที และร้องไปตลอดคืน

พอถึงหาดใหญ่ตอนเช้า พาเดินไปกินติ่มซำ ก็ถามทันทีว่าไกลไหม ถ้าไกลเดินไม่ไหวแล้ว หิวมาก มาตั้งแต่เมื่อคืน


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:22:24:19 น.  

 
คุณหมอฮันนี่ มาทำเอาน้ำลายหยดแหมะๆกลางดึก
หมูแดงเอย ปลาทอดเอย ต้มยำโป๊ะแตกเอย
ซร้วบ...
..................................

ปู๊นๆๆ
วิวข้างทางจะสวยไปไหนน้อ...



โดย: ทากชมพู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:23:55:07 น.  

 

หิวเหมือนกันค่ะ เลยทำขนมกินแทน
มีความทรงจำอยู่ในขนมกับอาหารหลายอย่างเลยค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:1:07:12 น.  

 
น่ากินจริงเอ๊ย โดยเฉพาะข้าวผัดขมิ้น


โดย: ลุงแมว IP: 203.113.0.205 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:9:35:25 น.  

 
ข้าวผัดหนำเลี๊ยบของลุงแอ๊ด หน้าตาใช้ได้เลยค่ะ แม้จะดำไปสักนิด

กลางวันนี้มีเมนูในใจหรือยังคะ พี่อัยย์


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:10:26:44 น.  

 
จขบ.กลัวหัวสิงโตเหรอเนี่ย งั้นก็คงไม่ได้อยู่ในแหล่งคนจีนซิเน๊าะ

สิงโตกะแป๊ะยิ้มนี่ คนคุ้นเคยของเป๋อเลย

ตุ๊กตาที่กอดครั้งที่แล้ว ฝากมาบอกว่า กอดนานๆก็ได้ ป๋มชอบ


โดย: เป๋อน้อย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:12:55:35 น.  

 
จับฉ่ายกับไข่เค็มที่แม่ฝากมา

ป่านนี้คงย่อยเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ยคะ

ตอนที่ทาน แอบน้ำตาไหลคิดถึงแม่หรือเปล่าคะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:15:48:50 น.  

 
เพลงนี้เพราะจัง พี่อัยย์

มีของเล่นมาฝาก

หาอะไรสนุกๆทำดีกว่าฟังเสียงคนพูดคำตะโกนคำนะคะ

//photofunia.com




โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:17:04:33 น.  

 
น้องชายได้อยู่ปกหน้าแล้ว

ไอสปายไม่ให้ขึ้น ไปขอโวคก็ได้ อิอิ




โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:17:11:11 น.  

 
กรี๊ดดดด

เมื่อกี้ก็ตามไปที่เว็บนั่น
แต่ทำไม่เป็นอะ...เหอๆ...ดีใจกะน้องชายด้วยนะ
นานๆโว้คขึ้นปกผู้ชาย ก๊ากกกก


โดย: อัยย์ IP: 58.136.52.231 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:17:41:48 น.  

 
ว่าแล้วก็ขายของนินึง
เขียนเอง ขายเอง คงไม่มีใครว่า



โดย: ทากชมพู วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:18:09:27 น.  

 
สวัสดียามค่ำ
เสนอแล้วต้องสนอง ซีเอ็ด คงมีจำหน่าย
เมื่อย้อนอดีตไม่ได้ เราก็อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เลิกติดตามเรื่องไร้สาระข้างถนน จิตใจจะดีขึ้น
รักษาสุขภาพด้วย ราตรีสวัสดิ์


โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:20:24:45 น.  

 
อิอิ นอกจากจะได้ขึ้นหน้าปกนิตยสารที่สาวๆชอบอ่านแล้ว

น้องชายยังมายืนทำหน้าหล่อ ดูคนขึ้นลงบันไดเลื่อนอีกแน่ะ




โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:20:44:39 น.  

 
ดื่มกาแฟทุกวันเปลี่ยนเป็นชาบ้างก็ดี ขอบคุณสำหรับความปราถนาดี ขอให้หนังสือขายทะลุเป้า มีความสุขมากกกก


โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:20:52:22 น.  

 
สาวสองคนนี้ น่ากลัวจังเลย

แต่ป๋าคงบอกว่าน่ารัก




โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:02:27 น.  

 



รูปนี้เท่ห์ซ้า


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:04:30 น.  

 
โอ้ววว น้องชายดังขนาด ....






โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:22:07:05 น.  

 
**เอาใหม่ครับ ช่วยลบสองอันบนออกให้ด้วยนะครับ**

ยังไม่หมดมุกครับ เสกได้เรื่อย ๆ
วันนี้เสกตะเกียงวิเศษให้ไปเลยครับ
ถู ๆ ๆ แล้วอาลาดินก็จะออกมา แล้วคุณอัยย์ก็ขอพรได้สามอย่างครับ
แต่ไม่ต้องบอกก็ได้ครับว่าขออะไร คิดไว้ในใจก็พอ
แลัวคุณก็จะได้พรนั้น แน่นอนครับ




โดย: ตู้เพลงฯ (ตู้เพลงคนซน ) วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:0:25:42 น.  

