Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
น้ำฝนกลางใจ (๘)



ยามเช้าที่เต็มไปด้วยละอองหมอกหนาจนแทบมองไม่เห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกทำให้น้ำฝนตื่นขึ้นมาด้วยจิตใจซึมเศร้า ดวงตาบวมเนื่องจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืนนี้ยามหวนนึกถึงรณยุทธ์อดีตคนรัก ยิ่งมีสิ่งมากระทบจิตใจที่โยงให้คิดถึงเขา น้ำฝนยิ่งรู้สึกหม่นหมอง เขาจากหล่อนไปนานแล้ว แต่ทำไมใจยังคงเจ็บและปวดร้าว เมื่อไหร่หนอถึงจะลืมเขาได้สนิท มันผ่านไปแล้ว อย่าไปหลงยึดติดกับสิ่งเก่า ๆ อีกเลยนะน้ำฝน หญิงสาวได้แต่ปลอบใจตัวเอง นับว่าหล่อนเก่งมากแล้วที่ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้อย่างเข้มแข็ง อากาศเย็นชื้นทำให้อยากจะขดตัวนอนต่อ แต่ก็ต้องฝืนใจลุกขึ้นเพื่อออกตรวจไร่แต่เช้า ถึงอย่างไรออกไปทำงานคงจะดีกว่านอนซมอยู่บนเตียงและปล่อยใจให้หลงอยู่ในภวังค์แต่หนหลัง

เมื่อออกมานอกห้องน้ำฝนก็พบว่าเอกศักดิ์กำลังเตรียมตัวจะเข้าสำนักงาน แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นหล่อนก็กลับเดินตรงเข้ามาหา

“เมื่อคืนคุณร้องไห้หรือ” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม สีหน้าฉายแววกังวลอย่างไม่ปิดบัง

“เปล่า นอนมากละมั้ง” หญิงสาวปากแข็งไม่ยอมรับ พลางหลุบตาที่แดงช้ำลงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นได้ถนัด ในขณะที่ชายหนุ่มจับบ่าน้ำฝนไว้ด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าคุณมีทุกข์หรือเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจก็ขอให้บอกผม อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกัน ผมพร้อมรับฟังและเข้าใจคุณเสมอ” สายตาชายหนุ่มมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวอย่างเห็นใจ

“ขอบคุณ แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่ปวดหัวนิดหน่อย แต่ออกไปทำงานคงดีขึ้น”

ชายหนุ่มใช้มือไล้ดวงตาที่บวมช้ำของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาพร้อมกับปัดปอยผมที่ร่วงลงมาให้พ้นจากวงหน้าเรียว นึกรู้สาเหตุที่ทำให้น้ำฝนร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้

“พระท่านว่าให้พยายามควบคุมจิตอย่าให้หลงคิดนึกไปในอารมณ์ที่มันเคยคิด เคยนึก เคยเกาะ เคยข้องมาแต่ก่อน เพราะว่าที่ล่วงมาแล้ว มันก็ล่วงมาแล้ว ไม่ต้องไปคำนึงหา” เอกศักดิ์กล่าวเรื่อย ๆ ให้คนตรงหน้าฟัง

“เพิ่งรู้ว่านายแก่วัด น่าจะบวชไม่สึกนะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มเทศนา น้ำฝนก็เริ่มยิ้มออก

“ผมยังมีกิเลสเหมือนคนธรรมดา บางครั้งสติก็หล่น ๆ หาย ๆ เหมือนกัน” ชายหนุ่มมองรอยยิ้มอ่อนใสของอีกฝ่ายแล้วอดยิ้มตอบไม่ได้

“นายยังดี ฉันสิทั้งสติทั้งสตางค์ไม่มีเอาเสียเลย เฮ้อ...น่ากลุ้มใจแทนตัวเอง” หญิงสาวส่ายหน้ายิ้ม ๆ นึกระอาตัวเอง

“ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็นอนพักเถอะ ไม่ต้องห่วงงานมากนัก เดี๋ยวจะยิ่งเป็นหนัก” ชายหนุ่มรั้งแผ่นหลังน้ำฝนไว้จะพาเดินกลับเข้าห้อง ในขณะที่หล่อนขืนตัวไว้เต็มกำลัง

“ไม่เป็นไร ฉันแข็งแรงจะตาย ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วยกับใครเขา นายไม่ต้องห่วงว่าฉันจะมาตายลงกลางไร่หรอกน่า” หญิงสาวกล่าวอวดตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง

