เฒ่าสายลับ....(ทับสายเหล้า)
บทที่ 2 เตรียมพร้อม เดิมพัน - 12 วันเดิมพันรัก (The 12 Plus! Loving me)





บทที่ 2
เตรียมพร้อม เดิมพัน


กรุงเทพฯ ทุกวันก็เหมือนเดิมๆ เส้นทางเดิมๆ รถรามากมายขวักไขว่เริ่มติดกันตั้งแต่เช้ามืด จุติพงษ์ขับรถเปอร์โยต์ 505 คู่ใจมาทำงานตามปรกติ เขารู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว หลังกลับมาจากการไปช่วยถ่ายรูปให้กับงานแต่งงานลูกค้าของนิดาที่สวนแตนเมื่อคืนวาน

เต้ขับรถไป นั่งบิดขี้เกียจไป ชายหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาปวดหลังไม่หาย ต้องเป็นตอนที่เขาไปอุ้มสาวเมื่อวานตอนเช้าแน่ๆ เลย

ชายหนุ่มยังจำได้ดี เขานึกขำอยู่ในใจ เมื่อทีมงานเล่าให้ฟังว่ายายนิดาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เพราะทั้งดอกไม้ที่สั่งไว้ก็ไม่มาส่งตามเวลา แถมช่างภาพก็คือตัวเขาเองหายหัวไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้า และไม่ยอมเอาโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็วีนเอาทีมงานแหยงไปตามๆ กัน

งานแต่งงานในหุบเขาค่ำคืนนั้น มันช่างเป็นงานแต่งงานที่แสนจะโรแมนติกที่สุดงานหนึ่ง นับตั้งแต่เขาเคยไปงานแต่งงานที่ไหนๆ มา ชายหนุ่มนึกชมนิดาที่ออกแบบงานได้น่ารักยิ่ง แปลกแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นิดาขนมาทั้ง แสง เสียง อุปกรณ์ไฮเท็คล่าสุด เท่าที่จะหามาได้

เธอทำโมโนแกรมตัวอักษรย่อสองตัวของคู่บ่าวสาว เป็นลวดลายภาษาอังกฤษแบบโบราณคล้องเกี่ยวไว้ด้วยกันอย่างงดงาม แล้วฉายด้วยแสงเลเซอร์ขึ้นไปบนท้องฟ้ากราดไปทั่วงาน บนฟลอร์เต้นรำ แม้กระทั่งเนินเขาทุกลูกที่ลำแสงเลเซอร์จะสาดส่องไปถึง

มันช่างเป็นคืนที่ประทับใจมากสำหรับเขา ทำให้เต้คิดจินตนาการไปไกลกับภาพของใครบางคนที่ยังไม่ลืมเลือนไปจากจิตใจของชายหนุ่ม…

ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ สาวน้อยคนที่เขาพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล คิดแล้วก็ต้องถอนใจ

“เฮ้ออ..!! สาวที่ไหนจะมาชอบแกวะนายเต้ ถ้าแกยังเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มพูดเตือนสติไม่ให้คิดเพ้อเจ้อไปอีก หรือไม่เช่นนั้นเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง

เต้เลิกคิ้วเล็กน้อย พลันดวงตาเริ่มเป็นประกาย เขาอมยิ้มนิดๆ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ว่า เขาต้องทำอย่างไรกับตัวเอง…

เมื่อรถแต่ละคันเริ่มเคลื่อน มือของเขาเบี่ยงพวงมาลัย เท้าของชายหนุ่มรีบแตะคันเร่ง ส่งให้รถของเขาพุ่งทะยานหนีฝ่าจากจุดจราจรหนาแน่นและวุ่นวายออกมาได้ เขาเปลี่ยนเส้นทางใหม่รีบมุ่งหน้าเข้าเมืองไปยังที่ทำงานในทันที



แอร์เย็นฉ่ำเปิดทิ้งไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อเลี้ยงความเย็นให้เซิฟเว่อร์หลายสิบตัวของบริษัททางการเงินที่เต้ จุติพงษ์ทำงานอยู่ ทำให้พนักงานอ้วนๆ ทั้งสิบห้าคนที่มารอช่างน้ำหนัก เพื่อการแข่งขันเวทคอนเทสต์ หรือ เดอะบิ๊กเก็ทลูสเซอร์ ต้องรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกรวมทั้งตัวเขาเองด้วย เพราะทุกคนต้องถอดเสื้อออกหมด ให้เหลือแค่กางเกงได้ตัวเดียว

“หนาวชิบเป๋ง..!!” เจ้าบอยหนุ่มหน้าตี๋นิสัยแสบ คู่ปรับตลอดกาลของนายเต้และเจ้าเปี๊ยกเพื่อนสนิทรุ่นน้องของเต้เริ่มบ่นออกอาการกวนเบื้องต่ำ

