Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
รุ้งในเงาตะวัน ตอนจบ (ในแสงตะวันมีสายรุ้ง)

รุ่งกาลมาถึงไร่แสงตะวันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวยกมือไหว้คุณรวีที่ออกมารอใส่บาตรหน้าประตูรั้วก่อนจะเดินเข้าไปโอบร่างท้วมของผู้สูงวัยกว่าด้วยกริยาประจบประแจงไม่ต่างจากยามเป็นเด็ก

“คิดถึงแม่แสงจัง”

“คิดถึงแล้วทำไมไม่กลับบ้านตั้งสองสามปี” คุณรวีบ่นขณะกวาดสายตาสำรวจ ‘ลูกสาวคนเล็ก’ โดยละเอียด

“โธ่! ก็รุ้งต้องทำงานนี่คะ ที่ได้กลับมานี่ก็มาทำงานนะคะ”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยยายเด็กบ้างาน รู้ไหมเจ้านายเราเขาเล่าให้แม่ฟังหมดแล้วว่าเราทำวีรกรรมอะไรเอาไว้บ้างในที่ทำงาน”

รุ่งกาลหน้าง้ำเมื่อได้ยินประโยคบอกเล่านั้น

...เจมส์นะเจมส์ นินทาเราเสียได้...ชิ...

“แน่ะ! ดูสิยังมาทำหน้างอใส่แม่อีก มาช่วยแม่ใส่บาตรเลยพระมานู่นแล้ว”

คุณรวีดุไม่จริงจังนัก ในขณะที่รุ่งกาลกุลีกุจอช่วยหยิบนั่นส่งนี่ให้ผู้สูงวัยกว่าด้วยความเต็มใจ

หญิงสาวรอจนคุณรวีกรวดน้ำเสร็จจึงค่อยถือถาดเปล่าเดินตามผู้สูงวัยกว่าเข้าบ้าน

“กินอะไรมาหรือยังรุ้ง วันนี้รู้สึกในครัวจะทำข้าวต้มปลาล่ะมั้ง อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนพ่อกับแม่หน่อยพี่ไลท์ออกไปดูไร่ตั้งแต่มืดกว่าจะกลับคงสายๆ นู่นแหละ แล้วนี่เจอพี่เขาหรือยัง?”

รุ่งกาลส่ายศีรษะทำหน้ายุ่ง หากดูเหมือนว่า...คนที่ถูกเอ่ยถึงดูจะอายุยืนกว่าที่คิด เมื่อชายหนุ่มโผล่เข้ามาในห้องรับแขกพร้อมๆ กับคำถาม

“นินทาอะไรผมอยู่หรือครับแม่”

“เปล่าสักหน่อย แม่กำลังชวนน้องกินข้าว” ผู้เป็นมารดาตอบ

แสงฉานพินิจมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางกับกางเกงสแล็กสีดำสนิท ผมยาวถึงกลางหลังถูกเจ้าตัวมัดรวบเป็นหางม้า เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่และเครื่องหน้าอันประกอบด้วยดวงตายาวรีสีน้ำตาลล้อมกรอบไว้ด้วยขนตาดกหนา ปลายจมูกโด่งเชิดตั้งอยู่เหรือริมฝีปากรูปหัวใจ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อนๆ ยิ่งทำให้ใบหน้าคล้ายตุ๊กตายิ่งดูชวนมอง

รุ่งกาลยกมือไหว้เขาตามมารยาท

“สวัสดีค่ะพี่ไลท์” เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฟังดูเป็นทางการจนเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

“สวัสดีรุ้ง สบายดีไหม?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือออกไปแย่งถาดในมือเธอมาถือไว้เสียเอง

“สบายดีค่ะ พี่ไลท์ล่ะคะ?”

“สบายดี ขอบใจ”

“แม่ขอไปล้างมือแป๊ปนึง ไลท์กับรุ้งไปที่ห้องกินข้าวก่อนเลยนะลูก” คุณรวีเอ่ยกับสองหนุ่มสาวก่อนจะเดินจากไป



แสงฉานมองคนตัวเล็กบางที่เดินอยู่ข้างกาย เค้าหน้าหญิงสาวไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากในวัยเด็กสักเท่าไหร่ ทว่าชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง

...จากเด็กหญิงซนๆ ใครจะคิดว่ารุ่งกาลจะกลายเป็นผู้หญิงสวยหวาน น่าทนุถนอมแบบนี้...

“ไปอยู่กรุงเทพเป็นยังไงบ้าง?” เขาเอ่ยถามเป็นการเปิดประเด็น ขณะเดินไปยังห้องรับประทานอาหารด้วยกัน

“ก็...สนุกดีค่ะ” รุ่งกาลตอบสั้นๆ ทั้งที่ความตั้งใจแต่แรกที่ทำให้เธอมาถึงไร่แสงตะวันแต่เช้าก็คือ...เธออยากพบหน้าแสงฉานเร็วๆ แต่เมื่อพบกันแล้ว...เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรเสียอีก...

หญิงสาวลอบมองคนข้างกาย

...ร่างสูงโปร่งของแสงฉานดูจะกำยำขึ้นกว่าแต่ก่อน ใบหน้ารูปไข่นั้นดูคมคายด้วยคิ้วหนาเข้มพาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาสีดำแกมเทา ขนตาชายหนุ่มไม่ดกนักหากยาวงอนเป็นแพสวย ระหว่างดวงตาทั้งสองข้างคือจมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาได้รูป

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาแลดูผิดไปจาก ‘พี่ไลท์’ ในความทรงจำก็คือท่าทีเคร่งขรึมจนแทบจะดูเป็นดุสำหรับคนที่ห่างเหินกันไปพักใหญ่

...บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกระมัง...หญิงสาวบอกตัวเอง


~~~~~~~~~~



เจมส์มาร่วมโต๊ะอาหารเป็นคนสุดท้าย

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาทักทายทุกคนพร้อมกันในคราวเดียว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ รุ่งกาลที่ว่างอยู่

“ผมกำลังคิดอยู่เชียวว่าคุณจะทิ้งผมให้ทำงานคนเดียวหรือเปล่า” เขาเอ่ยกับเธอยิ้มๆ

“พูดแบบนี้แสดงว่าอยากฉายเดี่ยวใช่ไหมคะ? ดีเหมือนกันรุ้งกำลังอยากใช้สิทธิ์ลาพักร้อนพอดี” หญิงสาวตอบหน้าตาย ทำเอาคนคิดจะเล่นมุกต้องรีบกลับลำโดยด่วน

“ผมรู้ว่าคุณไม่ใจร้ายกับผมแบบนั้นหรอก”

“ก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะคุณเจมส์” ตอบเสียงเย็นหากดวงตาเป็นประกายอย่างพึงใจที่แกล้งคนตรงหน้าได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาตักข้าวต้มในชามตรงหน้าเข้าปากเป็นการตัดบท

แสงฉานมองกริยาต่อปากต่อคำของทั้งคู่ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารเช้าก่อนจะลุกจากที่

“ผมขอตัวไปจัดการงานในออฟฟิตก่อน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่หน้าตึกนะครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของคุณพงษ์และคุณรวีมองตามไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ผู้สูงวัยทั้งสองคนจะหันมาสบตากันเอง

...ไม่รู้นายไลท์เป็นอะไรของเขา...


~~~~~~~~~~



สามสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินแสงฉานก็มาพบกับสองหนุ่มสาวที่หน้าตึกตามที่นัดหมาย โดยมีชายวัยกลางคนซึ่งได้รับการแนะนำในภายหลังว่าเป็นหัวหน้าคนงานประจำไร่ตามหลังมาด้วย

เขาพาเจมส์และรุ่งกาลเดินอ้อมตึกไปทางด้านหลัง ก่อนจะพาเดินขึ้นไปตามทางเดินแบบขั้นบันไดเล็กๆ ซึ่งทอดสูงขึ้นไปบนเนินเขาด้านทิศตะวันออกพร้อมกับอธิบาย

“ตรงส่วนนี้เป็นเขตไร่เมี่ยงเก่าที่ทำกันมาตั้งแต่ชาวบ้านรุ่นแรกๆ ย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ อันที่จริงผลผลิตตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วเพราะปลูกกันมานาน แต่ผมอยากอนุรักษ์ไว้”

ถัดจากเนินเขาที่เป็นไร่ชาเมี่ยง ชายหนุ่มก็พาสองหนุ่มสาวอ้อมเนินไปยังส่วนของไร่กาแฟที่ชายหนุ่มบอกว่า...

