เฒ่าสายลับ....(ทับสายเหล้า)
บทที่ 7 ในที่สุด ในที่สุด - 12 วันเดิมพันรัก (The 12 Plus! Loving me)

บทที่ 7
ในที่สุด ในที่สุด


“เปี๊ยก.พี่เสียใจว่ะ....เปี๊ยก..!!...พี่เสียใจว่ะ....พี่ขอโทษ....ทำไม่ได้”

“อ้าว..!! พี่เต้ละเมออีกแล้ว..เสียใจอะไรน่ะ คงจะฝันร้ายแน่” เปี๊ยกพูดกับตัวเอง พร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“พี่เต้..!!ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง พี่หลับไปตั้งสองชั่วโมงแน่ะ” เปี๊ยกที่ตามมาเฝ้าคนป่วยถามด้วยความ
ดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มรู้สึกตัว

จุติพงษ์ลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เขาไม่คุ้นเลย รู้สึกมึนงง ตาลายกับเจ็บที่
แขนซึ่งมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่

“เฮ้ยเปี๊ยก..!! พี่มานอนที่นี่ได้ยังไงวะ อือ เมื่อกี้นี้พี่ยังชั่งน้ำหนักอยู่เลย หรือว่าฝันไป” ชายหนุ่ม
พึมพำ จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

“พี่เต้..พี่จำไม่ได้จริงๆ เหรอ พี่น่ะเป็นลม สลบไปตั้งแต่ตอนชั่งน้ำหนักเสร็จไปสักพัก แล้วพี่รู้อะไร
ละเปล่า” เปี๊ยกทำเป็นอมพะนำ

“รู้อะไรวะเปี๊ยก“ เต้ซึ่งยังคงมึนๆ อยู่พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ในตอนเช้า

“เอ้า..!! รู้อะไรก็บอกมาซีวะ เออ..เราแพ้ใช่ไหมเปี๊ยก” ชายหนุ่มทำเสียงเศร้า

เปี๊ยกก็เลยเล่าย้อนให้ฟังว่า


“เดี๋ยวครับ..!! เดี๋ยว...ขอชั่งอีกคนครับ”

ทุกคนหันไปมองเจ้าของเสียง เจ้าเปี๊ยกวิ่งสำลักน้ำลายกระหืดกระหอบมาแต่ไกล ตามมาด้วยเต้เพื่อนคู่ซี้ ซึ่งเดินเข้ามาด้วยหน้าตาอันซีดเซียว อ่อนระโหยโรยแรง เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากไข้หนัก

“คุณมาสายนะ เขาแข่งกันจบไปแล้วรู้ไหม..!! อือ..จะให้ชั่งดีไหมเนี้ย เอ้า...พวกเราทุกคนว่ายังไง” แอนนี่หันไปถามพนักงานทั้งหมดเชิงขอความเห็น

“ให้ชั่ง..!! ให้ชั่ง..!!ให้ชั่ง..!!” ทุกคนต่างพร้อมใจกันตระโกนเป็นเสียงเดียว พร้อมกับปรบมือกันเกรียว

“ฮึ!... ไอ้ติ่ง ทำไมเป็นแบบนี้ได้วะ กูจะชนะอยู่แล้วเชียว..!!” บอยกัดฟันกระซิบกับติ่งอย่างคั่งแค้นที่ไม่
เป็นไปตามแผน แต่ก็ไม่กล้าจะโวยวายกับแอนนี่

“นั่นซิพี่ ผมนึกว่าพวกมันคงมากันไม่ไหวแล้ว เสือกมากันได้อีก “

จุติพงษ์ วันนี้ไม่หลงเหลือแล้วซึ่งความเท่ ความหล่อ หน้าซีดเป็นไก่ตุ๋นมะนาวดอง คล้ายคนจะเป็นลม ความอ่อนเพลียอิดโรย ดูไร้เรี่ยวแรง อันมีผลมาจากการต้องเสียน้ำ เพราะท้องเสียอย่างแรง แต่เขาต้องพยายามกัดฟันสู้อีกครั้ง เพื่อชัยชนะ เพื่อเปี๊ยกเพื่อนรักของเขาจะได้ไม่ต้องเสียเงินเดิมพันราคาแพง

เหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ผุดออกมาจากใบหน้าของชายหนุ่ม ทั้งๆ ที่ห้องประชุมแสนจะเย็นฉ่ำ เขาค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้น
ไปบนเครื่องชั่งอย่างหมดแรงเหมือนก้าวสู่ลานประหาร ทุกคนจับจ้องอยู่ที่จอเครื่องชั่งตาไม่กะพริบ
ไม่เว้นแม้กระทั่ง เปี๊ยก บอย ติ่ง และแอนนี่

เต้ขึ้นไปยืนนิ่ง หลับตาไม่มองเครื่องชั่ง ทั้งห้องเงียบกริบ แทบไม่มีใครกล้าหายใจ แล้วเสียงแอนนี่ก็
ทำลายความเงียบ

“คุณเต้ ช่างได้..!! อือ เจ็ดสีบ...สี่...จูด...ก้าวห้ากิโลแกม..!!??”

เจ้าบอยกับเจ้าติ่งแทบแบบไม่เชื่อสายตา และหูของตัวเอง

“เฮ้ย..!!ไม่จริง..!! ไม่จริง..!!เป็นไปไม่ได้..!! มันจะลดลง เกือบสองโลฯ ภายในคืนเดียวได้อย่างไร” เจ้าบอยเผลออุทานเสียงดัง

“ฮ่า..!!ฮ่า..!! ฮ่า..!! เป็นไปได้ และเป็นไปแล้วว้อย ก็...!! ก็โดนยาถ่ายที่หมาบางตัวมันแอบเอามาใส่ในกาแฟให้กินซะขนาดนั้น มันก็ต้องเสียน้ำ เสียน้ำหนักเป็นธรรมดา เรื่องง่ายๆ ” เปี๊ยกพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่มองหน้าเจ้าบอยซึ่งหันไปมองพร้อมกับทำตาเขียวใส่ด้วยความโกรธ

บอยเองก็คาดไม่ถึงว่ากับการแกล้งวางยา จะกลับกลายเป็นส่งผลดีให้กับคู่ต่อสู้ในที่สุด เขาน่าจะนึกได้ จนรู้สึกว่าอยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ สักร้อยครั้งกับกระทืบเจ้าติ่งคนออกอุบายชั่วๆ ครั้งนี้

“และผู้ชนะเลิศการแข่งขันลดน้ำหนักครั้งนี้” แอนนี่หยิบกระดาษแผ่นใหม่ ซึ่งคำนวณน้ำหนักอีกครั้งเสร็จสิ้น ขึ้นมาประกาศ พร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นสูง ทำท่าประกอบเลียนแบบพิธีกรรายการเกมโชว์ชื่อดังทางทีวี

“ละก็..!! ละก็..!! ละก็..!!...ละก็!! เป็นคุณเต้ จุติพงษ์ค่า!!”
เสียงปรบมือดังกึกก้องห้องประชุมแห่งนี้ นานแสนนาน

“เย้..!! เย้..!!” เปี๊ยกร้องตะโกนด้วยความดีใจสุดขีดกระโดดไปมา พร้อมกับกำหมัดดึงกำปั้นเข้าหาตัวอย่าง
สะใจ หลังแอนนี่ประกาศชัยชนะเด็ดขาด ผิดกับจุติพงษ์ที่เริ่มตาลาย เพราะความอ่อนเพลียสุดๆ

“โครม..!!??” เสียงดังสนั่นเป็นเต้ที่หงายหลังตึงล้มทั้งยืน

โอ้!...ผู้ชนะเป็นลมไปเสียแล้ว!!...



ในที่สุด...

“พี่เต้ เราชนะ..!! ได้ยินไหมพี่..!! เราชนะ..!!