เอกศักดิ์ค่อยโล่งใจเมื่อเห็นน้ำฝนพูดเล่นได้อีกครั้งเลยปล่อยหล่อนเป็นอิสระ
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณในไร่ก่อนค่อยแวะเข้าสำนักงาน”

“อย่าเลย กวนนายเปล่า ๆ เดี๋ยวฉันไปเอง” น้ำฝนพูดกับอีกฝ่าย ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมาก

“ไม่กวนหรอก ผมเต็มใจ” น้ำเสียงเอื้ออาทรของเอกศักดิ์ทำให้หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเขาในใจ ดีที่หล่อนยังมีเพื่อนคอยเป็นห่วงเป็นใย ในชีวิตมีเพื่อนแท้สักคนก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากเดินเล่นด้วย แดดเริ่มออกแล้ว อากาศก็กำลังอุ่น เดินเพลิน ๆ เดี๋ยวก็ถึง ”

“ตามใจครับ แต่คุณอย่าลืมกินข้าวเช้าก่อนเข้าไร่นะ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งก่อนจะเดินถึง” ชายหนุ่มยังไม่วายหันมากำชับน้ำฝนก่อนจะผละจากไป

“สั่งอย่างกับเป็นพ่อฉันแหนะ นี่ถ้าไม่มองออกไปเห็นแต่หุบเขา ฉันคงนึกว่าโดนพ่อบังคับกินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนนะเนี่ย” หญิงสาวได้แต่บ่นไล่หลังคนตัวโตที่เดินตรงไปขึ้นรถจี๊ปพลางนึกถึงพ่อกับแม่จับใจ


**************************************************************************



แดดที่ทอลอดเรือนยอดของไม้ใหญ่ช่วยไล่ละอองหมอกและความเหน็บหนาวยามเช้าให้จางหายไป สายลมอ่อนเย็นที่พัดโชยมาปะทะตามเนื้อตัวขณะที่ตรวจงานในไร่ทำให้หญิงสาวรู้สึกแจ่มใสปลอดโปร่งขึ้น น้ำฝนใช้เวลาในช่วงเช้าเข้าไปดูแลความเรียบร้อยในไร่ ตั้งแต่บริเวณแปลงไม้ดอกต่าง ๆ ที่คนงานกำลังทยอยตัดดอกใหญ่ได้ขนาดและรวบรวมกันไว้เป็นกลุ่มเพื่อเตรียมบรรจุหีบห่อจนถึงบริเวณแปลงไม้ผลที่แต่ละต้นกำลังมีผลห้อยระย้าจนกิ่งแทบจะโน้มลงติดดิน ผลไม้เมืองหนาวที่ห่ามได้ที่ถูกริดลงจากต้นแล้วนำมาเรียงไว้ในลังดูน่ากิน โดยเฉพาะแอปเปิ้ลสีแดงอมชมพูที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชื่นใจเวลาเข้าใกล้

หลังจากตรวจไร่เสร็จในช่วงเช้า น้ำฝนก็นัดแนะกับวีพากันไปสำรวจบริเวณห้วยไม้รัก ลำธารที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติสำหรับการเพาะปลูกภายในไร่ น้ำในลำธารใสเย็นและเต็มฝั่งจนหญิงสาวถือโอกาสทำงานไปด้วย เล่นน้ำไปด้วย กว่าจะวัดความกว้างของห้วย รวมทั้งปริมาณและอัตราการไหลของน้ำในแต่ละจุดตามหน้าตัดลำน้ำ และเก็บน้ำเพื่อมาวิเคราะห์เสร็จ ก็บ่ายคล้อย

“พี่ฝนไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงเชียว” วีทักเมื่อหอบเครื่องมือวัดน้ำ และตัวอย่างน้ำขึ้นมาจากห้วยด้วยกัน

“สงสัยจะเล่นน้ำมากไปมั้ง นาน ๆ ได้ลงไปแช่น้ำเย็น ๆ แบบนี้ รู้สึกโล่งหัวดีจัง” น้ำฝนบิดน้ำออกจากเสื้อที่เปียกโชก พร้อมกันสะบัดผมที่ถักเป็นเปียไว้ด้านหลังไปมาเพื่อให้หมาดน้ำ

“พี่เข้าพักในร่มไม้ก่อนมั้ยฮะ แดดแรงแบบนี้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดแดดเข้า” วีชี้มือไปยังใต้ต้นมะกอกใหญ่ใกล้ฝั่งที่กำลังออกลูกสุกสีแดงจัด

“อย่าเลย รีบเอาอุปกรณ์ไปเก็บกันก่อนดีกว่า และพี่อยากเลยเข้าเรือนเพาะชำด้วย” น้ำฝนส่ายหน้าปฏิเสธ

