Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
ตั้งแต่เช้า.......จนค่ำ ผมรู้ ผมเห็น เรื่องที่เกิด..และจบ



เขาไปแล้วล่ะ....ไปไหน...ไม่รู้เขาไม่อยู๋ในโลกนี้

เราเกิดมาปีเดียวกันแต่ ต่างเดือน
เรียนชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง
และบ้านเดียวกันไปโรงเรียนเราก็เดินกันไป
ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
เราคบเราเจอกันในวัยเด็กมากกว่าสิบปี
เราเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นที่รักของอาจารย์
เพราะว่าเราไม่เกเร เอาใจใส่ในเรื่องเรียน
จบประถม เราต้องแยกจากกันไปตามวิถีชีวิต
ของแต่ละคน ครบอายุ 15 ปีต้องมาทำบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อยืนยันว่าเราสัญชาติไทย
เราก็เจอกัน เพื่อนที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน
กลับมาบ้านต้องถามถึงกันว่าคนนั้นอยู่ไหนตอนนี้
เราเจอกันคุยกันเล่าเรื่องราวต่างๆที่ไปประสบพบมา
ผมเป็นฝ่ายนั่งฟังและถาม
เพราะผมยังไม่ออกจากหมู่บ้านไปไหน
เราคุยกันสนุกมาก....ผมตื่นเต้นกับเรื่องราวที่ได้ฟัง
ความคิดในสมองเริ่มมีแล้วล่ะครับ.....อยากไปบ้าง
แต่การที่อายุแค่นี้คิดว่าคงยาก
คงไม่ได้ไปอย่างที่คิดแน่ๆ
แต่แล้วฝันของผมก็เป็นจริง.......
การออกผจญโลกภายนอกของผม.....คือห้องเรียนแห่งชีวิต.....ไม่มีการสอบ....มีภาคปฏิบัติล้วนๆ
เราสองคนได้ไปอยู่ที่ๆเดียวกัน.....เราคือเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กพอมาอยู่ ณ.ที่นี้เราคือเพื่อนสนิท
ที่แทบว่าตายแทนกันได้เลยครับ(เว่อร์ป่าวคำนี้)
มีทุกข์เราปรึกษา แก้ปัญหาเราช่วยกัน
บางครั้งเราก็มีความเห็นไม่ตรงกัน
****เวลาผ่านไป****
อยู่ๆไปผมก็เริ่มรู้สึกว่า.....เราคงต้องแยกกันนะ
จึงแยกออกจากกัน...ซึ่งก็ยังไม่แยกกันไกลเมื่อเจอกัน
เรามักจะเที่ยวคุยกันตามปกติ
ใครเดือดร้อนอะไรเราก็ช่วยเหลือกัน
ผมเป็นคนดื่มเหล้าแบบว่าเมายาก(สมัยนั้น)
แต่เพื่อนผมดื่มไม่เป็น(แบบว่าแก้วเดียวกลิ้ง)
แต่เขาสูบบุหรี่ ผมเหม็นกลิ่นบุหรี่
นี่คือสิ่งที่เราสองคนแตกต่างกัน
จากวัยรุ่น สู่ในวัยหนุ่ม เราคือเพื่อนที่ไม่ทิ้งกัน
เราสองคน ยังคบกัน...เมื่อก่อนเป็นไง ก็ยังเผมือนเดิม
กาลเวลาผ่านไป......วันหนึ่งเราเจอกันจากที่ไม่ได้เจอกัน
นานมากเกือบๆปีเห็นจะได้ เพื่อนผมมาเล่าให้ฟังว่าเขาติดต่อสาวคนนั้นที่เคยเล่าให้ฟังได้แล้ว
( อ้าวนั่นก็เพื่อนเราสมัยเรียนประถมนี่ เรียนห้องเดียวกัน นามสกุลเดียวกันด้วย)
เขาว่าเคยไปเจอกันและก็ติดต่อกันทางจดหมายตลอด
และบอกว่าสองคนรักกันแล้ว
เพื่อนผมก็ชวนไปหาสาวด้วยกันมั้ย
ผมตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเพราะช่วงนี้ว่าง
งบประมาณพอมี ไปได้ การที่ไปคราวนี้ก็คือ
กลับมาใกล้ๆบ้านนั่นเอง
เพื่อน+แฟนเพื่อน+เพื่อนของแฟนเพื่อน
และมีอีกหลายๆคนเพื่อนสมัยเรียนประถม
เราเจอกันตอนนี้เองครับ
สนุกมากเราคุยกันกลับมาสนุกครื้นเครงอีกครั้ง
โลกนี้สดใสขึ้นอีกครั้ง อ้อเรื่องความรักผมไม่มีหรอกครับได้แต่แอบๆชอบคนหนึ่งแต่......
มองตัวเองแล้ว ..ไม่ดีกว่า ..
แล้วความรักของเพื่อนผมก็สมหวังไป