“ผมปลูกไม่เยอะ เพราะคุณภาพยังสู้กาแฟจากแม่สรวยไม่ได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้คนที่มาเที่ยวได้ชินกาแฟแท้ๆ ที่ปลูกในพื้นที่จริงๆ”

จากไร่กาแฟ...แสงฉานเดินไปพลางสั่งงานไปด้วยตลอดทางจนไปถึงไร่ชาสมุนไพร พื้นที่ราบเล็กๆ บนไหล่เขาถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ตามชนิดของสมุนไพร ตั้งแต่พืชสวนครัว เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ และใบเตย ไปจนไม้ยืนต้นอย่างขี้เหล็ก และมะรุม ก่อนจะจบลงที่สวนหม่อนซึ่งกินอาณาเขตกว้างขวางไม่ต่ำกว่าสิบไร่

“ผมเน้นชาใบหม่อนมากกว่าชาชนิดอื่นๆ เพราะมีร้านค้าในเมืองรับซื้อเป็นลูกค้าประจำอยู่หลายเจ้า ส่วนลูกหม่อนที่ออกมาผมให้คนงานเก็บเข้าส่วนกลาง ให้กลุ่มแม่บ้านแปรรูปเป็นแยมขายเป็นของที่ระลึกของหมู่บ้าน”แสงฉานอธิบาย

ชายหนุ่มเก็บลูกหม่อนสุกจัดจนเป็นสีม่วงเข้มราวสี่ห้าพวงส่งให้ลูกทัวร์กิติมศักดิ์

“เด็ดชิมจากต้นได้นะครับ ผมรับรองได้ว่าอร่อยและไร้สารพิษจริงๆ”

เจมส์ส่งผลไม้ที่ได้มาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พยักหน้าอย่างพึงใจก่อนจะเอ่ยชม

“อร่อยจริงๆ ครับ”

“เหนื่อยกันหรือเปล่าครับ ผมให้ฤทัยจัดอาหารกลางวันรอไว้ที่น้ำตก เดินไปอีกนิดก็ถึงแล้ว” แม้ปากจะเอ่ยถามเป็นกลางๆ หากสายตาอ่อนโยนทอดมองไปยังคนที่หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้

...เครื่องสำอางอ่อนๆ ที่แต่งมาแต่เช้าหลุดหายไปหมดแล้ว เผยให้เห็นผิวแก้มเนียนละเอียดที่ระเรื่อขึ้นเพราะความร้อน...

รุ่งกาลดูจะไม่ชินกับชีวิตกลางแจ้งสักเท่าใดนัก หากถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่ปริปากบ่นแม้สักคำ

เจมส์มองตามสายตาเจ้าของไร่หนุ่ม ก่อนจะเอ่ยออกมา “ขอพักขาสักครู่เถอะครับ กลับไปเห็นทีจะต้องหัดออกกำลังกายเสียบ้าง เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็ชักจะหมดแรงเสียแล้ว”

เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แสงฉานเห็นว่า...ชายหนุ่มตรงหน้าก็