“ถ้าไม่เกรงใจแอนนี่ จ้างให้ผมก็ไม่ลงแข่งด้วยหรอก ไม่ได้อยากจะได้เลยไอ้เงินรางวัลกระจอกๆ นี่ ขอบอก” เจ้าบอยพูดพลางจ้องหน้านายเต้กับเจ้าเปี๊ยกเขม็ง

“เออ..ไอ้บอย กูรู้ว่ามึงน่ะรวย ไม่อยากได้เงินรางวัล มึงจะไม่ลงแข่งก็ได้นี่หว่า ใครเขาจะว่ามึงเหรอ ...ไหนๆ ใครที่ไหนจะบังอาจกล้าว่าคุณเสี่ยบอย เดี๋ยวกูจะกระทืบให้มึงเอง” เจ้าเปี๊ยกเพื่อนรุ่นเดียวกับเจ้าบอยที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันพูดยียวนสวนประชดประชันทันทีด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเจ้าบอยเห็นเจ้าเปี๊ยกเอาจริง ก็เลยจำเป็นต้องหุบปากทำตัวเงียบๆ ไป

ก็เพราะบอสใหญ่แอนนี่ ฝรั่งสาวชาวอเมริกัน รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการผู้ใจดีอยากให้พนักงานทุกคนมีสุขภาพที่ดี เลยมีความคิดจะจับพนักงานที่มีรูปร่างท้วม น้ำหนักเกินมาตรฐานทั้งหลายมาลดน้ำหนักให้หมด จึงนำการแข่งขัน เวทคอนเทสต์ แบบมีเงินเดิมพันมาใช้ล่อพนักงาน กึ่งบังคับแกมขอร้องให้พนักงานอ้วนๆทุกคนลงเล่น เพื่อลดน้ำหนักตัวเอง โดยให้มีการเดิมพันลงขันด้วยเงินของคนที่ร่วมทำการแข่งขันทุกคน เมื่อรวม ๆ กันแล้วก็เป็นเงินเดิมพันที่มีมูลค่าไม่น้อยทีเดียวสำหรับผู้ชนะที่ลดน้ำหนักได้มากที่สุด

จุติพงษ์ก็เป็นอีกคนที่มีน้ำหนักตัวเหยียบร้อยกิโล ด้วยรูปร่างอ้วนใหญ่ ผิวเข้ม ทำให้เป็นที่ล้อเลียน ของเพื่อนๆ และบรรดาสาวๆ ในบริษัทฯ


“ลุงเต้ จะไปไหนคร้าบ เดี๋ยวผมเอารถเข็นมาเข็นให้เอาละเปล่า”...

“อ้าว! พี่เต้ท้องคราวนี้นานจัง ยังไม่คลอดซักทีนะ”...

“โห!..เธอ พี่เต้เขากินง่าย ไม่เรื่องมากเหมือนเธอหรอก พี่เต้เขากินทุกอย่างเลยเธอ” ฮา...

“พี่เต้ เขาใส่กางเกงเลไม่ต้องผูกเลยนะ พอดีตัวเด๊ะ”...

“พี่เขาไปไหนมาไหนเร็วกว่าชาวบ้าน พี่เต้เขาใช้กลิ้งไปน่ะ”...

“ผมว่าพี่เต้เขาตัวเล็กนะ... เล็กกว่าภูเขานิดเดียว”...


และอย่างงานวันคริสต์มาสปีก่อน นายใหญ่ผู้อำนวยการชี้ไปที่เต้ แล้วกระซิบบอกน้องแอนเลขาฯ สาวกับเพื่อนๆ แล้วทุกคนก็พาหัวเราะกันหมด มารู้ที่หลังว่า นายเต้ที่ยืนคู่อยู่กับซานตาคลอสบนเวทีงานเลี้ยง ดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นซานตาคลอสกันแน่

ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะโมโห หรือโกรธใครๆ ที่คอยล้อเลียนเรื่องอ้วนๆ ของเขาเลย เขายอมรับมันแต่โดยดีกับความอ้วนดำของตัวเอง

แต่บัดนี้ นาทีนี้...จุติพงษ์เกิดความคิดอยากจะลดความอ้วนขึ้นมาอย่างกะทันหัน อาจเป็นเพราะใครบางคน เขาจึงไม่รีรอที่จะตอบรับคำเชิญลงแข่งขันลดความอ้วนในครั้งนี้กับแอนนี่ เจ้านายของเขา ชายหนุ่มคิดว่าคงไม่ยากนักที่จะลดน้ำหนักให้ได้จริงๆ ถ้าเขาจะตั้งใจและมุ่งมั่น เพื่อใครสักคน