 
สวัสดีครับ


เรื่องความจำเกี่ยวกับอาหารนี่คงมีหลายครั้งหลายตอน
แต่ที่จดจำฝังใจไม่ลืมก็คือ
ครั้งหนึ่งไม่มีเงินในกระเป๋าเลย
ชีวิตกำลังตกระกำลำบากยากเข็ญ
ตระเวนขุดต้นไม้และเก็บของเก่า

ทั้งเหนื่อยและหิว
ตัดสินใจนั่งร้านข้าวแกงรอบนอกสวนจตุจักร
เป็นร้านเล็กๆ เคยเซ็นกินบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อยมขัดสน
ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่ก็คุ้นหน้าในช่วงนั้น
คือติดไว้วันสองวันก็มาจ่าย ไม่เคยหายลับ

มีอยู่วันหนึ่งในกระเป๋าไม่มีเงินแม้สักบาท
ตัดสินใจนั่งสั่งข้าวราดแกงอะไรจำไม่ได้แล้ว
แต่ช่างเอร็ดอร่อยเหลือเกิน
(ความหิวคือชูรสอย่างยิ่ง)

พอกินเสร็จ รู้อยู่แล้วว่าในกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวอยู่แล้ว
แต่ทำท่าว่ากระเป๋าสตางค์หาย ขอเซ็นไว้ก่อน
วันต่อมาค่อยมาจ่าย เจ้าของร้านก็ยิ้มแย้มใจดีให้เซ็น
ซ้ำยังเป็นห่วงว่ากระเป๋าเงินหายจะให้ยืมไปใช้ก่อนบ้างจะเอาไหม ?

ให้รู้สึกละอาจใจที่ต้องโกหกว่ากระเป๋าสตางค์หาย
ไม่ใช่อะไรเพราะเกรงใจเจ้าของร้านนั่นเอง
หรือเพียงหาเหตุผลที่จะเซ็นแทนที่จะพูดความจริงออกไป

อาหารมื้อนั้นทั้งที่จำไม่ได้ว่าเป็นข้างราดแกงอะไร
แต่ยังอยู่ในใจจนบัดนี้
และยังจำสีหน้าแม่ค้าใจดีคนนั้นได้ไม่ลืม
แต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เธอไปอยู่ที่ไหนแล้ว







โดย: พ่อพเยีย IP: 61.7.171.237 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:6:51:50 น.  

 
หวัดดีครับ อาหารที่แม่ทำอร่อยอยู่แล้วครับ อาจเป็นเพราะทานมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่พาทานอะไรก็ต้องทานตามท่าน ข้าวผัดฝีมือแม่ผมนี่ถ้าให้คนอื่นทานอาจจะไม่อร่อยน่ากิน แต่สำหรับผมแล้วหมดจานแน่นอน เห็นรูปรถไฟเยอะแยะเลยเอามาลงบ้าง เป็นรถไฟที่ประเทศอินเดีย รถไฟบ้านเราไม่ต้องพูดถึงนึกอยากจะหยุดงานก็หยุดแล้วบอกว่าทำเพื่อประเทศชาติ สำควรแล้วที่ผู้บริหารอยากเปลี่ยนเป็นมหาชน อ้อ..บ้านผมอยู่เพชรบูรณ์ครับ ตอนนี้มาทำงานที่มหาชัยนะครับ



โดย: AJono วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:8:42:12 น.  

 
ยุ้ยไม่ลบเม้นท์ทั้งของพี่และของลุงแอ๊ดค่ะ

ไม่เห็นเป็นไรเลย

ถกเถียงกันด้วยความคิด ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน เป็นปกติอยู่แล้วค่ะ

แต่ขอให้พี่ทั้งสองอย่าโกรธกันเท่านั้นเป็นพอ





มาดูรูปน้องชายให้สบายใจดีกว่าค่ะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:9:57:53 น.  

 
วันนี้มีแขกบ้านแขกเมืองมาดูงานที่เรามั่ง
เลยต้องต้อนรับกันทั้งวัน

มะได้เอาโน้ตบุคส์มา
แวะมาบอกเจ๋ยๆ


โดย: บล็อกดราม่าซะ.. (ทาสบอย ) วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:18:38 น.  

 
ดูข้าวผัดตอนนี้ถึงหิวก็ไม่กลัวเพราะใกล้พักกลางวันแล้ว หุหุ เดี๋ยวจะไปหามากินสักสองจาน




โดย: เขาพนม IP: 203.113.0.205 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:11:22:03 น.  

 
เราก็ชอบกิน ข้าวผัดปลาทู


โดย: mr.cozy วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:11:22:24 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: soda.jazz วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:15:46:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทากชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






เป็นนักล่าน้ำตก บ้านๆ ธรรมดาๆ พื้นๆ ง่ายๆ

เกลียดเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร...เบื่ออันธพาล



สะดุดรัก..คู่ปรับหัวใจ นิยายสุดรักสุดหวงของอัยย์วางแผงแล้ว แวะรัก..กลางฤดูร้อน นิยายสุดรักอีกเรื่อง.. วางแผงแล้ว !!
Friends' blogs
[Add ทากชมพู's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.