...ไม่เลวนัก...


~~~~~~~~~~



น้ำตกธารดอกเอื้องเป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงราวห้าเมตร ตัวน้ำตกแบ่งออกเป็นสองชั้นคือ...ลานหินด้านล่างที่สูงจากธารน้ำราวเมตรเศษๆ และชั้นที่สองซึ่งเป็นหน้าผากว้างราวๆ สองเมตร สูงจากลานหินชั้นแรกขึ้นไปประมาณสาม-สี่เมตร ละไอที่เกิดขึ้นจากการตกลงมาจากที่สูงของน้ำทำให้บริเวณโดยรอบชุ่มชื้นอยู่ตลอดปี

ดอกกล้วยไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ‘เอื้องคำ’ ต่างพากันออกดอกสีเหลืองเข้มห้อยเป็นระย้าอยู่ตามคาคบไม้ทั่วบริเวณนั้น จนดูเผินๆ คล้ายกับต้นไม้เหล่านั้นเป็นผู้ผลิดอกเสียเอง

“การสังเกตว่าป่าต้นน้ำแห่งนั้นอุดมสมบูรณ์อยู่หรือเปล่า เราจะสังเกตได้ง่ายๆ ว่าบริเวณนั้นมีกล้วยไม้ขึ้นอยู่บ้างหรือเปล่า อย่างตรงน้ำตกนี้นับว่าสมบูรณ์มาก ที่เห็นออกดอกอยู่นี่เป็นกล้วยไม้ประจำถิ่นที่คนทางเหนือเรียกว่า...เอื้องคำ ชาวบ้านเลยเรียกลำธารสายนี้ว่า...ธารดอกเอื้อง และกลายเป็นชื่อหมู่บ้านในที่สุด” แสงฉานอธิบายให้เจมส์ฟังในฐานะคนนำเที่ยวที่ดี

“สวยจัง” รุ่งกาลอุทานอย่างตื่นเต้น หญิงสาวยื่นมือออกไปสัมผัสกลีบดอกไม้จากช่อบนคาคบใกล้ตัว ดวงตาเป็นประกาย

แสงฉานทักทายชาวบ้านที่พานักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมธรรมชาติบริเวณน้ำตกอย่างคุ้นเคย สองหนุ่มสาวอายุราวๆ ยี่สิบปีพับขากางเกงขึ้น ก่อนจะชวนกันลงไปเดินท่องเล่นอยู่กลางลำน้ำ ในขณะที่นักท่องเที่ยวบางคนเดินสำรวจไปรอบๆ พร้อมกับกล้องถ่ายรูปตัวเก่งเพื่อบันทึกภาพประทับใจเก็บไว้

รุ่งกาลเห็นหนึ่งฤทัยที่นั่งรออยู่บนเสื่อผืนกว้างไม่ห่างจากธารน้ำสักเท่าใดนักก็เร่เข้าไปหา เธอทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนมุมเสื่อก่อนจะยื่นมือออกไปรับน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ ที่เพื่อนสาวเทส่งให้มาดื่มแก้กระหาย

“มีน้ำเปล่าไหมฤทัย ขออีกแก้วหนึ่งเถอะ...ร้อน...” เอ่ยถามพลางยื่นแก้วน้ำในมือคืนให้เพื่อน

“มีสิ เดี๋ยวนะ” หนึ่งฤทัยตอบก่อนจะหยิบขวดน้ำดื่มจากตะกร้าข้างตัวออกมา

“ทำยังไงขนมาน่ะฤทัย ตะกร้าเบ้อเร่อเลย”

“น้าดุลย์เอามอเตอร์ไซคล์มาส่งจ้ะ”

รุ่งกาลนั่งพักดื่มน้ำพอหายเหนื่อยก็ช่วยเพื่อนสาวลำเลียงกับข้าวที่เตรียมมาออกจากตะกร้า เจมส์และแสงฉานเดินเข้ามาสมทบกับสองสาว แล้วอาหารกลางวันแบบกลางแจ้งก็เริ่มขึ้นอย่างง่ายๆ

บรรยากาศแสนสบายริมธารน้ำช่วยให้สี่หนุ่มสาวเจริญอาหารได้มาก โดยเฉพาะรุ่งกาลที่เติมข้าวเป็นครั้งที่สามและถูกเจมส์ล้อเลียน

“วันนี้เลขานุการผมกินจุแฮะ ขืนกินจุแบบนี้ทุกวันผมจะเลี้ยงไม่ไหวเอานะรุ้ง”

“กองทัพเดินด้วยท้องค่ะคุณเจมส์ อยากได้เลขาใหม่บอกรุ้งมาตรงๆ ก็ได้นะคะ ไม่ต้องอ้อมค้อม” หญิงสาวตอบเจ้านายด้วยน้ำเสียงสะบัดงอน

ทว่าแทนที่จะง้อ ชายหนุ่มกลับหันไปถามหนึ่งฤทัยพร้อมกับ ‘แปลงสาร’ หน้าตาเฉย

“คุณฤทัยสนใจงานเลขานุการบ้างไหมครับ เลขานุการผมเขาทำท่าจะไม่อยากทำงานกับผมแล้วล่ะ”

“เห็นจะไม่ไหวหรอกค่ะฤทัยไม่ได้เรียนมาทางนั้น” หญิงยิ้มในหน้าพร้อมกับตอบปฏิเสธ

“รุ้งเขาก็ไม่ได้จบเลขามาหรอกครับ แต่ทำงานเก่งกว่าเลขาคนเก่าของผมที่จบสายตรงมาเสียอีก”

รุ่งกาลเห็นอาการของเจ้านายหนุ่มที่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นพ่อค้าขนมจีบเสียแล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอา

...เจมส์หนอเจมส์ เก็บอาการไม่เป็นเอาซะเลย...

“รุ้งไปเดินย่อยอาหารก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอตัวเบาๆ ก่อนจะลุกเดินไปสำรวจลำธารใกล้ๆ

“พี่ไปด้วย” แสงฉานบอกก่อนจะลุกขึ้นตาม

น้ำในลำธารใสจนมองเห็นก้อนกรวดน้อยใหญ่ได้ชัดเจน หญิงสาวถอดรองเท้าก่อนจะพับขากางเกงขึ้น รุ่งกาลแตะเท้าลงในน้ำช้าๆ ก่อนจะก้าวลงไปยืนอยู่กลางลำน้ำในเวลาถัดมา น้ำในธารแม่ดอกเอื้องสูงแค่ครึ่งน่องหากเย็นพอสมควรเพราะเป็นเขตต้นน้ำ

ทันทีที่เธอเริ่มออกเดินมือใหญ่อบอุ่นก็แตะลงบนบ่า แสงฉานเข้ามายืนซ้อนหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หญิงสาวหันกลับไปสบตาคนข้างหลัง แววตาชายหนุ่มแลดูประหลาดชวนให้หัวใจเต้นรัวจนต้องปรามตัวเอง

...พี่ไลท์แค่ห่วงใยเธอในฐานะน้องสาวเท่านั้นเอง...

“ค่อยๆ เดินนะ เห็นน้ำใสอย่างนี้เดินเพลินๆ ก็สะดุดหินล้มเอาได้ง่ายๆ เหมือนกัน” น้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มนั้นฟังดูไม่แตกต่างจากเมื่อตอนเธอเป็นเด็กสักเท่าใดนัก

รุ่งกาลย้ำเท้าไปตามธารน้ำช้าๆ อดนึกถึงเพื่อนรักที่จากไปไม่ได้

“คิดถึงไบร์ทนะคะ”

“เขาไปดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ไม่บอกอารมณ์

“นั่นน่ะสิคะ”

“แม่กับพ่อตั้งผ้าป่าทุกปี ไว้วันหลังรุ้งก็มาด้วยสิ”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ

จากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบกันไปพักใหญ่ ก่อนที่แสงฉานจะเอ่ยขึ้น

“ฟังจากที่คุณเจมส์เล่ามา งานเราท่าทางจะเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ”

“ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอกค่ะ เป็นเลขาต้องละเอียดรอบคอบ แต่เห็นแบบนั้นเจ้านายรุ้งเขาใจดีนะคะ” หญิงสาวเอ่ยถึงเจ้านายด้วยท่าทีสดใส

“ท่าทางเขาเองก็ชอบรุ้งนี่”

‘อะไร’ บางอย่างในน้ำเสียงชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง

“รุ้งไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเจมส์นะพี่ไลท์ นอกจากเจ้านายกับเลขา” เธอบอกเขาชัดถ้อยชัดคำ

แสงฉานรู้สึกถึงอาการพองโตของก้อนเนื้อในช่องอก หากถึงกระนั้นความสงสัยใคร่รู้ทำให้เขาอดที่จะถามคำถามถัดไปไม่ได้

“พูดแบบนี้แสดงว่ามีคนอื่นอยู่หรือเปล่า?”

“รุ้งไม่เคยมีแฟน” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอจะต้องรีบร้อนแก้ตัวกับเขาด้วย รุ่งกาลรู้สึกร้อนวาบบนใบหน้าขณะเร่งฝีเท้าขึ้น

“ระวัง!” แสงฉานร้องเตือน ชายหนุ่มพยายามจะคว้าร่างหญิงสาวเอาไว้แต่ระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้นทำให้...

...สุดปลายมือคว้า...




ตูม!!!

รุ่งกาลลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ในน้ำเป็นที่เรียบร้อย สายตาหลายคู่มองมาตามเสียง ทว่าเมื่อเห็นว่ามีคนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วก็ละความสนใจ

แสงฉานก้าวมาถึงตัวหญิงสาวในวินาทีถัดมา เขาดึงตัวเธอขึ้นมาจากน้ำ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรน

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า แถวนี้น้ำลึกตะไคร่เยอะ พี่กำลังจะเตือนรุ้งก็ลื่นลงไปแล้ว”

“รุ้งไม่เป็นไรหรอกค่ะ เปียกน้ำเท่านั้นเอง” หญิงสาวตอบ ผิวแก้มแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอาย

แสงฉานกวาดสายตาสำรวจคนตรงหน้าแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ...เสื้อเชิ้ตสีอ่อนยามเปียกน้ำทำให้เห็นชัดไปถึงไหนต่อไหน...

...ไม่ยักรู้ว่าเห็นผอมๆ บางๆ แบบนี้จะซ่อนรูป...หากเพียงแค่คิดว่าอาจจะมีใครมองเห็นหน้าอกอวบอิ่มผ่านเสื้อผ้าเปียกๆ นั่น เขาก็รู้สึกแทบคลั่ง...

ความรู้สึกหวงแหนที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วยังผลให้ชายหนุ่มรีบปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก ก่อนที่เสื้อเชิ้ตลายตารางสีเข้มจะถูกคลุมลงบนไหล่คนตัวเล็กพร้อมกับคำสั่งเฉียบขาด

“ห้ามถอดนะ เสื้อเราบางมากเลยรู้ไหม”

ประโยคหลังนั้นทำเอาคนรับคำสั่งยิ่งหน้าแดง หญิงสาวก้มหน้างุดขณะก้าวเท้ากลับมาที่เดิมตรงที่วางรองเท้าไว้ ปลายหูได้ยินเสียงเขาบอกหนึ่งฤทัยและเจมส์แว่วๆ

“คุณเจมส์พักผ่อนตามสบายนะครับ ให้ฤทัยพาดูอะไรแถวนี้ก่อนก็ได้ ผมจะพารุ้งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...เปียกไปทั้งตัวแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

เจมส์ดูเหมือนจะจับความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างชัดเจนจากคำพูดนั้น

“งั้นก็...รบกวนด้วยนะครับ” เขาบอกกับแสงฉาน

ผู้ชายสองคนสบตากันสื่อสารทางสายตา

...ผมเปิดโอกาสให้คุณแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ...

ชายหนุ่มหันไปทางเลขานุการสาวที่กระชับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่พลางห่อตัวด้วยความหนาว

“วันนี้คุณพักผ่อนอยู่กับบ้านเลยก็แล้วกัน ผมขี้เกียจทำงานแล้วล่ะ” เจมส์พูดออกมาหน้าตาเฉย

รุ่งกาลได้ยินแล้วอยากตวัดค้อนคมๆ ให้สักทีด้วยความหมั่นไส้ ทว่าตอนนี้เธอหนาวจนแทบจะขยับไม่ได้

“เดินไหวไหม หรือจะให้พี่เอารถมารับ” แสงฉานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
แม้ตัวน้ำตกจะอยู่ลึกเข้ามาในส่วนของป่าชุมชน แต่เพื่อความสะดวกชาวบ้านต่างตกลงใจทำถนนเล็กๆ พอที่รถจักรยานหรือรถจักรยานยนต์จะผ่านเข้ามาได้

หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะออกเดินโดยไม่เอ่ยอะไร