“แกต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้พี่นะเปี๊ยก พี่เบื่อตัวเองเต็มทีแล้ว” เต้เอ่ยปากขอร้อง เจ้าเปี๊ยกเพื่อนรัก ที่เป็นเพื่อนสนิทรุ่นน้อง ระหว่างนั่งกินข้าวที่มุมห้องอาหารของบริษัทฯ ตอนพักเที่ยง

“ได้เลยพี่เต้ เอ่อ..!! ผมก็หมั่นใส้ ไอ้...่าบอยมันอยู่ด้วย พี่เต้ต้องชนะมันให้ได้นะงานนี้ ผมจะช่วยพี่เต้ลุ้นสุดชีวิตเลย” เจ้าเปี๊ยกกล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับกรอกสายตามองซ้ายมองขวา เหมือนกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินคำสนทนาของเขา

“อันที่จริงผมแอบไปท้าพนันไอ้บอยมาเมื่อเช้านี้เองนะพี่เต้ ว่าพี่จะชนะมัน แล้วมันก็ดันรับคำท้าผมซะด้วยซิ ว่าจะบอกพี่เต้เหมือนกัน” เจ้าเปี๊ยกสาธยายให้ชายหนุ่มฟัง

“อ้าว..!! ไม่เห็นพี่จะรู้เรื่องด้วยเลย แล้วนี่แกเอาพี่ไปพนันกับไอ้บอยมันไว้เท่าไหร่ล่ะ” เต้นึกไม่ถึงว่าเจ้าเปี๊ยกจะรวดเร็วได้เพียงนี้

“หมื่นหนึ่งเลยพี่เต้ พี่ต้องชนะให้ได้นะงานนี้ ไม่งั้นผมคงจนไปอีกนานเลย” เปี๊ยกรู้สึกมั่นใจว่าพี่เต้ของมันจะทำได้ ผิดกับชายหนุ่มกลับรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ

“เฮ้ย..!! ตั้งหมื่นเลยเหรอวะเปี๊ยก มันไม่มากไปเหรอ นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ทำไมไปพนันอะไรเยอะๆ แบบนี้ แกมั่นใจอะไรพี่มากขนาดนี้วะ ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาล่ะ พี่ไม่รับผิดชอบนะเว้ย” เต้แบ่งรับแบ่งสู้

“ก็เพราะมั่นใจน่ะซิ พี่ชนะแน่นอน ผมมั่นใจพี่พันเปอร์เซ็นต์ ผมรู้จักพี่เต้ดีกว่าใครๆ ลองถ้าพี่ตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง พี่ต้องทำสำเร็จ” เปี๊ยกพูดให้กำลังใจชายหนุ่มเป็นอย่างดี

“ที่จริงพี่แค่ต้องการลดน้ำหนักลงบ้างเท่านั้นน่ะ ไม่ได้คิดอยากจะได้เงินรางวัลสักเท่าไหร่หรอก แต่เห็นทีคราวนี้ต้องให้ชนะด้วยแล้ว ก็เพราะแก่ล่ะวะ ดันไปเดิมพันไว้ซะสูงเชียว พี่ขี้เกียจต้องมานั่งเลี้ยงข้าวแกทุกมื้อเป็นเดือนๆ ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...กรัก กรัก กรัก..!!” เพื่อนซี้สองคนสองวัยหัวเราะร่าได้อีกครั้ง

“ว่าแต่พี่เต้จะลดยังไงล่ะ ลงทุนเข้าคอร์สเลย หรือลดแบบไหนถึงจะได้ผลเร็วสุด เรามีเวลาแค่เดือนครึ่งเองนะพี่”เจ้าเปี๊ยกถามอย่างกังวล

“พี่คิดในใจไว้แล้วล่ะ มาจะอธิบายให้แกฟัง” ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยเล่าให้เขาฟังตอนเด็กๆ ที่ว่าคนสมัยโบราณน่ะไม่ค่อยจะอ้วนกันสักเท่าไหร่ สุขภาพก็ดี อายุก็ยืน ร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยจะเป็นโรคโน่นโรคนี่ เหมือนอย่างสมัยนี้

อาหารที่กินเข้าไปได้มาจากธรรมชาติ เก็บผัก ตกปลาไปตามเรื่องตามราว ไม่ต้องเอาไปปรุงแต่ง ใส่สีสันให้สวยงาม แต่อุดมไปด้วยสารเคมีนานาชนิด อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“อันดับแรกเลย แกต้องช่วยพี่ควบคุมเรื่องอาหาร” เต้เริ่มวางแผนการลดน้ำหนักให้เปี๊ยกฟัง

“เบียร์ ด้วยนะพี่เต้ พี่ต้องเลิกกินเบียร์เลย อันนี้อย่างอ้วน ต้องเลิก..!!” เจ้าเปี๊ยกย้อนรอย ห้ามเรื่องเบียร์ก่อนเป็นอันดับแรกเหมือนกัน

“ไม่..!!–ไม่..!!-ไม่..!! พี่ไม่เลิก” เต้ปฎิเสธเด็ดขาด

“ใช่..!!-ใช่..!!-ใช่..!! พี่เต้ต้องเลิก” เปี๊ยกยืนยันหนักแน่น


เต้ : “ไม่..!!”