แล้วงานแต่งงานก็มีขึ้น......
สองคนสมหวังไปแล้วครับ
แต่ก็มีคนที่ไม่ค่อยชอบใจนักก็คือ
แม่ยายไม่ชอบลูกเขย*****ฮ่า***
และแล้วก็มีหลานตัวน้อยๆ ผมกับเพื่อนไม่ได้คบหากันเหมือนก่อน ก็คนโสดกับคนมีครอบครัวนี่ครับ
แต่เราติดต่อกันทาง จม.เราสองคนคุยกันทุกๆอย่าง
ในครอบครัวว่าเป็นอย่างไรเขาจะเล่าและปรึกษา
ผมก็เป็นคนรับรู้หมด
ชีวิติแต่งงานมีครอบครัวของเพื่อนผม
ไม่ราบเรียบแล้วสิครับ
ก็แม่ยายไม่ชอบไงครับ แต่เพื่อนผมคนนี้มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว คือพรสวรรค์ วาดภาพได้เหมือนจริง และแกะสลักหิน ได้เหมือนกะก๊อปปี้เลยล่ะ ผลงานเริ่มเป็นที่ยอมรับของลูกค้า มีงาน มีรายได้ทีนี้เริ่มถูกใจแม่ยายล่ะสิครับ ค่าใช้จ่ายต่างๆได้จากเขยคนนี้
(เพื่อนผมเล่าเองจากปากนะครับ)
จากที่ไม่ชอบกลายเป็นเขยโปรดสั่งได้
เนรมิตได้ หลายๆอย่าง มีหลานก็เลยตกลงที่จะช่วยเลี้ยงให้ เพื่อว่าจะได้มีเวลาทำงานได้เต็มที่
กาลเวลา.........ผ่านมา...แล้วผ่านไป....
มนุษย์เราการครองเรือนครองชีวิตคู่
ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า...จะเกิดอะไรขึ้น**
***แต่ผมรู้ครับกับเขาเเละเธอคู่นี้***
ผมเข้า กทม.ทำงานและเริ่มต้นศึกษาหาความรู้ นานๆครั้งเทศกาลวันหยุดจึงจะมีโอกาสกลับบ้าน
และที่ขาดไม่ได้คือผมจะแวะเวียนมาหาเพื่อนคนนี้ประจำ
เป็นเช่นปกติครับ..เราจะคุยกัน..บอกเล่าเรื่องต่างๆ
แลกเปลี่ยนกัน...เขาว่าชีวิตเขาสองคนไม่ค่อยราบรื่นนัก
ผมก็ได้แต่ปลอบ...แนะนำแนะแนวว่า....
อุปสรรคที่ฝ่าฟันมากว่าจะได้แต่งงานกัน
ไม่เสียดายเวลาหรือ.......แล้วผมก็กลับไปกทม.
กลับไป กทม.คราวนี้เป็นช่วงที่ผมทำงานและเรียน
ช่วงภาคปฏิบัติ ออกฝึกงาน แบบว่าหนักมากช่วงนั้น
ปีใหม่...ช่วงนั้นมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
ผมกลับบ้าน ปกติผมกลับมาบ้านต้องเข้าบ้านก่อน
แค่มาถึงผมก็ได้ข่าว....ผมล่ะอึ้งๆๆๆและก็อึ้ง
**ภรรยาเพื่อน คือเพื่อนผมอีกคนเหมือนกัน
เสียชีวิตแล้วเมื่อเดือนก่อน**
ผมได้ยินเช่นนั้นผมก็รีบไปที่บ้านเพื่อนผม
เธอเสียชีวิตโดยป่วยออดๆแอดๆเดือนกว่าๆก็สิ้นใจ
แม่ของเธอเล่าให้ผมฟัง....
แถมมาด้วยคำด่าสาปแช่งลูกเขย....ว่าเป็นคนทำให้ลูกเขาตาย (ก็เพื่อนผมอีกคนแหละ)
แล้วผมก็บึ่งไปหาเพื่อนของผม
ซึ่งอยู่ที่ทำงานอีกที่หนึ่ง
คุยกันสอบถาม เรื่องราวที่เกิดขึ้น
คุณผู้อ่านครับ ผมก็อึ้งเป็นครั้งที่สอง
..........................???????..........................
เฮ้อชีวิตคนเรา เวลามันจะจบมันก็จบง่ายๆ
ตอนเริ่มต้น....มันย้าก..ยาก...ผมว่านะ
อ้อ เพื่อนผมเป็นคนหน้าตาดีคนนึง.....เขามีลูกสาวครับ
งานเขาก็มีเข้ามา
รายได้แต่ละชิ้นที่สั่งมา....ส่งงานรับเงิน
เขาจึงคิดจะไปรับลูกสาวมาอุปการะเอง
แต่.....เกิดศึกชิงลูกและชิงหลาน......แม่ยายไม่ยอมให้
สุดท้ายก็...ลูกได้มาอยู่กับพ่อ...เพราะการแอบพาไป
ผมก็ยังคงแวะมาเยี่ยมถามข่าวอยู่บ่อยๆ
แล้วผมก็ต้องเดินทางไกล......ออกไปทำงานต่างประเทศ...ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย
แต่ผมประสบความสำเร็จเรื่องงาน ที่ไม่สำเร็จก็.......

@@@สิบเดือนผ่านไป*****
การทำงานทำให้ผมไม่คิดอะไรมาก
เหนื่อยมาก็หลับพักผ่อน
คืนนั้นผมหลับตาได้ไม่นานรู้สึกว่า มีเสียงเรียกชื่อผมสั้นๆเอะเสียงคุ้นๆหูนะ ..... หูเราแว่วไปเองมั้ง
แล้วผมนอนก็หลับไปตามปกติ
*** ฝันครับ***
เพื่อนผู้หญิงที่เสียไปแล้ว เดินตรงมาหาผมที่ทำงาน
เธอยังไม่พูดอะไร ผมก็ถาม อ้าว ....เฮ้ยมาทำไรที่นี่...ทำงานที่ไหนเหรอ...มาเมื่อไร
เธอไม่ตอบและไม่พูดเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงผม
**ในความคิดอีกแวบหนึ่ง...คนนี้ตายไปแล้วนี่**
ผมสะดุ้งตื่น เฮ้ยฝัน....ครับ
ผมนอนไม่หลับอีกเลย คิด..วนไป วนมา..
รุ่งเช้าผมโทรกลับมาที่เมืองไทย.
...เพื่อนผมคนนี้ ที่เคยแวะมาหากันประจำ.....
.ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว...จากคำบอกเล่า........
ผมก็อึ้งๆๆๆๆๆอึ้งอีกสิครับ.....
คุณผู้อ่าน...ผมพูดไม่ออกเลยครับ....
แม่จากไป...2.ปีก่อนมาปีนี้พ่อก็มาจากไปอีกแล้ว
ลูกสาวของเพื่อนผม ตอนนี้ยายเอากลับไปอยู่ด้วย
เขาเลี้ยงมาเขายังรัก....เขามีตัวแทนแล้วครับ
สาเหตุ....ที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา...
เพราะว่าผมกลับบ้านคราใด
ที่ที่ผนังโบสถ์ด้านใน ภาพฝีมือของเพื่อนคนนี้เอง
ภาพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปางประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน และอีกหลายๆภาพยังเป็นอนุสรณ์ มองแล้วทำให้คิดถึงคนที่วาด

คิดถึง เราคือเพื่อนที่คบกันมายาวนาน
รู้ประวัติของพวกเขาตั้งแต่เกิด
........จนเขาจบชีวิตไป...

ผลงานเขาอยู่ที่ วัดบ้านหนองกง
อำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์















Create Date : 17 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2548 10:21:41 น. 5 comments
Counter : 727 Pageviews.

 
เนื้อเรื่องที่เราให้ฟังน่าสนใจนะค่ะ
แต่ เปลี่ยน สีพี้น นิดนึงก้อจะดีนะค่ะ
มันเป็นอุปสรรคต่อการอ่านจิง ๆ ค่ะ


โดย: NinG_CDC วันที่: 22 พฤศจิกายน 2548 เวลา:18:26:03 น.  

 
เห็นด้วยคะ ไม่รู้คิดยังไง ทำไมถึงได้ชอบสีมืด ๆ ก็ไม่รู้นะ รู้สึกว่าสีตัวหนังสือกับสีพื้นจะเป็นสีเดียวกัน สงสัยใจคอคนทำบล็อก คงต้องการให้ผู้อ่านใช้ความสามารถพิเศษล่ะคะ


โดย: แวะมาอ่าน IP: 58.11.74.110 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:7:42:23 น.  

 
ว้าว ว้าว ว้าว เปลี่ยนสีแล้ว สวยดีเนาะ
ได้ดั่งใจจริงๆ
มีเรื่องจะเล่านะ
บล๊อกนี้ มีคนมาช่วยแต่งเติม ดีใจมากเลยที่เข้ามาช่วย
หากว่าผมไม่ได้เข้ามา ให้เขาดูแลแทน บล๊อกนี้จะไม่เงียบ และเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
ขอบคุณครับ


โดย: ผมเอง (thanawat_orf ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:58:59 น.  

 
การเล่าประวัติก็โอเคน่ะคะ อยากอ่านอีกน่ะมีอีกใหม


โดย: ชัยภูมิ IP: 203.172.189.154 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:52:53 น.  

 
อ่านแล้ว ขนลุก มากๆ


โดย: suparatta วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:24:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

thanawat_orf
Location :
บุรีรัมย์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




new life in canada
Friends' blogs
[Add thanawat_orf's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.