~~~~~~~~~~



ทางเดินจากน้ำตกไปยังบ้านเธอนั้นไม่ไกลนัก รุ่งกาลคุ้นทางดีเพราะตอนเป็นเด็กมักจะเล่นซอนซอกไปทั่วกับตะวันฉายจนจำพื้นที่ในหมู่บ้านได้ทุกตารางนิ้ว

อาการหนาวจนตัวสั่นของเธอทำให้คนที่เดินเคียงข้างทนไม่ไหว แสงฉานตวัดร่างบอบบางของหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว

“อุ๊ย! พี่ไลท์ปล่อยรุ้งนะ” หญิงสาวโวยวายทั้งที่ฟันกำลังกระทบกันกึกกัก

“ไม่ปล่อย มีอะไรไหม?”

รุ่งกาลเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ทว่าทันทีที่สบเข้ากับสายตาเป็นประกายประหลาดเธอก็ต้องรีบก้มหน้าลง หัวใจชักจะเต้นไม่เป็นส่ำ

“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” พูดอุบอิบอยู่แค่ในลำคอ ไม่รู้ว่าความมั่นใจที่เคยมีมันหายไปไหนหมด

“เห็นก็ดีสิ” เขาตอบคนในอ้อมแขน

“รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“รู้สิ พี่นี่โง่นะ...ที่ปล่อยให้รุ้งไปอยู่ไกลหูไกลตาได้ตั้งนาน”

“พี่ไลท์!” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างคาดไม่ถึง เธอพยายามใช้ฝ่ามือดันตัวเองออกจากแผ่นอกกำยำ จากที่รู้สึกหนาวๆ กลับกลายเป็นรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเพราะคำพูดนั้น

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนที่ตะวันฉายจะเอ่ยถาม

“รุ้ง...”

“คะ?”

“ยังหนาวอยู่ไหม?”

“ไม่หนาวแล้วค่ะ” ตอบเบาจนแทบไม่ต่างจากเสียงกระซิบ

แสงฉานคลายอ้อมแขนออก เสื้อยืดชั้นในสีขาวเปียกน้ำจนเห็นกล้ามเนื้อหน้าอกชัดเจน เขายังคงโอบเธอไว้หลวมๆ ขณะเดินเคียงกันไป


~~~~~~~~~~



รุ่งกาลหยุดเดินก่อนถึงประตูรั้วด้านหลังบ้านเล็กน้อย หญิงสาวรวบรวมความกล้าแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับแสงฉานอีกครั้งทั้งๆ ที่หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ

...ถ้าไม่คุยกันให้ชัดเจน ต่อไป...เธอก็คงไม่รู้จะวางตัวยังไง...

“พี่ไลท์”

“ทำไมจ้ะ?” ชายหนุ่มถามกลับ พร้อมกับหันไปสบตาคนที่ดันตัวออกจากอ้อมแขนเขาสำเร็จในที่สุด

“พี่ไลท์ไม่ได้คบอยู่กับฤทัยเหรอคะ?” ถามออกไปแล้วก็แทบจะกัดริมฝีปาก เมื่อนึกขึ้นได้ว่า...ระหว่างมื้ออาหารแสงฉานวางตัวเป็นกันเองกับหนึ่งฤทัยก็จริง แต่จะเรียกว่าใกล้ชิดสนิทสนมก็คงจะไม่ได้ เธอเองยังสนิทกับเจมส์มากกว่าเสียอีก...

“ไม่ได้คบ...และไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นด้วย ตั้งแต่กลับมา...พี่ไม่เคยมีใคร” ชายหนุ่มเน้นเสียงในตอนท้าย เขาสบตาเธออย่างจริงจังก่อนจะเอ่ยต่อ

“กับรุ้งพี่ก็บอกไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่รู้แต่ว่า...พี่คิดถึงรุ้ง...ดีใจมากที่รุ้งกลับมา แล้วพี่ก็ไม่อยากให้รุ้งกลับไปกรุงเทพเลยสิ...ให้ตาย” เขาสบถในตอนท้าย

น่าแปลกที่คำสารภาพอย่างตรงไปตรงมาของแสงฉานทำให้เธอรู้สึกเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก...รุ่งกาลนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

“รุ้งก็คิดถึงพี่ไลท์”

ทันที่ที่พูดจบหญิงสาวก็ผลักประตูรั้วให้เปิดออก แล้วก้าวเท้าเร็วๆ ไปยังตัวบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนที่เดินตามมาทางด้านหลัง...


~~~~~~~~~~



รุ่งกาลเข้าบ้าน เธอพบผู้เป็นมารดากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก คุณพรทิวาหันมามองมองลูกสาวก่อนจะเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ไปทำอะไรมาน่ะรุ้งถึงไปเปียกไปทั้งตัวแบบนั้น”

หญิงสาวยังไม่ทันเอ่ยอะไร แสงฉานที่ตามเธอมาติดๆ ก็เป็นผู้ตอบแทน

“ตกลงไปในห้วยน่ะครับ”

“อ้าวไลท์ก็มาด้วยเหรอ”

“ครับผม”

รุ่งกาลจึงถือโอกาสนั้นก้าวเท้าเร็วๆ หายขึ้นไปบนบ้าน ในขณะที่ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีสนิทสนมคุ้นเคย

“โตแล้วยังซุ่มซ่ามอยู่อีกลูกคนนี้” ผู้เป็นมารดาบ่นพร้อมกับส่ายหน้า

“ผมผิดเองครับที่เตือนน้องไม่ทัน” ชายหนุ่มรับผิดแทนรุ่งกาลหน้าตาเฉย ทำเอาผู้สูงวัยกว่ามองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ หากก็เพียงแวบเดียว

...จะว่าไปแล้ว...แสงฉานก็ถูกทั้งตะวันฉายและรุ่งกาลโบ้ยให้รับผิดเป็นประจำนั่นแหละ...จนตอนหลังคนทำหน้าที่ผู้พิพากษาต้องใช้วิธีสอบพยานตัวต่อตัวทีละคนจึงจะได้ความจริง...

“แล้วนี่ไปถึงไหนกันมา?”

“น้ำตกครับ ดอกเอื้องกำลังสวยเลยให้ฤทัยจัดมื้อกลางวันไปกินที่นั่น”

คุณพรทิวาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเป็นเชิงปรารภ

“ท่าทางยายรุ้งจะไม่ค่อยถูกกับน้ำ”

“นั่นน่ะสิครับ”

แสงฉานอยู่คุยกับคุณพรทิวาต่ออีกครู่ใหญ่จึงลากลับ ใจจริงเขาอยากจะคุยกับรุ่งกาลต่อ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าทั้งเขาและรุ่งกาลต้องการเวลาเพื่อทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่เหมือนกัน


~~~~~~~~~~



เย็นวันนั้นแสงฉานมีโอกาสได้พบรุ่งกาลอีกครั้ง เพราะหญิงสาวรับปากคุณรวีไว้ว่าจะไปทานอาหารเย็นด้วย เจมส์ยังคงคุยถูกคออยู่กับคุณพงษ์ ในขณะที่เขาแทบไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย ชายหนุ่มจมเจ่าอยู่กับความคิดของตนเองจนอาหารค่ำมื้อนั้นผ่านพ้นไป

คุณพงศ์ชวนเจมส์ไปรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวที่มาจัดแคมป์ไฟใกล้ๆ กับน้ำตกธารดอกเอื้องที่ไปเที่ยวมาตั้งแต่ตอนกลางวัน โดยที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ปฏิเสธแถมยังหันมาชวนรุ่งกาลต่ออีกทอดหนึ่งด้วย

“ไปด้วยกันไหมรุ้ง”

หญิงสาวส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ไปค่ะคุณเจมส์ เอาแต่เที่ยวแบบนี้เมื่อไหร่งานจะเสร็จคะ?” ถามด้วยมาดคุณครูเจ้าระเบียบอีกตามเคย

“พรุ่งนี้ก็เสร็จแล้ว เหลือแค่ชิมแล้วก็เอาตัวอย่างไปส่งแล็บก็พร้อมทำสัญญาได้เลย อาจจะต้องรบกวนคุณไลท์ให้ลงไปกรุงเทพด้วยนะครับ” เจมส์ตอบเลขานุการสาว ก่อนที่เขาจะหันไปบอกกับแสงฉานด้วยน้ำเสียงเอาการเอางานในตอนท้าย

“ครับผม” ชายหนุ่มตอบรับสั้นๆ


~~~~~~~~~~



ผู้ร่วมเดินทางไปยังลานแคมป์ไฟดูจะมิได้จำกัดอยู่แค่สองหนุ่มต่างวัย เพราะหนึ่งฤทัยพาน้องชายมารออยู่ในห้องโถงด้านหน้าพร้อมไฟฉายกระบอกโต
เจมส์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาว

“สวัสดีครับฤทัย” ขาเอ่ยทักเธอด้วยสีหน้ายินดีอย่างปิดไม่มิด ในขณะที่หนึ่งฤทัยเพียงแต่ส่งยิ้มไปให้

“อย่ากลับดึกนักนะฮะพ่อ ฤทัยฝากด้วยนะ” แสงฉานบอกบิดาก่อนจะหันไปสั่งความกับผู้ร่วมงานสาว ก่อนที่ทั้งสี่คนจะค่อยเดินตามกันไปยังที่ตั้งแคมป์ ทิ้งแสงฉานและรุ่งกาลที่มายืนรอส่งไว้ด้านหลัง



พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว หากยังเหลือแสงรางๆ พอให้มองเห็นสรรพสิ่งรอบกาย

“ไปเดินเล่นกันไหม?” เขาหันมาถามคนข้างกายแทบจะทันทีที่คณะของบิดาและเจมส์เดินลับไปจากสายตา

สายตารุ่งกาลที่แลสบกับแสงฉานฉายแววไม่มั่นใจเท่าใดนัก ทว่าหญิงสาวก็พยักหน้าอย่างง่ายๆ

เขาพาเธอเดินอ้อมสวนไปยังระเบียงบ้านทางทิศเหนือ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยไม้กระถางจำพวกเฟิร์นข้าหลวง และไม้ประดับจำพวกสาวน้อยประแป้งและโกศลให้ความรู้สึกร่มรื่นฉ่ำเย็น

หญิงสาวเงยหน้ามองไม้ระแนงที่ถูกตีไว้ต่างหลังคา คลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของระเบียงไม้ด้านที่ติดกับตัวบ้านไว้ ทั้งราวระเบียงด้านข้างและซุ้มเหนือศีรษะมีต้นเล็บมือนางขึ้นคลุม ใบสีเขียวเข้มตัดกับดอกสีชมพูอมแดงอ่อนแก่พราวไปทั้งบริเวณทำให้แลคล้ายซุ้มดอกไม้ในนิทาน

...จำได้ว่าแต่ก่อนนี้ มันยังเป็นระเบียงโล่งๆ ที่เธอกับตะวันฉายมักจะปีนป่ายเล่นล่าสมบัติกันอยู่เลย...

รุ่งกาลก้าวเท้าขึ้นบันไดเล็กๆ ขึ้นไปบนระเบียง พื้นที่ด้านหนึ่งปูเสื่อกกตั้งตั่งไม้ขนาดใหญ่พอสมควร มีเบาะรองนั่งทำจากผ้าฝ้ายทอมือสีตุ่นวางอยู่โดยรอบ เอกสารหลายแฟ้มวางเรียงระเกะระกะอยู่ทั้งบนตั่งและรอบพื้น แสดงว่า...แสงฉานคงหอบเอางานมาทำที่นี่เป็นประจำ...

“มานั่งนี่สิรุ้ง” เขาทรุดตัวลงนั่งก่อนจะตบมือลงบนเบาะผ้าข้างตัว หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย

สองหนุ่มสาวทอดสายตาไปยังภูเขาด้านหน้า ดาวประจำเมืองสุกสกาวอยู่ตรงขอบฟ้าราวกับจะล้อเลียนพระอาทิตย์ที่กำลังจะอัสดงลงไป

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ก่อนที่รุ่งกาลจะหันมาสำรวจข้าวของบนตั่งตรงหน้า กรอบรูปสีขาวที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของตั่งเรียกความสนใจของเธอได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาดูด้วยสีหน้าประหลาดใจ เธอไม่ทันสังเกตเห็นกล่องโลหะขะมุกขะมอมที่วางอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก จนกระทั่งแสงฉานหยิบมันขึ้นมา

“รุ้งเคยแต่งงานกับพี่นะ จำได้ไหม?” ชายหนุ่มเปิดกล่องในมือออกแล้วส่งไปให้คนข้างกายได้พิจารณาสิ่งที่อยู่ภายใน

แน่นอนว่ารุ่งกาลจำแหวนสองวงนั้นได้ หญิงสาวหันไปสบตาแสงฉาน

“บางที...หัวใจพี่อาจจะเป็นของรุ้งตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้ ที่พูดนี่...พี่ไม่คิดจะเร่งรัดอะไรรุ้งหรอกนะ แค่อยากบอกให้รู้ไว้ว่า...พี่รักรุ้ง เริ่มต้นตั้งแต่รักแบบน้อง...จนวันนี้พี่อยากมีรุ้งเดินอยู่ข้างๆ ไปพร้อมกันกับพี่” มือใหญ่อบอุ่นเลื่อนมากุมมือเธอไว้พาให้หัวใจเต้นระรัว ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วบนหลังมือเธอเบาๆ

หญิงสาวนิ่งไปคล้ายกำลังตรึกตรองอะไรบางอย่าง แล้วเธอก็เอ่ยออกมาในที่สุด...

“ถ้าหากว่ารุ้งจะเกิดมาเพื่อใครสักคนบนโลกใบนี้...ใครคนนั้นของรุ้งก็คือ...พี่ไลท์” หญิงสาวชะงักไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยต่อ

“พี่ไลท์รู้ไหมคะว่า...สายรุ้งเป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์”

...ไม่มีคำว่า ‘รัก’ ในประโยคนั้น หากมันดูจะไม่สำคัญสำหรับแสงฉานสักเท่าไหร่นัก...

รุ่งกาลซบศีรษะลงบนต้นแขนเขาเหมือนที่เคยทำในยามเด็ก ชายหนุ่มขยับตัวก่อนจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน อ้อมอกแข็งแกร่งในวันนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับอ้อมอกที่เธอเคยซุกซบทั้งน้ำตา

...เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า...การเดินทางในครั้งนี้จะทำให้เธอได้มีโอกาสบอกเล่า ถึงความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจมานานแสนนาน...