เปี๊ยก : “ใช่..!!”

เต้ : “ไม่..!! ไม่..!!”


“ใช่..!! ใช่..!! พี่ต้องเลิกเบียร์ ฟันธง..โช๊ะ..!!” เจ้าเปี๊ยกทำท่าฟันธงเหมือนหมอดูชื่อดัง

“โธ่..!! ไอ้เปี๊ยก แล้วพี่จากินอะไรว้า ถ้าไม่ให้กินเบียร์” เต้โอดโอย เรียกร้องความเห็นใจจากเพื่อน

“หุหุ พี่ก็.....กินไวน์ซี้ ไม่อ้วนด้วย โอเค้” เจ้าเปี๊ยกหาทางออกอย่างสวยหรูให้ชายหนุ่ม

“เออนะ ก็ได้วะ กินไวน์ก็กินไวน์ ค่อยยังชั่วหน่อย” เต้ถอนหายใจโล่งอก ไม่เช่นนั้นเขาคงลงแดงตายไปเสียก่อน

ในที่สุด... ก่อนการแข่งขันลดน้ำหนักจะเริ่มต้น หลังจากบรรลุข้อตกลงตามสนธิสัญญาว่าด้วยการเลิกกินเบียร์ของนายเต้ในระหว่างการแข่งขันลดน้ำหนักคราวนี้ ที่ประชุมก็มีมติให้นายเต้กินไวน์แทนได้

ชายหนุ่มจึงอธิบายแผนการต่อไปให้เพื่อนรักฟัง…

“ปลากับผัก-ผักกับปลา ช่วงนี้พี่จะกินอยู่แค่นี้ แกช่วยพี่ท่องหน่อย ปลากับผัก-ผักกับปลา” เขาท่องประโยคดังกล่าว กลับไปกลับมาซ้ำๆ ให้ เจ้าเปี๊ยกฟังหลายรอบ

“เอ้า!...ปลากับผัก-ผักกับปลา........ปลากับผัก-ผักกับปลา” ทั้งสองคนช่วยกันท่องสูตรลับโบราณสมัยปู่ย่าตายายไปมา

“โอเคเลยพี่เต้ ผมจะคอยดูแลเตือนพี่เรื่อง ปลากับผัก และ ผักกับปลา ของพี่เอง” เจ้าเปี๊ยกรีบวิ่งไปขอสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่จดรายการอาหารจากแม่ค้ามาจดวิธีการของเต้ไว้อย่างตั้งใจ

“แต่แค่นั้น พี่ว่ายังไม่พอนะเปี๊ยก ถ้าเราต้องการจะลดน้ำหนักให้ได้มากๆ “ชายหนุ่มนั่งนึกว่า เขาทำอะไรขาดไปสักอย่าง

เต้นั่งหลับตาชั่วอึดใจ พร้อมกับเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างชี้วนๆ ไปที่ขมับตัวเอง บ่นพึมพำๆ แบบหนังการ์ตูนญี่ปุ่นที่ฉายทางทีวีช่วงเย็น...
...” อิก--คิว--ซัง-- ปิ้ง..!!.”)))))

“ออกกำลังกาย..!! ....ไอ้เปี๊ยก..!! เราต้องออกกำลังกายด้วย ถึงจะลดได้เร็วๆ..!!” เขาเผลอตะโกนเสียงดังทันทีที่นึกออก

“แล้วพี่เต้จะออกกำลังกายอะไรของพี่แบบไหนล่ะ ผมก็เห็นมีแต่วิ่งเท่านั้น ที่ได้ผลที่สุด แต่ผมรู้ว่าพี่เต้ เบื่อที่จะวิ่งคนเดียว อีกอย่าง ผมก็...ก็...ขี้เกียจจะวิ่งไปกับพี่เต้ด้วย เหอะ เหอะ เพราะแค่นี้ตัวผมก็ผอมจะแย่แล้ว หุหุ ขืนไปวิ่งเป็นเพื่อนพี่เต้ น้ำหนักผมคงหายไปทั้งเลยตัวเลยล่ะ” เจ้าเพื่อนรักก้มลงดูสารรูปที่ผอมเป็นขี้ก้างของตัวเอง และขอออกความเห็นให้หาวิธีอื่นแทนการวิ่ง

“อือ...?? ขอพี่นึกก่อนว่ะ ” เต้พยามคิดหาวิธีที่จะออกกำลังกายแล้วไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกเบื่อ

