Group Blog |
เมโทรฯสร้างระบบไอทีเสมือนจริง เมโทร ชี้ธุรกิจวางระบบไอทีอยู่ลำบาก เหตุจากเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว-ลูกค้าต้องการลงทุนลดลง เร่งสร้างบริการใหม่ตอบสนองความต้องการลูกค้า ล่าสุดลงทุน 50-60 ล้าน สร้างระบบไอทีเสมือนจริงเต็มรูปแบบแห่งแรกไทย เล็งเจาะเข้าตลาดยานยนต์และการเงิน-ประกัน คาดปีนี้รายได้ 5,200 ล้านบาท นายธวิช จารุวจนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมโทร ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการวางระบบไอที หรือ เอสไอ รายใหญ่ เปิดเผยว่าแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และความคาดหวังของลูกค้าที่ต้องการลงทุนลดลง เนื่องจากราคาฮาร์ดแวร์ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจผู้ให้บริการวางระบบหรือเอสไอ มีความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งผู้ให้บริการที่สามารถอยู่รอดได้ตั้งปรับตัว โดยต้องพัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถรองรับงานหลากหลายรูปแบบ ขณะเดียวกันของพยายามพัฒนาบริการหรือมีไอเดียใหม่ออกมาตอบสนองความต้องการ ของลูกค้า และพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี โดยใช้เม็ดเงินประมาณ 50-60 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้เป็นระบบเสมือนจริง หรือ เวอร์ชวลไลเซชัน ที่สมบูรณ์แบบทั้งระบบตั้งแต่ต้นจนจบ (End to End) คือ เริ่มตั้งแต่ระบบเครื่องแม่ข่าย หรือเซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหรือสตอเรจ, ระบบเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์ก ซอฟต์แวร์ทั้งระบบปฏิบัติการ และระบบงานต่างๆ ไปจนถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือ เดสก์ท็อป ซึ่งในการพัฒนาระบบดังกล่าวขึ้นมานั้นบริษัทได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร เทคโนโลยี 4 ราย คือ ซิสโก้ , วีเอ็มแวร์ , ซีทริกซ์ และเทรน ไมโคร โดยถือเป็นระบบเวอร์ชวลไลเซชัน ที่มีความสมบูรณ์แบบแห่งแรกให้ประเทศไทย โดยประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนระบบดังกล่าว นอกจากจะเป็นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานไอทีของบริษัทให้สามารถทำ งานให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งการลงทุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ,การดูแลรักษาระบบ , ผู้ดูแลระบบ , พื้นที่ใช้สอย และประหยัดพลังงาน แล้วนั้นบริษัทยังพร้อมใช้ระบบดังกล่าวจะเป็นยุทธศาสตร์หลักในการนำเสนอกับ ลูกค้า เพื่อให้เห็นภาพการทำงานจริงและประโยชน์ที่ได้รับ โดยกลุ่มลูกค้าที่เหมาะกับระบบดังกล่าวนั้นจะเป็นกลุ่มองค์กรขนาดกลางและ ใหญ่ที่มีเครื่องแม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ตั้งแต่ 30 เครื่องขึ้นไป และต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่น ง่ายต่อการขยายเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ซึ่งบริษัทจะมุ่งนำเสนอระบบดังกล่าวไปยังลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และธุรกิจการเงิน และประกันภัย โดยภายในปีนี้คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญากับบริษัทประกันแห่งหนึ่งที่มีสาขาทั่ว ประเทศ เพื่อพัฒนาระบบเวอร์ชวลไลเซชัน "ตอนนี้ขาดการพัฒนาให้สามารถล็อกอินผ่านไอโฟนเข้ามาในระบบเท่านั้น ระบบนี้จะเป็นเทรนด์ในอนาคตที่องค์กรมอง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครเป็นคนอิมพลีเมนต์ระบบ และเลือกเวนเดอร์รายได้ เพราะที่ผ่านมาเวนเดอร์แต่ละรายทั้งเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ ต่างก็พูดถึงเวอร์ชวลไลเซชัน แต่ต่างใครต่างพูดไม่มีใครเอามารวมกันเป็นเวอร์ชวลไลเซชันที่สมบูรณ์แบบ เรากำลังพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นการทำงานของเวอร์ชวลไลเซชันที่เป็นเอ็นทูเอ็น ตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ " นายธวิช กล่าวต่ออีกว่า ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% โดยปีที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 4,500-4,600 ล้านบาท ซึ่งรายได้ปีนี้มาจากกลุ่มธุรกิจฮาร์ดแวร์ กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์และบริการ และกลุ่มธุรกิจวัสดุสิ้นเปลือง ในสัดส่วนเท่าๆ กัน โดยธุรกิจที่มีการเติบโตขึ้นมา คือ กลุ่มซอฟต์แวร์ และบริการ ที่เดิมมีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,573 10-13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 |
Mr.Millionaire
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog
Link |