ในขณะที่แสงฉานมองคนในอ้อมแขนอย่างพินิจ ...ทั้งเธอและเขาต่างเติบโตขึ้น...แต่ความผูกพันยังคงเป็นเช่นเดิม...และเขาก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป...


~~~~~~~~~~



รุ่งกาลกลับกรุงเทพพร้อมเจมส์ในอีกสองวันถัดมา โดยมีแสงฉานขับรถไปส่งถึงสนามบิน

“แล้วพบกันนะครับคุณไลท์” เจมส์บอกกับแสงฉานก่อนจะหันไปทางเลขานุการสาว “ผมเข้าไปรอข้างในนะรุ้ง” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ยังขยิบตาให้คล้ายจะล้อเลียน

รุ่งกาลจึงตวัดค้อนคมๆ ไล่หลังเจ้านายหนุ่มไปสองทีซ้อน โดยที่แสงฉานเองก็ไม่ค่อยรู้สึกขุ่นเคืองกับท่าทีสนิทสนมของทั้งคู่เท่าไรนัก

ต้องยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้ผู้เป็นมารดาที่ช่วยไขความกระจ่างให้เขา เมื่อคุณพงษ์เริ่มบ่นว่าคงจะคิดถึงเจมส์มากขนาดไหน เมื่อชายหนุ่มกลับไป

‘ไลท์อาจจะไม่ทันสังเกต เพราะรูปลักษณ์ภายนอกเจมส์ดูยังไงก็เป็นฝรั่ง แต่ถ้าตัดรูปร่างหน้าตาออกแล้วเจมส์น่ะนิสัยเหมือนนายไบร์ทยังไงยังงั้นเลย’

เขาจึงเริ่มจับสังเกตตามที่ผู้เป็นมารดาบอกและก็เห็นจริงตามนั้น รุ่งกาลเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอสนิทกับเจมส์เพราะอะไร

รอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้าคมคาย และสายตาอ่อนโยนที่ทอดแลมายังเธอ เรียกรอยยิ้มเขินของรุ่งกาลได้ไม่ยากนัก

“พี่ไลท์จะลงไปกรุงเทพเมื่อไหร่คะ?” หญิงสาวเอ่ยถามแสงฉานด้วยสีหน้าคาดหวัง

“ยังบอกไม่ได้” เขาตอบพร้อมกับจับสังเกตท่าทีของคนตรงหน้าโดยละเอียด

สีหน้าทำหน้ามุ่ยๆ คล้ายจะงอนนั้นบอกเขาว่า...เด็กหญิงรุ่งกาลยังคงเหลือเค้าอยู่ในตัวคนตรงหน้าไม่น้อย

ชายหนุ่มยื่นมือไปจับปอยผมเล็กๆ ที่หลุดออกมาทัดหูให้หญิงสาว ก่อนจะขยายความคำพูดตัวเอง

“ที่บอกไม่ได้ เพราะพี่จะเคลียร์งานแล้วลงไปหารุ้งให้ไวที่สุดต่างหาก”

“พี่ไลท์แกล้งรุ้ง”

“พี่เปล่านะ รุ้งคิดไปเองต่างหาก”

...ไม่รู้ไปหัดค้อนควักมาจากไหน ขยันเควี้ยงใส่คนนู้นคนนี้เป็นว่าเล่นเชียว...แสงฉานคิดในใจด้วยความรู้สึกเอ็นดู

เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องเรียกให้รุ่งกาลหันมามองเขาด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ที่ทำเอาเขาแทบจะใจอ่อน อยากซื้อตั๋วเครื่องบินตามไปให้รู้แล้วรู้รอด

“รุ้งต้องไปแล้วล่ะพี่ไลท์” เธอบอกกับเขา

...เป็นครั้งแรกที่รุ่งกาลรู้สึกอยากจะกลับมาอยู่บ้านอย่างเป็นจริงเป็นจังในรอบหกปีที่ผ่านมา...

“เดี๋ยวสิรุ้ง” แสงฉานรั้งมือเธอไว้เมื่อหญิงสาวทำท่าจะก้าวไปยังประตูห้องผู้โดยสารขาออก พลางล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง

ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยถามอะไร แหวนทองวงเล็กก็ถูกสวมเข้ากับนิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว

“พี่ไลท์!” รุ่งกาลอุทานพร้อมกับพยายามชักมือออกจากการเกาะกุมของเขา

“ถ้ารักพี่ก็ห้ามถอด” เขาบอกก่อนจะปล่อยมือ

“แต่ว่า...” หญิงสาวไล้มือไปตามความโค้งของโลหะ ทั้งน้ำหนักและประกายพราวระยับล้อแสงไฟของหัวแหวนบอกชัดว่ามันเป็น ‘ของแท้’ ไม่ใช่พลาสติกอย่างที่เธอเคยเล่นกับเขา

“วงนี้พี่ให้รุ้งในฐานะพี่ชาย เอาไว้ให้รุ้งมั่นใจว่าอยากจะอยู่กับพี่ตลอดไปแล้วพี่จะหาวงใหม่ให้...แบบที่รุ้งอยากได้...นะจ๊ะ”

“พี่ไลท์แน่ใจแล้วเหรอคะ?” เอ่ยถามเสียงแผ่ว

“แน่ใจซี พี่รอคำตอบของรุ้งเท่านั้นแหละ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามั่นใจของชายหนุ่มดูเหมือนจะปลุกความแก่นเซี้ยวของรุ่งกาลขึ้นมาอีกครั้ง

“งั้น...” หญิงสาวยิ้มหวาน เธอลากเสียงยาวก่อนจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าพร้อมกับกระซิบบอก

“พี่ไลท์รีบไปกรุงเทพนะคะ รุ้งจะเตรียมคำตอบไว้รอ”

หญิงสาวผละจากเขาแล้วรีบเดินผ่านประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

แสงฉานมองตามหลังร่างบางไป ก่อนจะส่ายหน้าทั้งที่รอยยิ้มยังแต้มอยู่บนใบหน้า

...ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวร้าย...


~~~~~~~~~~



ชายหนุ่มรอจนเครื่องบินลำที่รุ่งกาลโดยสารทะยานขึ้นสู่ฟ้าแล้วจึงค่อยออกรถ

ระหว่างทางกลับบ้าน... แสงตะวันยามบ่ายส่องลอดก้อนเมฆเป็นลำสวยอยู่เหนือยอดเขา บางส่วนที่ตกต้องเมฆสะท้อนเป็นเงาสีรุ้งพราวระยับ ราวกับจะย้ำคำพูดที่รุ่งกาลบอกกับเขา

...สายรุ้งย่อมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงตะวันเสมอ...