“นึกออกแล้วเปี๊ยก” เต้ดีใจเขย่าไหล่ เพื่อนอย่างแรง

“ปิงปอง..!! ปิงปองไงเปี๊ยก” เขาคิดออกจนได้ว่าจะเล่นกีฬาอะไร ที่จะสนุกๆ และได้ออกกำลังกายไปในตัว

“แกนึกออกไหมตอนเราเล่นปิงปองกันเมื่อหลายปีที่แล้ว” ชายหนุ่มรื้อความทรงจำสมัยก่อน

“จำได้พี่เต้ เมื่อก่อนพี่กับผม กับไอ้เทียนแล้วก็ไอ้จักรอีกคนตีปิงปองด้วยกันแต่ละครั้ง เหงื่อนี้ชุ่มไปทั้งตัวเลย พอกลับถึงบ้านแทบหลับเป็นตาย” เจ้าเปี๊ยกนึกภาพสมัยเคยตีปิงปองด้วยกันทุกเย็นกับเพื่อนๆ

“แล้วอยู่ๆ พี่เต้ก็เลิกเล่นไปเฉยๆ” เปี๊ยกคิดย้อนไปเมื่อสองสามปีมานี้

“ใช่เปี๊ยก นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ พวกเราจะกลับมาเล่นปิงปองกันใหม่อีกครั้ง แล้วเราจะชนะเดิมพันครั้งนี้ด้วยกัน..!!” ชายหนุ่มพูดเสียงจริงจัง ด้วยความมุ่งมั่น พร้อมกับดวงตาที่ฉายแววเป็นประกาย

“เย้..!!” สองหนุ่ม เต้และเปี๊ยก เหมือนนัดกัน กำมือชูขึ้น ร้องเสียงดังอย่างดีใจ




เช้าวันใหม่ที่เหมือนกันทุกวันของกรุงเทพฯ เมืองรถติดที่หาที่จอดรถยากกว่าหาทอง เปี๊ยกวิ่งกระหืด กระหอบในมือทั้งสองข้างหิ้วถุงพะรุงพะรังมาพบเต้ ณ ห้องอาหารของบริษัทฯ

“อ้าว! เปี๊ยก แกหิ้วอะไรมาวะ เยอะแยะเลย นี่อย่าบอกนะว่าอาหารเช้าของแก เห็นมีผักถุงเบ้อเริ่ม ไปเหมามาจากปากคลองตลาดละเปล่าวะเปี๊ยก แล้วซื้อมาทำไมซะเยอะแยะ” ชายหนุ่มนึกขำกับท่าทางเจ้าเปี๊ยกที่หอบข้าวหอบของมาเหมือนจะไปทำพืชผักสวนครัวที่ไหน

“ไม่ได้ซื้อมาหรอกพี่เต้ ผมขอเขามาอ่ะ ประหยัดดี หุหุ ผักเขาคัดทิ้งน่ะ ป้าขายผักที่ตลาดแถวบ้านผม แกใจดี ให้ไปเก็บเอาเองตามใจชอบเลยพี่เต้” เจ้าเปี๊ยกรู้สึกภูมิใจนักหนาที่ได้ของฟรีมา

“แล้วแกจะเอามาทำอะไรวะ ผักเยอะขนาดนี้ ไปเลี้ยงหมูเหรอ” ชายหนุ่มสงสัย นึกในใจว่าเจ้าเปี๊ยกมันจะทำอะไรของมัน

“ก็....ก็ผมก็จะเอามาทำอาหารให้พี่เต้กินไง.....ปลากับผัก ผักกับปลา....จำได้ละเปล่าพี่ ที่คุยกันเมื่อวาน แหมวันนี้ทำเป็นลืม”

“เฮ้ย..!! ไอ้เปี๊ยก เศษผักที่เขาทิ้งเนี้ยนะ จะเอามาให้พี่กิน” เต้นึกแล้วเจ้าเปี๊ยกมันต้องไม่ธรรมดา

“ทำไมละพี่เต้ ผักยังดีๆ อยู่เลย เพียงแต่ไม่สวยเท่านั้นเอง แล้วก็ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อ พี่น่าจะดีใจนะ ฮ่า ฮ่า” เจ้าเปี๊ยกยังไม่สำนึก ทำเป็นพูดตลกๆ ขำๆ

“มึงกินคนเดียวไปเลย...ไอ้เปี๊ยก กูไม่กินกับมึงด้วยหรอก” ชายหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามจากแก พี่ มาเป็นมึง กู ในทันใด

“อ้าว-ว-ว-ว... ทำไมล่ะพี่เต้ แค่ผักช้ำๆ นิดๆ หน่อยๆ ใบดำๆ ด่างๆ แค่เนี้ย เดี๋ยวผมจะเอาไปต้มเป็นจับฉ่ายมาให้พี่เต้กิน พี่เต้ก็มองไม่เห็นแล้ว ไอ้รอยช้ำๆ ถลอกๆ น่ะ” เจ้าเปี๊ยกแจงให้เต้ฟัง

