กันเอง ง่ายๆ สบายๆ เล่าเรื่อง พูดคุย นานาสาระ และไร้สาระ เกี่ยวกับคนพวน ไทยพวน ลาวพวน...
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
14 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ตอนที่ 1 กำเนิดขุนบูลม ตอนจบ

จากตอนที่แล้วขุนบูลมได้กล่าวการแบ่งปันทรัพย์สมบัติให้พระโอรสทั้ง ๗ ซึ่งแต่ละองค์สรุปแล้วได้รับการแบ่งปันทรัพย์สมบัติจากพระบิดา ดังนี้

           ๑.       ขุนลอ            ได้ ฆ้องราง ง้าวตาว แม่วี และแหวนธำมรงค์ เลื่อมแสงใสมณีโชติ


           ๒.      ยีผาล้าน         ได้ หอกมงคลคันคำ และหน่วยปัทมราช โชติแสงสิงตะวัน


           ๓.       สามจูสง         ได้ เกิบเงิน ดาบฝักคำ และหน่วยมุกตั้ง เลื่อมผิวเงินเลียงล่องนาคราช


           ๔.      ไสผง              ได้ หน้าซองคำ แล่งชายคำ และหน่วยเพชร เชิดตั้งแย้งแผ่นบาดาล


           ๕.      งัวอิน               ได้ ง้าวปากไชย ด้ามมาศ และหมากนิลเลื่อม ผ่านส่องแสง


           ๖.      ลกกลม            ได้ ดาบเหล็กพวนฝักถักหวาย และอัมพา ผ่องผายงามปัดตลอดลิงลำไว้ห้า


          ๗.      เจ็ดเจิง            ได้ ตาวรางกวน และหน่วยปัดคำแสง เลื่อมหลายหลากแก้ว


          ในระหว่างที่มีการแบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่พระโอรสอยู่นั้น พอดีช้างทรงที่ตกทอดมาแต่เสด็จปู่เจ้าแถนหลวงเชือกหนึ่ง ได้ล้มลง (ตาย) ช้างเชือกนี้มีอายุมากและเป็นช้างที่มีงากอมงากอด (มีงายาวปลายไขว้กัน) ขุนบรม ฯ จึงมีรับสั่งให้นำงาทั้งคู่มาตัดออกเป็น ๗ ท่อน ดังนี้


          งาก้ำขวา (ข้างขวา) แบ่งเป็น ๔ ท่อน ท่อนกก (ท่อนต้น) ยกให้ ขุนลอ ท่อนถัดมายกให้ ยีผาล้าน ท่อนที่สามยกให้สามจูสง ส่วนท่อนปลายยกให้เจ็ดเจิง งาก้ำซ้าย (ข้างซ้าย) แบ่งเป็น ๓ ท่อน ท่อนกก (ท่อนต้น) ยกให้ ไสผง ท่อนกลางยกให้ งัวอิน ท่อนปลายสุดท้ายยกให้ลกกลม ครั้นเมื่อ ขุนบรม ฯ ทรงแบ่งทรัพย์สมบัติ แก้ว แหวน เงินทอง ให้แก่พระโอรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงบอกชี้ทิศบ้านเมืองที่จะให้พระโอรสไปสร้างบ้านแปงเมือง อยู่ปกครองกันเอง ดังนี้


          ๑.      ขุนลอ ให้ไปสร้างเมืองชวา (หมายถึงเมืองเซ่า หรือ เส้า อันได้แก่เมืองที่มีหิน เป็นก้อนเส้า เป็นนิมิตรหมาย ซึ่งเมืองนี้ต่อมาได้แก่ เมืองหลวงพระบาง ชาวไทยพวนที่อพยพมาจากบ้านเซ่า หรือเมืองเซ่า มาตั้งถิ่นบานอยู่ตัวอำเภอบ้านหมี่ จำนวนหลายหมู่บ้าน อำเภอนี้เดิมเคยชื่อว่า อำเภอบ้านเซ่า)


          ๒.      ยี่ผาล้าน ให้ไปสร้างเมืองหัวแต (คำว่า หัวแต หมายถึง ปากทางน้ำไหลที่มีคนไปสร้างเป็นฝายหรือเขื่อนกั้นน้ำไว้ใช้กินอาบ ทำนาทำไร่ เมืองนี้พื้นที่เป็นหนองน้ำใหญ่ กว้างขวางเรียกว่า หนองแส แต่ตามพงศาวดารหลวงพระบางว่า เมืองประคึง อันเป็นเมืองอยู่ทางใกล้อ่าวตังเกี๋ย เวียดนามเหนือ)


          ๓.        สามจูสง ให้ไปสร้างเมืองแกวช่องบัว (เมืองบัวชุม พงศาวดารหลวงพระบางว่า ตัวเมืองตังเกี๋ยของเวียดนาม)


