เล่ากับเบียร์ (1) โดย ธุมา เริ่มเหล้า...เอ้ย!
เล่า เฮ้ย!
เลิกงานแล้ว ไปไหนกันดีวะ ก็ด้วยประโยคธรรมดาสามัญข้างต้นนี่แหละครับที่ทำให้ใครต่อใครหลายคนใช้เวลาเดินทางจากที่ทำงานถึงบ้านนานผิดปกติ และถ้ามีประโยคต่อไปเช่น หมดนี่ ต่อไหนกันดีวะ
หรือ เดี๋ยวซี่จะรีบไปไหน
.. น่าวันนี้ขอสักวันเหอะ
ฯลฯ ก็เป็นอันว่าเวลากลับบ้านจะยืดยาวออกไปอีก ยิ่งถ้าเกิดเหตุการณ์พิเศษ อย่าง วันศุกร์สิ้นเดือนวันเกิดไอ้หนึ่ง ไอ้โก้อกหัก ตาโย่งเจอกิ๊กคนใหม่ หรือแม้แต่พี่อ๊อดถูกเลขท้าย2 ตัว บางทีก็เล่นเอาถึงบ้านพร้อมพระ(ออกบิณฑบาตร)ก็เป็นอยู่บ่อยๆ ส่วนใครจะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานต่อหรือลาป่วยลากิจ ในกรณีที่ไม่ใช่วันหยุด ก็แล้วแต่ความสามารถส่วนบุคคล
ตัวใครตัวมัน ว่างั้นเถอะ และ บรรดาชายฉกรรจ์ (ที่ไม่ใช่ ชาย-ฉะ-กัน) อย่างพวกเรา คงไม่ร่วมวงนั่งจิบน้ำชา หรือกินขนมปัง ดื่มนม กันเป็นแน่ ก็ไม่เหล้าก็เบียร์นี่แหละครับที่เป็นเครื่องเชื่อม-ฉุด-ยึด-โยง ให้หนุ่มโฉด เอ้ย โสดและไม่โสดทั้งหลายติดหนึบอยู่ในกลุ่มเพื่อน หรือไม่หลังเลิกราจากวง ก็เตลิดเปิดเปิงไปตามรสนิยมของแต่ละคนโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวเป็นเรดาห์นำทาง อย่างตาโย่งนี่พอได้ที่ก็เป็นได้การสะกิดเพื่อนยิกๆ หาหญิงดีกว่า หมอนี่บ้าผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเมา ไอ้สนชอบคุยคุยเรื่องงาน คุยเรื่องปรัชญา คุยสารพัดเรื่องที่คนอื่นรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง มันเป็นนักแต่งเพลง ซึ่งไอเดียจะบรรเจิดที่สุดตอน ได้ที่ นี่แหละ ข้างพี่อ๊อดก็ กูจะกลับบ้านกูจะกลับบ้าน พูดอยู่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ยอมลุกไปซะที พี่แกเป็นคนห่วงลูกห่วงเมีย...แต่ห่วงเบียร์มากกว่า ส่วนไอ้หนึ่งนี่ พอเลย 2 ทุ่มไปจะมีโทรศัพท์มาตาม ทุกๆ 5 นาที รับทีนึงก็ เดี๋ยวกลับแล้ว เดี๋ยวกลับแล้ว แต่เดี๋ยวของมันนี่บ่อยครั้งที่ว่ากันถึงเช้า หมอนี่รูปหล่อมีสาวโทรตามตลอด และก็ด้วยการที่ตั้งวงกันไม่เลือกวันนี่เองทำให้พวกเราเลือกจะดื่มเบียร์กันเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเบาๆ ดี พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สบาย กินสักขวด 2 ขวด ก็พอ ฯลฯ แต่พอเอาเข้าจริงส่วนใหญ่ก็ไม่ทั้ง เบา ไม่ทั้ง สบาย และก็ไม่แค่ ขวด 2ขวด ด้วย คนดื่มเบียร์ทุกคนก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ที่เรานั่งดื่มกันได้ทีละนานๆ นี่ ไม่ใช่เพราะความอร่อยแน่ๆ แต่ความ มัน ในวงเบียร์ต่างหากที่ดึงให้หลายคนไม่ยอมเลิกราก็เรื่องสารพัดที่แต่ละคนนำมาเล่าสู่กันฟังนี่แหละครับคือกับแกล้มที่ดีที่สุดแล้วเรื่องที่นำมาพูดคุยเล่าสู่กันนี่น่ะ เล่ายังไงก็ไม่สนุกเท่า เล่ากับเบียร์ จริงๆ นะ ไม่ได้โม้หรือถ้ายังไม่เชื่อ ก็หาที่เหมาะๆ เข้า หาเบียร์เย็นๆ มาสักขวด รินพอให้ปริ่มๆจิบเข้าสักทีหนึ่งแล้ว ม่ะ มาฟังผม เล่ากับเบียร์กัน
. ไอ้โต๊ดเป็นเด็กรุ่นน้องหน้าแหลม คล่องไปทั้งตัว หูตาคิ้วคอจมูกปาก ดูมันคล่องไปหมดยกเว้นตอนควักกระเป๋าจ่ายค่าเบียร์ ไอ้ที่คล่องๆ เป็นอันสนิมกินขึ้นมาทันทีหมอนี่เป็นน้องใหม่ของวงหลังเลิกงาน แต่ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่มาแรงเอามากๆ ชนิดที่พวกเก๋าๆเพิ่งจิบไปได้ ทีสองที หมอเติมแก้วที่สองซะแล้ว แล้วเย็นวันหนึ่งก็เช่นเคย พอเดินออกมาจากที่ทำงานก็เห็นพี่อ๊อดนั่งอยู่กับไอ้สนที่ร้านเจ๊จอยข้างออฟฟิศ เฮ้ย กลับแล้วเหรอพี่อ๊อดส่งเสียงมาพร้อมโบกมือเรียก .....อ๊ะ เสียงยังใสอยู่ บ้า ....กลับแล้วจะเห็นได้ไง ผมพูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปหา อ้าย เอี้ย กวนแต่เช้าเลยมึง เช้าบ้าอะไรเนี่ยเลิกงานแล้ว เออ เออว่าแต่ไม่เอาหน่อยเหรอวันนี้ พี่อ๊อดกระดกแก้วในมือเป็นทีส่งสัญญาน เฮ้ย พูดไปเดี๋ยวแฟนหน่อยได้ยินเข้าเป็นเรื่อง พูดน่าเกลียด จะให้เอาหน่อย ทะลึ่งจริงๆ ปากหาเรื่องชาวบ้านไป มือก็จัดแจงเลื่อนเก้าอี้มานั่ง อ้าย เอี้ย คำพูดติดปากพี่อ๊อดหลุดออกมาอย่างอัตโนมัติ ขณะที่ไอ้สนหัวเราะก๊าก อันที่จริง ร้านอาหารอีสานของเจ๊จอยร้านนี้ก็ใช่ว่ารสชาติจะอร่อยอะไรมากมายนักเป็นร้านห้องแถวคูหาเดียว มีโต๊ะอยู่ 7-8 โต๊ะ อาศัยราคาไม่แพงอยู่ใกล้ แล้วก็ แล้วก็ แล้วพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงนั่งกันอยู่ได้อาทิตย์ละหลายวัน ก็แบบไม่รู้ไม่รู้นี่แหละเบียร์แก้วแรกของผมในเย็นวันนั้นก็เริ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เหมือนกับหลายๆครั้ง หลายๆ คน ของสมาชิก ชมรมคนรักเบียร์นี่แหละครับ ที่ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษหรือความตั้งใจอะไรให้วุ่นวาย แค่มีคนสะกิดก็พร้อมรบทันทีหรือบางครั้งก็เป็นฝ่ายชวนซะเอง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไปได้สักครู่ไอ้โต๊ดก็โผล่เข้ามาสมทบ แล้วก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นไอ้นี่เป็นประเภทน้องใหม่มาแรง เพียงไม่ถึงชั่วโมงขวดเบียร์ใต้โต๊ะก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอ้โต๊ด มึงนี่แดกเร็วจริงๆกูว่าอย่างอื่นมึงก็ต้องเร็วแหงๆ พี่อ๊อดพูดพลางยิ้มแบบมีเลศนัย โหย ไม่หรอกพี่อย่างอื่นน่ะ ผมช้า ช้ามากเลยแหละ ไอ้โต๊ดอ่านขาดว่าพี่อ๊อดจะมาไม้ไหน โดยเฉพาะเวลาจ่ายตังค์ไอ้สนได้ที ซ้ำดาบสอง ไอ้โต๊ดหน้าเจื่อน โธ่พี่ผมน่ะเงินเดือนนิดเดียว ให้พี่เลี้ยงน่ะเป็นกุศลของชีวิตเลยนะ ไอ้โต๊ดทำเสียงน่าเวทนา ชีวิตกูหรือชีวิตมึงพี่อ๊อดมองหน้า ชีวิต เจ๊จอย ไอ้โต๊ดยักคิ้วแผล็บ เรียกเสียงฮาพร้อมวลีอมตะของพี่อ๊อด อ้าย เอี้ย เวลาผ่านไปพร้อมๆ กับดีกรีในตัวที่เพิ่มขึ้นและความดังของเสียงคุยในจังหวะหนึ่งก็มีรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจเปิดหวอนำขบวน (อะไรก็ไม่รู้)วิ่งผ่านหน้าร้านไป ไอ้พวกนี้น่ารำคาญจริงๆ ไอ้สนบ่นพลางมองตาม มึงอย่าไปว่าเค้านั่นรถเจ้ารถนายนะมึง ไอ้โต๊ด มึงน่ะ ไหว้ซะจะได้เป็นสิริมงคล พี่อ๊อดหันมากัดไอ้โต๊ดต่อ วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรพี่อ๊อดตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องมันตลอด โธ่ พี่ไม่รู้อะไรผมน่ะเคยขับรถแบบว่ามีรถตำรวจเปิดหวอนำมาแล้ว ไม่อยากคุย ไอ้โต๊ดยืดอก เวลามันพูดเรื่องที่มั่นใจแล้ว หูตามันคร่อกไปหมด วิ่งตามขบวนเค้าน่ะสิไอ้สนเดา กูว่าตำรวจจับมากกว่า พี่อ๊อดหาเรื่องให้หนักไว้ก่อน ไม่ใช่พี่ แบบว่าตำรวจขับนำหน้าให้ผมคนเดียวเลยนะจากนครปฐมถึงกรุงเทพเลย กูไม่เชื่อไอ้เอี้ย ถ้าจริงนะ วันนี้กูเลี้ยงเบียร์มึง ถึงตอนนี้พี่อ๊อดได้ที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้สไตล์ที่พอได้ที่แล้วชอบท้า ถ้าอย่างโน้นถ้าอย่างนี้ กูเลี้ยงเบียร์นี่ เป็นเอกลักษณ์ที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้แกเลิก เพราะส่วนใหญ่เอกบุรุษเจ้าของเอกลักษณ์ต้องจ่ายเป็นประจำ จริงๆ ช่วงนั้นผมอยู่ปี 3 ยังขับรถไม่ค่อยเป็นเลยแล้วมันมีงานเกษตรแฟร์ไง ผมต้องไปเอามะละกอจากกำแพงแสนมาขายในงานที่คณะ ไอ้โต๊ดเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวบางเขนสถาบันที่จัดงานเกษตรแฟร์มาตั้งแต่เป็นงานวิชาการเพื่อเกษตรกรที่ใหญ่ที่สุดคึกคักที่สุด และดีที่สุดในประเทศไทย จนปัจจุบันกลายเป็นงานวัดหรือตลาดนัดประจำปีไปซะแล้ว เพื่อนมันยืมรถกระบะของอาจารย์ขับไปให้ ไอ้โต๊ดเล่าต่อ แต่พอขากลับเพื่อนมันติดธุระด่วน กลับมาด้วยไม่ได้ ไอ้ผมก็ทำไงล่ะ งานเริ่ม 9โมง เหลืออีกชั่วโมงกว่าๆ ก็ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน มันห้าวด้วยไงพี่ทีนี้ก็ขับมาคนเดียวสิ แง่ง ใบขับขี่ก็ไม่มี ขับก็ไม่ค่อยเป็น รถมันก็เป็นรุ่นเก่าไม่ใช่อัตโนมัติเหมือนเดี๋ยวนี้ สตาร์ทเสร็จ ออกรถ ดับ สตาร์ทอีก พอออกรถอีกดับอีก มึงขับได้เมื่อไหร่โทรไปบอกกูนะกูกลับบ้านไปนอนก่อน พี่อ๊อดรำคาญในลีลาของมัน แหมพี่ก็มันขับไม่เป็นน่ะ พอสักพักมันก็พอไปได้นะ ค่อยๆ คลานมา ออกจากมหาลัยวิ่งมายังไม่ถึงกิโลเลย ตำรวจตั้งด่านอยู่ ไอ้ผมก็ ฉิบหายแล้ว โดนเรียกตรวจแหงๆ ไอ้โต๊ดทำท่าเป็นจริงเป็นจัง มึงก็เลยโดนจับ.....จบ ไอ้สนสรุป ไม่ใช่พี่ตำรวจมันเรียกตรวจจริงๆ ขอดูใบขับขี่ อะไรก็ไม่มีสักอย่าง ตอนนั้นหน้าซีดแล้วกะว่าโดนซิวแหงๆ สุดท้ายก็ตัดสินใจควักบัตรนักศึกษาให้แล้วมั่วนิ่มบอกตำรวจว่า พี่ๆ วันนี้เปิดงานเกษตรแฟร์ เดี๋ยวนายกฯ จะมาเปิดงานนี่ผมมาเอามะละกอไปให้นายกตำส้มตำการกุศลนะเนี่ย แล้วตำรวจเชื่อมึงเหรอไอ้เอี้ย พี่อ๊อดดักคอ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ ไอ้โต๊ดเล่าต่อ มันบอกส้มตำใช้มะละกอที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องมาเอาถึงนี่ ผมก็เลยบอก พี่นี่มันมะละกอ GMO รู้จักมั้ยพี่ มะละกอ GMO มีปลูกที่เดียวที่กำแพงแสน นายกเค้าสนับสนุนพืช GMOพี่ไม่รู้เหรอ เดี๋ยวจะมีตำไปแล้วให้บรรดารัฐมนตรีกินด้วย เค้าขายครกนึงเป็นพันๆเลยนะ นี่ถ้าไปไม่ทันยุ่งแน่พี่ มึงนี่ แง่งเลวจริงๆ ไอ้สนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ในขณะที่พี่อ๊อดนั่งอึ้ง เท่านั้นแหละพี่ ไอ้โต๊ดตาเป็นประกาย ตำรวจคว้ารถมอเตอร์ไซค์แล้วบอก เดี๋ยวน้องขับตามมานะ ผมจะนำทางให้แล้วพี่ตำรวจก็เปิดหวอขับนำผมมาตั้งแต่กำแพงแสนถึงบางเขนเลยแถมพอถึงที่ผมยกมือไหว้ขอบคุณ ตำรวจยังยกมือตะเบ๊ะพรึ่บ ตะโกนเสียงดัง..ยินดีรับใช้ประชาชนครับ เพื่อนๆ แตกตื่นกันใหญ่นึกว่าผมไปทำอะไรมา พอรู้เรื่องนะฮากันลั่นเลย ทั้งผมทั้งไอ้สน ฮากันลั่นอย่างที่ไอ้โต๊ดมันว่าจริงๆก็มีแต่พี่อ๊อดละครับที่ฮาไม่ออก ก็ต้องเลี้ยงเบียร์ไอ้โต๊ดตามสัญญาไง กริ๊ก.....เสียงชนแก้วระหว่างไอ้โต๊ดผม ไอ้สน พร้อมกับเสียงของพี่อ๊อด อ้าย เอี้ย
Create Date : 30 มกราคม 2560 |
Last Update : 30 มกราคม 2560 13:51:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 692 Pageviews. |
|
|