“เวรซะแล้วไอ้เต้เอ้ย! กูอยากจะกลั้นใจตายว่ะ” ชายหนุ่มส่ายหัวไปมา ก่อนสบถกับตัวเอง

“อ๊ะ!..มีผักแล้ว ละปลาล่ะ” เต้ถามเจ้าเปี๊ยก เพราะเห็นว่ายังมีถุงอีกหลายใบที่เจ้าเปี๊ยกหิ้วมา

“ปลาก็มีพี่เต้ ผมจะลืมได้ยังไง ก็พี่เต้ให้ผมท่องอยู่เมื่อวานนี้เอง ปลากับผัก ผักกับปลา..มีผักก็ต้องมีปลาสิพี่”

“แกอย่าบอกนะ ว่าแกไปจับมาเองจากคลองข้างบ้าน” เต้ชักกลัวๆ กับความพิเรนของเจ้าเปี๊ยก
“เปล่าหรอกพี่อันนี้ผมลงทุนซื้อเองที่ตลาด เพื่อพี่โดยเฉพาะเลย สดๆ ใหม่ๆ สองขีด ยี่สิบห้า” เจ้าเปี๊ยกพูดพลางหยิบกล่องโฟมมาวางตรงหน้าชายหนุ่ม

“ปลาอะไรของแกวะ สองขีดสี่สิบห้า” เต้ชักเริ่มงงกับปลาของเจ้าเปี๊ยก

“พี่ดูเอาเองเถอะ ผมจัดการแบ่งให้พี่กินครั้งละห้าตัวเลย กลัวพี่จะไม่อิ่ม” เปี๊ยกรู้สึกภูมิใจมาก ที่ได้เป็นผู้จัดการด้านโภชนาการให้กับลูกพี่

“ห้าตัวเลยเหรอ แล้วพี่จะกินหมดไหมนี่ เอ่อ..!! แต่ทำไมปลาห้าตัวของแก มันอยู่ในกล่องโฟมเล็กๆวะ” เต้เริ่มสงสัยปนระแวงกับปลาห้าตัวของเจ้าเปี๊ยกซะแล้ว

“พี่เปิดกินได้เลย เขาทำมาเสร็จแล้ว เซอร์ไพรส์พี่เต้น่ะ เปิดเลย” เจ้าเปี๊ยกกระหยิ่มยิ้มย่องในความคิดของตัวเอง

“เปิดเลยเหรอ” เต้ทวนคำ

“เปิดกินเลยพี่เต้ ไม่ต้องเกรงใจ”

เต้กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็กลั้นใจเปิดกล่องออกดูให้สิ้นเรื่อง ทันทีที่ฝากล่องถูกเปิดออก ชายหนุ่มถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก

“เออ..!! เออ..!! ไอ้-ไอ้-เปีย-เปี๊ยกกกก นี่มัน..มันปลาอะไรวะ จะให้พี่กิน” เต้กลายเป็นคนพูดติดอ่างขึ้นมาในทันใด

“โห..พี่เต้ไม่ต้องทำซึ้งหรอก” เจ้าเปี๊ยกทำหน้าซื่อ แต่คนที่ทำหน้าเซ่อ กลายเป็นชายหนุ่มขณะเพ่งมองปลาของเจ้าเปี๊ยกจนต้องอ้าปากค้าง

“ก็ปลาฉิ้งฉ่างไง..!! พี่เต้ ทำเป็นไม่รู้จัก ตั้งห้าตัวแน่ะ ผมตั้งใจจัดมาให้พี่เต้กับมือเลยนะ”

“ปลาฉิ้งฉ่างทอด ห้าตัวนี่อ่ะนะ ที่จะเอามาให้พี่กิน” เต้หลับตาถอนหายใจราวกับจะหน้ามืดกับปลาห้าตัวของเจ้าเปี๊ยก

“กูจะบ้าตาย..!!” ชายหนุ่มอุทานอย่างเหนื่อยอ่อน

“อ้าว..!! ทำไมล่ะ พี่เต้ไม่ชอบเหรอ ปลาฉิ้งฉ่าง อร่อยดีนะ กร๊อบกรอบ ผมยังชอบกินเลย”

“เฮ้อ..!! กูคิดผิดละเปล่าวะเนี้ย เอาไอ้คุณเปี๊ยกมาเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหาร แล้วมันจะอิ่มไหมนั่น ปลา
ฉิ้งฉ่างตัวยาวหนึ่งนิ้วแค่ห้าตัว”

“โธ่..!! พี่เต้ ช่วงนี้ต้องทำใจนะ เราอยู่ในระหว่างการแข่งขัน พี่เต้ต้องลดปริมาณอาหารลงทุกอย่างเลย เพื่อชัยชนะ” เจ้าเปี๊ยกให้เหตุผลอย่างมั่นใจในความคิดอ่านของตัวเอง

“กรรม..!! กรรม..!!กรรมของกูจริงเลยๆ ” เต้ทอดเสียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก



ห้าโมงเย็น เวลาที่ทุกคนในบริษัทฯ รอคอยก็มาถึง...
เวลาเลิกงาน ....