“วีว่า พี่ฝนกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะฮะ เปียกมะลอกมะแลกขนาดนี้” วีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพลางทยอยจัดเก็บเครื่องมือลงกล่อง

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ตากลมไปก็แห้ง” น้ำฝนยังคงดึงดันอยากรีบทำงานให้เสร็จก่อนจะได้สบายใจ ไม่อยากให้งานคั่งค้างไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น

ดังนั้นเมื่อหญิงสาวกลับเข้าบ้านพักในตอนเย็นก็รู้สึกตัวรุม ๆ เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน เลยต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนพัก หลับไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเพราะพิษไข้ ครั้นมีไอเย็นส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ มาสัมผัสตามเนื้อตัวเพื่อไล่ความร้อนจึงต้องฝืนลืมตาขึ้น แต่ก็ปวดศีรษะเสียจนแทบจะพยุงตัวลุกจากเตียงไม่ไหว

“คุณค่อยยังชั่วขึ้นหรือยัง” เมื่อเห็นน้ำฝนขยับตัว ชายหนุ่มก็ก้มลงถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับกดบ่าหล่อนให้ทิ้งตัวลงนอนดังเดิม

“เห็นวีบอกว่า คุณเล่นน้ำตากแดดจนเป็นไข้ แถมยังปล่อยให้ตัวเปียกอีกครึ่งค่อนวัน” เอกศักดิ์เอ็ดน้ำฝนเบา ๆ พลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามซอกคอที่ร้อนระอุของหญิงสาว
“ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ คงโดนตีแล้วที่ไม่ยอมดูแลตัวเอง”

น้ำฝนพยายามส่ายหน้าหนีมือที่ยื่นมาอังหน้าผากเพื่อสำรวจอุณหภูมิในตัวหล่อน
“อือ...อย่าดุสิ ฉันเป็นไข้เดี๋ยวเดียวก็หาย วันนี้นอนมากหน่อย พรุ่งนี้ก็ค่อยยังชั่วแล้วละ”

ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าในความดื้อดึงของน้ำฝน
“คุณกินโจ๊กเสียหน่อย กินก่อนสักนิดจะได้กินยาลดไข้แล้วค่อยนอนพักต่อ ป้าอุ่นแกเตรียมไว้ให้แล้ว”
ชายหนุ่มพยุงน้ำฝนให้ลุกขึ้นนั่ง พลางถือชามอาหารที่กำลังอุ่น ๆ พร้อมกับตักเตรียมจะป้อนให้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกินเองได้” น้ำฝนรีบออกปากค้าน ไม่คุ้นที่จะมีคนคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ

“ไม่เป็นไรเหมือนกัน คุณอยู่นิ่ง ๆ เถอะ เดี๋ยวผมป้อนเอง” ชายหนุ่มกล่าวล้อ เมื่อเห็นน้ำฝนมีสีหน้ากระอักกระอ่วนบ่ายเบี่ยง

“นายไม่ต้องดีกับฉันขนาดนี้หรอก แค่นี้ฉันก็รู้สึกเป็นภาระนายยังไงชอบกล” หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ

“คุณคิดมากอีกแล้ว ทุกสิ่งที่ผมทำให้คุณ ผมเต็มใจและตั้งใจเสมอ”
สายตาชายหนุ่มที่มองมาทำให้น้ำฝนได้แต่เงียบ ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเพราะหล่อนเองก็รู้สึกเพลียจนไม่มีแรงและหิวจนแสบท้อง หญิงสาวกลืนหาย กลืนหาย พริบตาเดียวข้าวก็เกลี้ยงชาม ทำให้เอกศักดิ์เผลอยิ้มขณะป้อนคนตรงหน้า

“กินจุแบบนี้ ไม่เห็นอ้วนเสียที” เขาพึมพำออกมา เล่นเอาน้ำฝนค้อนตากลับ

“รับรองนายเลี้ยงฉันไม่เสียข้าวสุกเยอะหรอก เพราะฉันชอบกินแต่กับ หรือถ้าไม่มีข้าว ขอเป็นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ฉันกินง่ายจะตายไป แต่ที่กินเข้าไปทั้งหมดก็เอาไปใช้ทำงานให้นายนั่นแหละ” คนกินง่ายรีบอรรถาธิบายการกินจุของตนเอง พอมีอาหารตกถึงท้องน้ำฝนก็เริ่มมีแรง