เต้ตกใจตื่นจากภวังค์ทั้งปวง หลังจากฟังเปี๊ยกเล่าจนเหมือนย้อนกลับไปในเหตุการณ์

“เฮ้ย..!!?? จริงเหรอวะเปี๊ยก แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม

“จริงดิพี่ ผมจะล้อเล่นทำไม พี่ดูนี่เลย” เปี๊ยกควักแบ๊งค์ออกมาสองปึก แล้วส่งให้ชายหนุ่มหนึ่งปึก

“เฮ้ย..!! จริงนี่หว่า เราชนะจริงๆ ด้วย” เต้เผลอตัวลุกขึ้นนั่ง เหมือนไม่มีอาการป่วยใดๆ

“อันนี้เงินรางวัลของพี่เต้ผมเข้าไปรับแทนพี่จากแอนนี่ ส่วนอันนี้ของผม สะใจมากเลยพี่ เงินพนันของไอ้บอยหมื่นนึงที่มันแพ้เรา มันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยพี่ นี่ล่ะน้า...ให้ทุกข์แก่ท่าน เงินรางวัลเลยเป็นของเรา”

“สุภาษิตอะไรของแกวะเปี๊ยก พี่ไม่เคยได้ยินเลยว่ะ” ความจริงชายหนุ่มพอจะรู้ว่ามันหมายความถึงอะไร

“ก็..ให้ทุกข์แก่ท่านแปลว่า..มันวางยาเรา-จนผมกับพี่-ขี้ไม่เลิก-น้ำหนักลด-เราชนะ-เงินรางวัลก็เลยเป็นของเราไงพี่เต้ เข้าใจไหม เหอ เหอ” เปี๊ยกร่ายยาวเป็นกลอน

“ซะงั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อาการอ่อนเพลียหายเป็นปลิดทิ้งในบัดดล แล้วสายตาจุติพงษ์ดันเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยักษ์ที่วางบนโต๊ะข้างเตียง


“เฮ้ยเปี๊ยก..!! อย่าบอกนะว่าแกน่ะ ทำเป็นหวานแหวว เอาดอกไม้มาเยี่ยมพี่ ไม่งั้นล่ะ กู-จะ-อ้วกว่ะเปี๊ยก ยิ่งเพลียๆ อยู่ เหอะ เหอะ” เต้ต้องประหลาดใจ เพราะช่อดอกไม้สดทั้งช่อที่มัดไว้เหมือนจะส่งขาย ไม่ใช่สำหรับเยี่ยมไข้

“อือ มัวแต่ดีใจลืมไปเลย เมื่อเช้าตอนพี่เป็นลมไป มีโทรฯเข้ามือถือพี่ ผมเลยรับแทน เป็นเสียงสาวถามหาพี่เต้ ผมเลยบอกว่าพี่นอนเล่นอยู่โรงพยาบาลนี้ๆ เป็นอย่างนี้ๆ ไม่นึกว่าเธอจะมาเลย แหมๆ พี่เต้ผมไม่เบาเลยนะ มีสาวนิรนามเอาดอกไม้มาเยี่ยมไข้แต่เช้าเลย คราวนี้พี่ไม่ยักเล่าให้ผมฟังเลยแหะ ซุ่มเลย พี่เรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เปี๊ยกมัวแต่ดีใจที่ได้รับเงิน เลยเพิ่งจะเล่าเรื่องสาวมาหาให้ชายหนุ่มฟัง

“เฮ้ยใครวะเปี๊ยก ไม่เห็นรู้จักเลย แล้วไปไหนแล้วล่ะ” เต้ชักจะงง

“เธอมาแป๊บเดียวล่ะพี่ พอเห็นว่าพี่นอนหลับอยู่ ก็มายืนมองหน้าพี่สักพักแล้วขอตัวกลับเลย บอกต้องไปธุระที่อื่นต่อ ฝากแค่ช่อดอกไม้นี้ ไม่บอกชื่อบอกแซ่ บอกแค่ว่าพี่เต้เป็นผู้มีพระคุณกับเธอ เดี๋ยวพี่เต้คงทราบเอง เมื่อเห็นดอกไม้ช่อนี้” เปี๊ยกรายงานชายหนุ่มอย่างละเอียดทุกถ้อยคำของหญิงสาว

“เฮ้ย..!! เปี๊ยกใครกันวะ..!!?? ใครมีพระคุณใคร แล้วหน้าตาเป็นยังไงวะเปี๊ยก” ชายหนุ่มเริ่มปวดหัวหนึบ เพราะนึกไม่ออกว่าใครที่ไหนมาเยี่ยมเขาแต่เช้า