แป่ว.!! หลายคนดีใจที่จะได้กลับบ้านสักที ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน พนักงานทั้งหลายกรูกันออกจากบริษัทฯ เหมือนกับนกทั้งฝูงแย่งกันบินกลับรังนอน

ในขณะที่เต้กับเจ้าเปี๊ยกสองสหายยังไม่ยอมกลับบ้าน แต่สองหนุ่มกลับเดินลงมายังห้องประชุมเอนกประสงค์ชั้นล่าง พร้อมด้วยอุปกรณ์การตีปิงปอง

เต้และเปี๊ยกเดินเข้าไปยังห้องเก็บของเล็กๆ ข้างๆ ห้องประชุมใหญ่ ชายหนุ่มมองหาโต๊ะปิงปองที่พับเก็บไว้นานแล้ว

“เจอแล้วเปี๊ยก อยู่นี่เอง ฝุ่นจับหนาเลย ช่วยกันลากออกมาก่อน เดี๋ยวค่อยเอาผ้ามาเช็ด” ทั้งสองคนช่วยกันลากช่วยกันเข็นโต๊ะปิงปอง รุ่นที่พับเก็บได้ มีลูกล้อ ออกมาตั้งกลางห้องเอนกประสงค์

เจ้าเปี๊ยกจัดการวิ่งไปหาผ้าชุบน้ำพอหมาดๆ มาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะปิงปอง ให้ดูดีขึ้นมาในทันตา แล้วจัดแจงกางเน็ตขึงเข้ากับกลางโต๊ะปิงปอง เป็นอันใช้ได้

“วอร์มก่อนนะพี่เต้ ไม่ได้เล่นซะหลายปี” เจ้าเปี๊ยกออกอาการลิงโลดที่ได้จับไม้ปิงปองอีกครั้ง

“พี่ก็ไม่รู้จะเล่นได้กี่เกมว่ะเปี๊ยก สมัยนั้นมันยังไม่อ้วนขนาดนี้” ชายหนุ่มรู้สึกลังเล แต่ก็ลองดู อย่างมากก็แค่เป็นลม


หลังจากกรำศึกดวลปิงปองกับเจ้าเปี๊ยกไปได้แค่สามเกม เต้ตุ้ยนุ้ยผู้ไม่ได้เล่นปิงปองมานานหลายปีกับต้องแบกน้ำหนักตัวเองเก้าสิบกิโล ถึงกับเหนื่อยหอบแทบคลาน จนพาลจะเป็นลม ต้องโบกมือลา ยอมแพ้เจ้าเปี๊ยกไปในที่สุด

“ หือ..!! หือ..!! หือ..!! ไม่-ไหว-แล้ว-ว่ะ-เปี๊ยก-แค่-นี้-ก่อน-แล้ว-กัน” ชายหนุ่มออกอาการหายใจไม่ทัน

“นี่ล่ะน้าพี่เต้ ไม่ค่อยได้ออกกำลัง มันก็เป็นแบบนี้ล่ะ ฮ่า ฮ่า” เจ้าเปี๊ยกพูดเยาะเย้ยชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี

“เออแกไม่อ้วนบ้างแล้วไป นานๆ เล่นที มันเหนื่อยโคตรเลยว่ะ เหงื่อออกเป็นลิตรๆ แกว่าไหม” เต้ลงไปนั่งแผ่หลาหอบพุงกระเพื่อมอยู่บนพื้นห้องประชุมแบบหมดสภาพ

“ใช่เลยพี่ ได้เสียเหงื่อเยอะๆ แบบนี้บ้างก็ดีนะ วันนี้คงลดได้หลายโลเลยอ่ะ เอ่อ... ผมเตรียมเกลือแร่มาให้พี่เต้ด้วยนะ กันเสียเหงื่อเยอะ พี่จะได้ไม่ช็อค “

“จริงเหรอ...โห..!! แกนี่รอบคอบจริงนะพี่เพิ่งรู้ แล้วไหนล่ะ เกลือแร่อะไรของแก กำลังหิวแอนด์กระหายน้ำพอดีเลยว่ะเปี๊ยก” ชายหนุ่มอดชมเพื่อนคู่ซี้ไม่ได้

“พี่เต้รอผมแป๊-ป-ป...ผมฝากเขาแช่ไว้ในตู้เย็นที่ห้องอาหาร เดี๋ยวผมวิ่งไปเอามาให้” เจ้าเปี๊ยกหายไปไม่ถึงนาที ก็วิ่งกลับมาพร้อมขวดน้ำในมือ