          ๔.      ไสผง หรือเจ้าไชยพงศ์ ให้ไปสร้างเมืองยวนโยนก (แต่ในพงศาวดารหลวงพระบางว่า เมืองหงษาวดี ความจริงน่าจะเป็น เมืองโยนกเชียงแสน ปัจจุบันนี้เป็นอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย)


          ๕.        งัวอิน ให้ไปสร้างเมืองชาวใต้อโยทธยา (ได้แก่ เมืองเก่าปรากฏนามว่า อโยธยา บริเวณวัดเดิมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา)


          ๖.      ลกกลม ให้ไปสร้างเมืองเชียงคม(แต่ในพงศาวดารหลวงพระบางว่าเมืองอินทปัต คือ บริเวณเขตเมืองคำเกิดฝั่งแผ่นดินลาวและใต้ลงไปกินถึงเขตเมืองเขมรด้วย)


          ๗.       เจ็ดเจิง หรือเจ็ดเจือง คือน้องคนสุดท้อง ตามภาไทยพวนว่า น้องหล๊า ให้ไปสร้างเมืองพวนอันได้แก่ เขตเมืองพวน มีแขวงเมืองเชียงขวางเป็นเมืองหลวง


          เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยยแล้ว ขุนบรมราชาธิราช พระราชบิดาจึงทรงให้โอวาท แนะนำพร่ำสอนและย้ำเตือนก่อนที่พระโอรสจะแยกย้ายกันไปครั้งสุดท้าย ซึ่งสรุปมาในส่วนที่มีความสำคัญ ๆ ดังนี้


          “ ...ถ้าผู้ใดไปสร้างบ้านแต่งเมือง มีบุญญานุภาพมาก ให้เร่งตั้งอยู่ในทางยุติธรรม อย่าได้คิดทัพศึกสงครามยกไปรบพุ่งเบียดเบียน ตีชิงเอาบ้านเมืองแก่กันและกัน ผู้ใดตั้งอยู่ในยุติธรรมราโชวาทของพระราชบิดานี้ ให้ผู้นั้นมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป...”


          “ ...เจ้าพี่น้องหากแม่นลูกกูผู้เดียวดาย เมื่อกูตายไปอยู่ลูกหลังกูพ่อสูเจ้า เจ้าก็ป้านแปงเมือง บุญผู้ใดมีหากได้นั่งบ้านสร้างเมือง อันกว้างขวางว่างใหญ่ บุญผู้ใดมีบ่มีหลาย หากจักได้อันที่แคบขันอันชะแลกปันให้สูเจ้าแล้วดังนี้ ภายหน้าผู้ใดอย่าโลภตัณหาอิจฉามักมาก และเอารี้พลช้างม้าไปตกแดน เอาหอกดาบแขนแพนไปตกท่ง แล้วรบเลวเอาบ้านเมืองกันดังนี้ ให้ผู้นั้นพินาศฉิบหาย ทำอันใดอย่าให้เป็น เข็นอันใดอย่าให้ได้ ปลูกไม้อย่าทันตาย ปลูกหวายอย่าทันล่อน ข้อม่อนอย่าให้รี ปีมันอย่าให้กว้าง เทียวทางให้ฟ้าผ่า เมือป่าให้เสือกิน ไปทางน้ำให้เงือกท่อเรือฉก ไปทางบกให้เสือท่อม้ากินมัน แล...”


          “ ...เมืองอ้ายไว้แก่อ้าย เมืองน้องไว้แก่น้อง อย่าทำร้ายเบียดเบียนกัน อย่าผิดข้องข่มเหงเอาก็พ่อเทอญ...”     






Free TextEditor




Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 15:49:11 น. 2 comments
Counter : 487 Pageviews.

 
ถ้าคนเข้าใจประวัติที่มาดั้งเดิมแล้ว จะไม่มีความแตกแยกเลย ทุกวันนี้คนไม่เข้าใจ จึงได้ดูถูกกัน


โดย: นิรันดร์ IP: 124.121.148.123 วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:23:58:19 น.  

 
ไทยลาวแท้ๆไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกันเพราะบรรพบุรุษของไทยคือลาวบรรพบุรุษของสยามคือลาว
แต่ภาษาลาวในแผ่นดินภาคกลางหายไปไหน กลายเป็นภาษาที่คนต่างเชื้อชาติที่พยายามพูดลาวแล้วออกสำเนียงเป็นภาษาไทยปัจจุบันหรือเปล่า เช่น คนจีนคนเขมรพูดลาว เป็นต้น


โดย: น่าคิด IP: 223.207.174.7 วันที่: 18 มิถุนายน 2554 เวลา:16:14:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หม่าเด่น
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หม่าเด่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.