...ด้วยความรัก...


~~~~~~~~~~



มาแล้วค่ะ ตอนสุดท้ายแบบร้อนฉ่า
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแปะตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ปรากฏว่า...ธารสลบกลางอากาศค่ะ
หลับคาหน้าจอเลย ^^"

ยอมรับนะคะว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่
กลัวว่าถ้าเขียนให้หวานมากๆ จะเลี่ยนกันไปเสียก่อนน่ะค่ะ

มาคุยเรื่องฉากของเรื่องกันดีกว่า...
เรื่องนี้ธารใช้หมู่บ้าน "แม่กำปอง" มาเป็นฉากค่ะ
ประทับใจในธรรมชาติของหมู่บ้าน
และการจัดการชุมชนของเขาจริงๆ
ใครสนใจเรื่อง eco-tourism
อยากไปพักผ่อนสัมผัสกับธรรมชาติแท้ๆ
เชิญได้นะคะ
สนใจรายละเอียด www.mae-kampong.com เลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
แล้วพบกันค่ะ
^^



Create Date : 03 พฤษภาคม 2552
Last Update : 5 กันยายน 2552 18:29:22 น. 53 comments
Counter : 858 Pageviews.

 
แค่นี้ก็หวานแล้วค่ะ..แต่อย่างว่า
ความต้องการความหวานของคนเราไม่เท่ากัน

..
..

“พี่ไลท์รู้ไหมคะว่า...สายรุ้งเป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์”..นางเอกก็แอบซึ้ง


“ถ้ารักพี่ก็ห้ามถอด”..เจอประโยคนี้ไป
ไม่รู้คนอ่านคนอื่นเป็นไหม?..แต่เราอ่านถึงประโยคนี้
ใจมันว๊าบ..บ..บ....อ๊าย..ย..ชอบ
เหมือนการขอความรัก แกมบังคับกลายๆ
แบบว่าหัวใจพี่เป็นของเธอ แล้วแต่เธอจะพิจารณา
แต่เลือกได้ จงเลือกพี่..ทำนองนั้น




โดย: nikanda วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:09:09 น.  

 
ตามรอยมาจาก ลายปากกา ไม่ไปตามก็มาอ่านเองนิ 555 น่ารัก จบได้น่ารักมาก ชอบๆๆๆๆ


โดย: เทียนสี IP: 80.225.172.195 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:26:17 น.  

 
If u had pics of flowers that u said ,it would be great naka.^__^

I know I'm quite fool coz don't know the flowers u said naka. T^T


โดย: Tyra (Tyra ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:05:10 น.  

 
ขอกรี๊ดได้ป่ะพี่ธาร

กรี๊ดดดดดดดดดดด

หวานมากๆๆๆๆ

อ่านแล้วรู้สึกถึงความผูกพันของทั้งสองคน

รู้สึกว่าพระเอกนี่เป็นพี่ใหญ่ที่ดีของน้องๆ เลย

ชักจะอิจฉารุ้งแล้วซิ - -


โดย: GoOsHa!R IP: 114.128.169.189 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:35:18 น.  

 
มื้อเย็นวันนี้ของผม
มีไข่ผัดแหนมครับ อิอิอิ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:41:46 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ
เอารูปมาส่งตามคำเรียกร้องของคุณ Tyra นะคะ



"ดอกเอื้องคำ" ค่ะ





อันนี้เป็น "เล็บมือนาง" นะคะ
ออกดอกทีสวยพราวไปทั้งซุ้มเชียวล่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความเห็นและการติดตามนะคะ
เดี๋ยวดึกๆ จะแวะมาคุยใหม่ค่ะ


โดย: ธาร นาวา วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:24:26 น.  

 
ต้องแอบมา กรี๊ดดดดดด .. ดัง ๆ ในนี้อีกทีค่ะคุณธาร
.
.
มันหวาน อบอุ่น แล้วก็ละมุนละไม
อย่างที่ทำให้คนอ่าน อ่านไป ยิ้มไป เขินไป
555 นึกว่าเป็นตัวเองค่ะ

รอเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ
สวัสดีวันหยุดค่ะ


โดย: Paulo วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:26:06 น.  

 
เข้ามาสวัสดีทักทายค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้าไปเยี่ยมที่บล๊อกนะคะ ^_^

^
^
^
ชอบเล็บมือนางค่ะ สวยดี


โดย: J. K. Meow วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:54:27 น.  

 
หวานนนนน ฉ่ำำำ มากมากกกกกกก เลยจ้า

พี่ไลท์น่าฟัด เอ๊ย น่ารักง่ะ ชอบๆๆ ตาคุณเจมส์นี่ขี้เล่นเชียว แต่นึกไม่ถึงว่าบุคลิกคล้ายไบรท์ (ทีแรกพยายามนึกว่าเป็นไบรท์กลับไปเกิดรึเปล่า แต่รู้สึกมันจะผิดแนวไปหน่อย ฮ่าๆๆ)

บรรยากาศสวยมากๆ หลายฉากเลย ไล่เรียงไม่หมด ตรงซุ้มเล็บมือนางก็สวยเชียว แต่ เอ่อ... เราคงไม่กล้าไปนั่งแน่เลย เพราะไอ้ดอกเนี้ย... มัน...

มีหนอน!!!

ตัวเหมือนกิ่งก้านไม่มีผิด ตรงๆ ยาวๆ สีน้ำตาลเข้มๆ เกาะนิ่งๆ อี๊ยยยยยยย (แค่เขียนถึงก็ขนลุกแล้ว ที่บ้านเคยปลูกเป็นแผงใหญ่โตอยู่ข้างรถ ต้องมุดไปขึ้นรถทางซ้ายบ่อยๆ อี๊ยยยยยย ขนลุกอีกรอบ)

"สายรุ้งเป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์"

โอ้... หวานได้อี๊ก (ซ้วบ)


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:32:57 น.  

 
มาแอบดู ว่าพี่กฤต เอ๊ย เพลงรักมารึยัง


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:55:09 น.  

 
หวัดดีคุณธารค่ะ

มาแปะโป้ง
อยากอ่านอะไรหวานๆ เหมือนกับคุณพีทอะ แต่ตอนนี้ตูนง่วงแล้ว


โดย: ปณาลี วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:01:35 น.  

 
ว้าว ตอนใหม่มาแล้ว เดี๋ยวอ้อนเข้ามาอ่านอีกทีนะคะ
ส่วนเรื่อง ฝันที่ปลายขอบฟ้า ยังไม่ได้อัพใช่ไหมค่ะ
รอได้ค่ะ ^^


โดย: BeCoffee วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:49:19 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:21:35 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ...ที่ตามอ่านเรื่องของชุฯ...

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


โดย: Chutipuch วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:58:47 น.  

 
พี่กฤตจ๋าาาาาาาา


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:17:50 น.  

 
อ่านจบแล้วนะ

ชอบเรื่องเก่ามากกว่าค่ะที่ตูนเคยอ่านคราวนู้น "ของขวัญจากฟากฟ้า"

เรื่องนั้นหวานกว่าอะ


โดย: ปณาลี วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:34:41 น.  

 
หวัดดีค่ะ..คุณธาร
เงียบเลยช่วงนี้..ไม่อัพเรื่องสั้นให้อ่านอีกหรือคะ

หัวใจในไอหมอก..แจงยังตามอ่านอยู่ค่ะ
ถึงบทที่13แล้วมั๊ง..55+คิดถึงน้าเรจัง
คุณธาร..เก็บเข้ากรุไปแล้วใช่ไหม..คิดถึง


โดย: nikanda วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:6:06:18 น.  

 
สวัสดีค่า...แวะมารายงานตัวพร้อมอาการเปื่อยค่ะ
(ถูกการบ้านของเด็กโคร่งเล่นงาน แถมธารดันเป็นหวัดอีกต่างหาก
พี่ชายธารแอบปากร้ายบอกว่า...ธารไม่ได้เป็นหวัดหมูหรอก แต่เป็น "หมูเป็นหวัด"
เชื่อเค้าเลย เหอ...เหอ...)
ช่วงนี้ก็เลยไม่ได้อัพบล็อกเลยค่ะ มึนๆ ก๊งๆ คิดนิยายก็ไม่ออก เขียนเรื่องสั้นก็ตันๆ
(เพราะฉะนั้น... "ฝันที่ปลายขอบฟ้า" ขออนุญาตเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนดนะคะ)

มาตอบ คคห. กันก่อน

คุณแจง (nikanda) : มาแบบเกาะติดขอบจอ ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับการติดตาม ธารเองยังแปะโป้งคุณแจงไว้หลายตอนอยู่เลยค่ะ กะว่าหายเปื่อยแล้วค่อยไปตามเก็บ อิอิ
เห็นคุณแจงถามถึงเรื่องสั้น เรื่องที่พล็อตไว้ล่าสุดยังไม่เสร็จน่ะค่ะ เลยยังไม่ได้ลง แต่สัญญาว่าจะพยายามเขียนให้จบโดยไวนะคะ

คุณเทียน : ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ เดี๋ยวไว้ลงเรื่องใหม่แล้วจะไปตามแน่นอนค่ะ (สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญรุ่นตกกระป๋องเลยเอ้า)

คุณ Tyra : ขอบบคุณที่แวะมานะคะ ธารแปะรูปดอกไม้ให้แล้วนะคะ อยู่ใน คคห.ข้างบนนะคะ

น้องจอย : ดีใจที่จอยชอบนะจ๊ะ อนุญาตให้กรี๊ดดังๆ ได้ด้วย ^^

พี่ก๋า : ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ ขอบอกว่าพี่ก๋าอัพบล็อกไวมาก อยากคิดอะไรเจ๋งๆ ได้ไวแบบพี่ก๋าจังเลย

คุณฟี่ (Paulo) : แค่คนอ่านรู้สึกดีคนเขียนก็ดีใจมากๆ แล้วล่ะค่ะ

คุณ J. K. Meow : ยินดีต้อนรับค่า