“อือ พี่อย่าว่าผมนะ เหอ เหอ พอดีผมไม่ได้ดูหน้าเธอเลย มัวดูอย่างอื่น เหอ เหอ เหอ” เจ้าเปี๊ยกไม่วายเล่นลิ้นออกเรทเอ็กซ์

“เออ..!! ก็ขาวๆ หมวยๆ น่ะพี่ ถ้าพี่ไม่รู้จักแล้วผมจะรู้เหรอว่าเธอเป็นใคร” มันก็จริงของเจ้าเปี๊ยก

“ก็เขาบอกว่า พี่เต้เห็นช่อดอกไม้ของเขาแล้วพี่จะรู้เอง” เจ้าเปี๊ยกเดินอ้อมไปหยิบช่อดอกไม้ส่งให้ชายหนุ่มพิจารณา

“อือ..ดอกไม้..!!??” จุติพงษ์หมุนช่อดอกไม้ไปมาพยายามนึก

“หนึ่งฤทัย..!!?? คุณหนึ่งเหรอ เป็นไปไม่ได้..หรือว่า” เต้พึมพำกับตัวเอง

“อือ..จำได้ว่าตัวใหญ่มากอ้วนด้วยนี่นา ก็ตอนที่เขาอุ้มเราออกจากรถ...เอ ทำไมดูผอม คนเดียวกันละเปล่าหว่า” หนึ่งฤทัยพูดกับตัวเอง นึกถึงวันนั้นวันที่ชายหนุ่มช่วยเธอไว้ กับวันนี้ที่เจอตัวจริงอีกครั้ง ที่หญิงสาวต้องรีบกลับออกมา เพราะกลัวชายหนุ่มจะฟื้นขึ้นมาพบแล้วเธอก็คงจะอดเขินไม่ได้

“ ตู๊ด..!! ต่อให้ฉันต้องรอเธออีกนานกี่ลมหายใจ แต่ว่าฉันก็รู้สึกที่ไหนสักที่หนึ่ง เราต้องได้เจอะกัน”

แค่ฟังเสียงเรียกเข้าพิเศษที่ตั้งไว้ หนึ่งฤทัยก็รู้เลย ว่าใครโทรมา หญิงสาวแอบยิ้มในใจ กะแล้วเชียวเดี๋ยวต้องโทรมา

“สวัสดีค่ะ คุณเต้ ตื่นแล้วเหรอคะ เป็นไงบ้าง ค่อยยังชั่วละยังคะ” หญิงสาวถามด้วยความห่วงใย

“เย้...!!?? เป็นคุณหนึ่งจริงๆ ด้วย สวัสดีครับ สวัสดีมากเลยครับ” ชายหนุ่มดีใจจนลนลาน เมื่อรู้ว่าสาวที่มาเยี่ยมไข้เป็นหนึ่งฤทัยผู้หญิงที่เขาแอบชื่นชม

“อ้าวก็เป็นหนึ่งซิคะ ก็คุณเต้โทรมาหาหนึ่งไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวแกล้งย้อน เพื่อกลบความเขิน ทำไมเธอต้องรู้สึกเขินกับผู้ชายคนนี้ด้วยนะ

“อ๋อ....หมายความว่า ใช่คุณหนึ่งจริงๆ ที่มาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลน่ะครับ เป็นห่วง...เอ้ย..!! เป็นเกียรติอย่างยิ่ง เอ้ย..!! อา..!! ขอบคุณครับคุณหนึ่ง...เฮ้อ..!!” ชายหนุ่มรู้สึกรำคาญกับตัวเองจริงๆ ชอบพูดผิดพูดถูกเวลาดีใจและเขิน

“อือ..ไม่เป็นไรค่ะคุณเต้” หญิงสาวแอบหัวเราะคิกๆ แต่เอามือปิดปากไว้ เธอขำๆ กับความประหม่าของชายหนุ่ม และตัวเธอเองก็เขินไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย แต่พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติจนสุดความสามารถ

“ คุณเต้ไปทำอะไรมาคะ ถึงได้เป็นลมซะขนาดนี้ หนึ่งรู้สึกว่าคุณผอมลงไปมากเลย ไม่สบายเป็นอะไรไปละเปล่าคะ” หนึ่งฤทัยอดห่วงไม่ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ชายหนุ่มเป็น.....?? น้ำหนักตัวถึงได้ลดฮวบฮาบซะขนาดนี้ หวังว่าเขาคงไม่ได้เป็น.....?? นะ

“อือ..!! เรื่องมันยาวครับ แล้วผมจะเล่าให้คุณหนึ่งฟังนะครับ ว่าแต่คุณมานี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับฝันๆ ไป

“อือ..พอดีหนึ่งมาส่งดอกไม้ให้ลูกค้าโรงแรมค่ะ แล้วเลยมารับพวกอุปกรณ์ทำสวนที่สั่งซื้อเอาไว้” หญิงสาวไม่ได้เข้ามากรุงเทพฯบ่อยนัก แต่คราวนี้ ลูกค้าโรงแรมหลายแห่งออเดอร์รวมๆ กันมาเยอะเลยคิดว่ามาส่งในคราวเดียว พร้อมกับหาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือทำสวนไปเพิ่มเติม

“ก็...ก็เลยถือโอกาส โทรหาคุณเต้ ว่าจะไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ คุณเต้สักมื้อ พอดีคุณมาป่วยซะก่อน” หนึ่งฤทัยทำเสียงเหี่ยวๆ

“อ้า...!! ผมหายป่วยพอดีเลยครับ สบายดีมากเลยคุณหนึ่ง” ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันใด

“อือ..!! อือ..!!ผมอยากพบคุณมากเลยครับคุณหนึ่ง คิดถึงคุณหนึ่งครับ..!!”ชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคยากลำบากออกไป

อือ..!! ขอบคุณนะคะที่คิดถึง เออ..!! เช่นกันค่ะ..!! ใบหน้าขาวๆ เริ่มแดงขึ้นมาด้วยเลือดฝาด เธอตอบชายหนุ่มออกไปแบบไม่รู้ตัว

“งั้น...เย็นนี้เราทานข้าวกันนะครับคุณหนึ่ง นะ นะ” ชายหนุ่มลุ้นสุดชีวิตกับคำตอบ

“อือ หนึ่งก็อยากไปเหมือนกันนะคะ..!!”

“งั้นเจอกันกี่โมงดีครับ” เต้ลิ่งโลดเหมือนลูกหมาดีใจ

“แต่...!! ไว้โอกาสหน้านะคะคุณเต้” หญิงสาวไม่อยากจะพูดคำนี้ออกมาเลย เขาคงจะผิดหวัง

“เออ..หนึ่งขับรถกลับจวนจะถึงบ้านแล้วค่ะ..ต้องขอโทษจริงๆ เลยนะคะ”

“อ๋อ..!! เหรอครับ ไม่เป็นไรครับ” เสียงของชายหนุ่มเหี่ยวขึ้นมาในทันใด เหมือนลูกหมาหงอย ส่วนหนึ่งฤทัยก็รู้สึกใจหายอย่างไม่มีสาเหตุ

“คุณเต้ขา..ไว้โอกาสหน้านะคะ นะคะ รับรองไม่เบี้ยวแน่นอน หนึ่งไม่หนีคุณเต้ไปไหนหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดปลอบใจ

“จริงนะครับคุณหนึ่ง” เต้รู้สึกค่อยยังชั่ว ยังมีความหวัง

“จริงสิคะ หนึ่งสัญญา”

“งั้นคุณหนึ่งขับรถดีๆ นะครับ เป็นห่วงนะครับ”

หลังจากวางสายฯ หญิงสาวเหมือนดั่งต้องมนต์ เธอรู้สึกปลื้มปิติกับคำเป็นห่วงเป็นใยของชายหนุ่มที่ยังก้องอยู่ในหู ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง



Create Date : 22 มกราคม 2553
Last Update : 25 มกราคม 2553 21:28:10 น. 0 comments
Counter : 370 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tesss
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เฒ่าสายลับ

ลายปากกา


Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Tesss's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.