“ผมไม่กลัวหรอกว่าจะต้องเลี้ยงคุณตลอดชีวิต”
เอกศักดิ์ทอดสายตามองคนตรงหน้าที่ไม่สนใจจะฟังเพราะมัวแต่มองยาลดไข้ขนาดใหญ่ในมือเขา

“ฉันไม่กินยาได้มั้ย” น้ำฝนสั่นหน้าไปมาอย่างกังวล

“คุณโตแล้วยังกินยายากอยู่อีกหรือ” สีหน้าชายหนุ่มระบายไปด้วยรอยยิ้ม คิดถึงสมัยเด็ก ๆ ที่ว่าถ้าน้ำฝนไม่สบายจนทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ขอฉีดยามากกว่าจะยอมกินยา

“อืม... ก็เม็ดมันใหญ่นี่ เดี๋ยวมันติดคอแล้วจะทำยังไงละ ฉันกลัวหายใจไม่ออก” น้ำฝนนึกภาพตามคำพูดตนเองแล้วยิ่งส่ายหน้าแรง ๆ

“ทีอย่างอื่นละเก่งกล้าสารพัด กลับมากลัวแค่ยาเม็ดเท่านี้” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเห็นขำ พลางหักเม็ดยาออกเป็นครึ่ง ก่อนจะบังคับให้คนหน้าเหยเกกิน

“ที่จริง ตอนไม่สบายคุณก็ว่าง่ายดีนะ ฤทธิ์ไม่มากเหมือนปรกติ” เอกศักดิ์ล้อคนป่วยที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีปากมีเสียงหรือช่างต่อล้อต่อเถียงเหมือนเดิม เล่นเอาคนว่าง่ายส่งสายตาอาฆาตฝากเขาไว้ก่อน

“คุณนอนพักเสียเถอะ” ชายหนุ่มจับให้น้ำฝนล้มตัวลงนอนพลางห่มผ้าให้อย่างเบามือ ก่อนจะใช้หลังมืออังที่หน้าผากอีกครั้งพร้อมกับเกลี่ยผมยาวนุ่มสลวยของหญิงสาวให้พ้นจากวงหน้าแดงก่ำ

น้ำฝนเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอมออกนอกห้อง แต่กลับหันหลังตรงไปนั่งที่โซฟายาวริมห้องแทน ก็อดถามไม่ได้
“แล้วนายไม่ไปนอนหรือ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็วิ่งได้แล้ว”

“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อน เผื่อคุณหิวน้ำ หรืออยากลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก ผมจะได้ช่วยดูให้”
เอกศักดิ์ตอบเรื่อย ๆ พลางส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเงียบแล้วนอนเสีย

“นับว่านายยังมีความดีอยู่มาก เดี๋ยวฉันจะช่วยเป่าประกาศความดีให้สาว ๆ นายฟังก็แล้วกันนะ เป็นค่าตอบแทน”
น้ำฝนส่งยิ้มให้เขาก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็พออุ่นใจที่มีชายหนุ่มอยู่ข้าง ๆ นี่ถ้าอยู่เพียงลำพังยามเจ็บไข้ได้ป่วย มิต้องลากสังขารไปหุงข้าวต้มกินเองหรือนี่ ถึงอย่างไรเรื่องกินก็ยังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหล่อนอยู่ดีต่อให้เจ็บเจียนตายก็เถอะ

เอกศักดิ์เห็นอีกฝ่ายค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจลงอย่างสม่ำเสมอก็ทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกบนโซฟาพลางพินิจใบหน้านวลที่หลับสนิทอยู่บนเตียง นึกสงสารคนเป็นไข้ นี่ถ้าหล่อนไม่สบายขณะอยู่บ้านคงได้อ้อนพ่อกับแม่ มาอยู่ห่างไกลแบบนี้เวลาไม่สบายก็คงคิดถึงบ้านมากกว่าธรรมดา ใจเขาอยากให้น้ำฝนรู้ว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของหล่อน บ้านที่มีเขาคอยห่วงใยเฝ้าดูแลอย่างจริงใจ มีอ้อมแขนให้หนุนนอนยามอ่อนล้า มีอ้อมอกไว้คอยซับน้ำตา มีกำลังใจเคียงข้างยามเผชิญปัญหา แต่ไม่รู้เมื่อไหร่หญิงสาวจะเปิดใจยอมรับเขาเข้าไปในหัวใจ






Create Date : 27 พฤษภาคม 2549
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 18:59:00 น. 0 comments
Counter : 168 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธราธร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หากมิเริ่มเพียงก้าว
เจ้าตรองดู
ฤาหาญสู้
อุปสรรคอีกนับพัน
Friends' blogs
[Add ธราธร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.