พี่พีท : อยากสัมผัสบรรยากาศจริงแบบในเรื่องต้องมาเที่ยวเชียงใหม่ค่ะ อิอิ
เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่า...ไอ้ต้นนี้มันมีหนอน ที่บ้านน้าสาวปลูกไว้เป็นซุ้มใหญ่เลยล่ะค่ะ ข้างใต้ตั้งม้าหินอ่อนเอาไว้นั่งเล่นด้วย ปกติธารไม่ค่อยช่างสังเกตกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าต้นที่บ้านน้าสาวมันไม่มีหนอน หรือมีแต่ธารไม่เห็นกันแน่ แต่ดอกสวยดีนะคะ ธารน่ะชอบมากๆ เลย

คุณอ้อน (Becoffee) : "ฝันที่ปลายขอบฟ้า" ดูท่าจะไกลไปล่ะค่ะ ธารเลยเขียนได้ไม่ถึงไหนสักที ขอเลื่อนแบบไม่มีกำหนดไปก่อนนะคะ ถ้าลงเมื่อไหร่สัญญาว่าจะไปตามถึงบล็อกแน่นอนค่ะ

คุณตูน(ปณาลี) : เรื่องนี้ธารลดน้ำตาลงน่ะค่ะ เลยไม่หวานเท่าไหร่ แต่พี่ไลท์กะหนุ่มเจมส์ก็น่ารักนะคะ (ขอบอก) อิอิ

คุณชุ (Chutipuch) : ด้วยความยินดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆ การติดตามนะคะ พบกับเร็วๆ นี้ค่ะ


โดย: ธาร นาวา วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:13:02 น.  

 
คุณธาร
คิดถึงพี่หมอจังเลยยยยย


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:58:48 น.  

 
พฤหัสหน้าของตูนเป็นหมูหนังสือค่ะ พฤหัสสุดท้ายของทุกเดือน

สัญญาว่าตอนหน้าจะยาวขึ้น ตูนรู้ข้อบกพร่องของพระจันทร์แล้ว


โดย: ปณาลี วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:38:37 น.  

 
พี่กฤตจ๋าาาาาา อีกรอบ

หนอนเล็บมือนางเนี่ย ต้องดูใกล้ๆๆๆ ถึงจะเห็น เพราะมันตัวเรียบ ยาว สีน้ำตาลแก่ เหมือนกิ่งไม้มากๆ เลย นึกแล้วขนลุก อิ๊ยยยยย


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:52:19 น.  

 
ชะแวบ... แอบเข้ามาอรุณสวัสดิ์ครับ


โดย: วรบรรณ วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:6:03:16 น.  

 
คล้ายๆ ได้ยินเสียงพี่กฤต...


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:49:08 น.  

 


โดย: redclick วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:17:36:34 น.  

 
พี่ธาร คิดถึงหมอปริญญ์คะ เมื่อไหร่น๊อะ พี่ธารจะอัพ


โดย: ชาจัง (สุรัสวดี ) วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:21:00:03 น.  

 
คิดถึงคุณธาร


โดย: ปณาลี วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:23:59:05 น.  

 
เปล่ามากดดันนะ มาแอบดูเฉยๆ เท่านั้นเองจริงจริ๊ง

ไม่เชื่อถามพี่กฤต ^^


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:14:28:27 น.  

 
พี่ธารจ๋า

หายไปไหนน้า

คิดถึงจังเลย

คิดถึงพี่กฤตด้วย

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^^


โดย: GoOsHa!R IP: 202.44.135.39 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:23:07:18 น.  

 
อันนี้เรียกว่าดองแหงๆ ฮุๆๆ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:20:24:33 น.  

 


โดย: redclick วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:0:29:09 น.  

 
โฉมใหม่

จ๊ากกก พี่อ้อจะไล่ตามอ่านทันอีกมั้ยนี่

รอหน่อยนะคะ

ขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่อ้อหนีไปไหนนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:19:45:25 น.  

 
คิดถึงจังค่ะ คุณธาร สบายดีนะคะ


โดย: teansri วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:17:49:25 น.  

 
คุณธาร คิดถึงจังเลยค่ะ
เป็นยังไงบ้างค่ะ
คิดถึงพี่หมอกับน้องไอแล้วด้วยค่ะคุณธาร


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:22:07:08 น.  

 
เอ๊... จะสองเดือนแล้วนา รอบเนี้ย อิๆ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:20:26:34 น.  

 
คิดถึงนะค๊า คุณธาร
ฟี่อยากอ่านงานเขียนคุณธารอีกจัง


โดย: Paulo วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:59:38 น.  

 
มายืนยันอีกที ว่าพรุ่งนี้ก็สองเดือนแล้ว ฮุๆๆ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:17:49 น.  

 
แวะมาทักทายพี่ธารคะ ตอนนี้งานยุ่งมากกกกกกกก มะค่อยได้มาอ่านเคยคะ คุณหมอยังมะมาเหรอคะ


โดย: ชาจัง (สุรัสวดี) IP: 112.142.89.146 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:47:45 น.  

 
คุณธารหายไปไหนหนอ
ซุ่มเขียนอะไรหวานๆ อยู่แน่เลย


โดย: ปณาลี วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:53:35 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่ธาร
ไม่ได้คุยกันนานแล้วน้า
ทรายไม่ค่อยมีเวลานั่งอ่านนิยายสักเท่าไรเลย
ไว้จะเข้ามาใหม่แล้วคอมเมนต์นะ
แวะไปหาทรายได้ที่
//sandglass-writings.exteen.com
อย่าลืมไปหานะ ^^

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: ทราย IP: 125.25.155.30 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:35:52 น.  

 
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: redclick วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:41:04 น.  

 
มาเป็นกำลังใจให้ไม่ว่าคุณธารทำอะไรอยู่


โดย: ปณาลี วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:50:54 น.  

 
ต๊ะเอ๋


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:07:43 น.  

 
ดองบล็อกนานม๊าก..ก.. รายนี้
กลับมาเสียทีเถอะค่ะ..คิดถึงเรื่องสั้นหวาน
ส่วนนิยาย..ยังตามเก็บเรื่อยๆที่ละตอนสองตอน
แต่อ่านช้าๆดีกว่า..ดูวี่แววแล้ว ตอนจบ..คงอีกนาน..ใช่ไหมคะ??อิอิ


โดย: nikanda วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:36:55 น.  

 
จขบ หายไปไหนเนีย???


โดย: teansri วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:23:38 น.  

 


You are not alone


โดย: redclick วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:31:12 น.  

 
รอบนี้ดองนานนะตะเอ๊ง


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:23:57 น.  

 
ประกาศ คนหายยยยยยยยยย


โดย: teansri วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:56:51 น.  

 
คุณธารหายยยยยยยยยยยย

มาช่วยคุณเทียนตะโกน


โดย: ปณาลี วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:21:24:18 น.  

 
มาฉลองครบสามเดือนกันดีกว่า ลั้นลา


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:17:17:25 น.  

 
แวะมาทักทายจ้ะ


โดย: redclick วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:7:01:37 น.  

 
เห็นเม้นท์คุณธารที่กระทู้ RRR
ยินดีต้อนรับคุณธารกลับเข้าสู่บล็อกนะคะ


โดย: ปณาลี วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:1:24:29 น.  

 
ชอบจังครับ....


โดย: ปฐพีหอม วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:15:45:35 น.  

 
oh wow how romantics between the two..love novel like this, make you day dreaming..!! little bit too short of pra-nang but I still love it, I picture the sceneries oh I wished I was there..!!

Thanks tarn..!!


โดย: PiCorn (Camille) IP: 71.81.178.101 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:6:26:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธาร นาวา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จากสายธารลำเล็กๆ
หลอมรวมเป็นกระแสธาราอันกว้างใหญ่
หลั่งริน...ไหลระเรื่อย...
นำพาเอาความชุ่มชื้นฉ่ำเย็นมาสู่หัวใจผู้คน

ลายปากกา
Friends' blogs
[Add ธาร นาวา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.