“อ้าว..!! เปี๊ยก เอามาขวดเดียวแล้วแกไม่กินด้วยเหรอ” ชายหนุ่มถามเพื่อนรุ่นน้อง

“เอ้อ..!! ไม่ล่ะพี่ ผมไม่ค่อยชอบรสชาติมัน อา..?? ให้พี่เต้กินคนเดียวเลย” เจ้าเปี๊ยกตอบหน้าเรียบ

“อ่ะ นี่พี่ ผมเปิดขวดให้เลย เย็นเจี๊ยบ” เจ้าเปี๊ยกส่งขวดเกลือแร่ให้ชายหนุ่มรับไป แต่เต้นึกเอ่ะใจ ขวดมันแปลกๆ ไม่มียี่ห้อ ไม่มีตราอะไรกับเขาเลย

“นี่มันเกลือแร่ยี่ห้ออะไรวะเปี๊ยก พี่ไม่เคยเห็นเลย” ชายหนุ่มอดท้วงไม่ได้

“อ๋อ! พี่ อันนี้เกลือแร่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยพี่..ขอบอก ผมเอามาเป็นแกลลอน นี่แบ่งใส่ขวดเปล่าแช่ไว้ในตู้เย็น ไว้ให้พี่กินโดยเฉพาะเพื่องานนี้เลย”

“อ๋อเหรอ!” เต้หยิบขวดเกลือแร่ของเจ้าเปี๊ยกขึ้นยกซดเข้าปากไปอึกใหญ่ๆ ด้วยความกระหายน้ำ

แต่ทันทีที่น้ำเกลือของเจ้าเปี๊ยกไหลลงคอ.!!?? ชายหนุ่มถึงกับตาเหลือก พ่นพรวดน้ำเกลือแร่ของเจ้าเปี๊ยกตัวแสบออกมาทั้งทางปาก จมูก กระจายลงมาเต็มพื้นห้องประชุมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“อ๊ากกกก. !!??...โอกกกก.!!??..ไอ้-ไอ้-เปี๊ยกกก..แก แก เอาน้ำบ้า อะไรมาให้กินวะ เค็มชิบหาย อ๊าก-ก-ก” เต้รู้สึกแสบคอกับจมูกเหมือนกำลังสำลักน้ำทะเล

“อือ..อือ..ก็น้ำเกลือแร่น่ะพี่เต้ ผมลืมบอกพี่ไป ว่าให้ค่อยๆ จิบทีละนิดๆ อ่ะ” เปี๊ยกอดตกใจไม่ได้กับเหตุอ้วกน้ำเกลือกระจายเต็มพื้น

“เกลือแร่ -..่า อะไรวะ..?? บอกมาดีๆ เลย ไอ้..เปี๊ยก” ชายหนุ่มจ้องจะเคี้ยวเจ้าเปี๊ยกให้ละเอียดเป็นผง

“เออ..!! พี่เต้ คือว่า..คือว่า..เกลือแร่ร้อยเปอร์เซ็นต์น่ะ จริงๆ นะ ผมทำมาเองกับมือเลย” เจ้าเปี๊ยกตอบพลางทำตาละห้อย ให้ดูน่าสงสารเหมือนแมวเชื่อง

“กูนึกเอะใจแล้วเชียว แต่ไม่ทันระวังตัว นี่แกคงเอาเกลือป่นมาผสมกับน้ำใช่ไหมวะ” ชายหนุ่มถาม พลางคิดในใจว่า เขาน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้กับอะไรๆ ที่เจ้าเปี๊ยกจอมแสบจะเอามาให้กินในช่วงนี้

“ก็เกลือแร่จริงๆ นะพี่ ไม่มีสารเคมีอื่นเจือปนเหมือนยี่ห้ออื่นที่ขายกัน กินดีกว่านะพี่เต้” เจ้าเปี๊ยกยังไม่วาย อวดอ้างสรรพคุณ น้ำเกลือแร่ที่ตัวเองผสมขึ้นมา

“เวรเลยไอ้เปี๊ยก..มึง แ -ก ไปคนเดียวเลยนะไอ้น้ำเกลือแร่ร้อยเปอร์เซ็นต์อะไรนี่ กูเกือบสำลักเกลือตายแล้ว..!!++$#%@ ไม่น่าเลยกู ทำไมไม่จำสักทีวะ”

คราวหน้าชายหนุ่มคงจะต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น หลังจากต้องเจอกับผัก ปลา กับเกลือแร่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เจ้าเปี๊ยกเพื่อนจอมเพี้ยนเอามาประเคนให้ด้วยความหวังดี




Create Date : 14 มกราคม 2553
Last Update : 25 มกราคม 2553 21:24:52 น. 0 comments
Counter : 366 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tesss
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เฒ่าสายลับ

ลายปากกา


Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Tesss's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.