สังคมไทยจะมีทางออกอย่างไร กับปัญหา" คู่อริป่วนเมือง"

สังคมไทยจะมีทางออกอย่างไร กับปัญหา" คู่อริป่วนเมือง"
เหตุการณ์ยกพวกตีกันของคู่อริต่างสถาบันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาตอกย้ำความ ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาของสังคมที่นับวันดูจะเลวร้ายขึ้นทุกที เมื่อปรากฎข่าวการไล่ล่าในกลุ่มของเยาวชน "วัยที่ควรแสวงหาความรู้" แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนวันเว้นวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์การสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์



เริ่มจากเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม ที่จังหวัดปทุมธานี อ.ธัญญบุรี มีผู้บาดเจ็บ 3 รายเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนปทุมธานีชั้นปวช.ปี 2 และปี1 ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนที่มาด้วยกัน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บหลายจุดขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บริเวณคลอง 2 เลียบคลองรังสิต โดยผู้ก่อเหตุตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาคู่อริต่างสถาบันที่เคยมีเรื่อง ทะเลาะวิวาทกันอยู่เป็นประจำ

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม จากคำบอกเล่าของพนักงานขับรถ ขณะที่รถเมล์สาย 538 กำลังวิ่งอยู่แถวคลองสาม-สี่ มีรถจักรยานยนต์เกือบ 10 คัน มีวัยรุ่นซ้อนมาเต็มเข้าประกบสองข้างของตัวรถ พร้อมทั้งยิงปืนและขว้างหินเข้าใส่ทั้งๆที่ในขณะนั้นผู้โดยสารอยู่ในรถ 40-50 คน และยังจ่อปืนไปที่คนขับเพื่อขู่ให้หยุดรถอีกด้วย แต่ทางคนขับตัดสินใจขับหนีเข้าไปในโรงพยาบาล โดยในภายหลังจึงทราบว่าในกลุ่มผู้โดยสารมีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนเทคนิค ดอนเมืองอยู่บนรถสองคนและ 1 ในนั้นก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนกลุ่มที่ไล่ล่าตามมาเป็นนักเรียนจากโรงเรียนเทคนิคปทุมธานี

วันพุธที่ 1 กันยายนนับเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญที่สุดเมื่อมีรายงานว่ารถเมล์สาย 113 ขณะวิ่งบริเวณปากซอยรามคำแหง 164 มีรถจักรยานยนต์วิ่งตามและปาดหน้ารถเมล์จากนั้นใช้ปืนยิงเข้าใส่ตัวรถจน กระสุนไปโดนตัวของ ด.ช.จตุพร ผลผกา วัยเพียง 9 ปีที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนจนเสียชีวิต ส่วนผู้กระทำผิดนั้นตำรวจจับตัวได้ในวันถัดมาพบว่าเป็นนักเรียนโรงเรียน เทคโนโลยีบางกะปิโดยเป้าหมายที่อยู่บนรถเมล์เป็นนักเรียนจากโรงเรียนช่าง อุตสาหกรรมกรุงเทพ

และเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กันยายนเกิดเหตุขึ้น 2 จุด เหตุแรกเกิดที่ปากซอยเพชรเกษม 16 ใกล้สี่แยกท่าพระ เวลาประมาณ 7.30 เป็นนักศึกษาโรงเรียนเทคโนโลยีสยาม(ช่างกลสยาม) 4-5 คนวิ่งไล่ฟันคู่อริโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงธนจนได้รับบาดเจ็บที่แขนต้องถูกนำ ส่งโรงพยาบาล ส่วนอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดปทุมธานีเป็นนักเรียนช่างกลกว่า 20 คนก่อเหตุไล่ตีกันกับคู่อริ โดยไล่ตีกันตั้งแต่ เขต สภ.เมืองปทุมธานี จนมาถึงเขตพื้นที่ สภ.สามโคก ทางตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นนักเรียนโรงเรียนเทคโนโลยี ย่านปุมธานี

ด้านแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ทางกระทรวงศึกษาธิการเสนอให้ 1.จัดการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด 2.ให้สถานศึกษาจัดทำรายชื่อนักเรียนกลุ่มเสี่ยงโดยทำประวัติข้อมูลเชิงลึก ส่งไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้พร้อมทั้งภาพถ่าย 3.ให้สถานศึกษาประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีการตรวจค้นอาวุธ และทางรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการยังเสนอให้มีการแก้กฎหมายเพื่อให้มี การเอาผิดกับพ่อแม่ของเด็กที่ก่อเรื่องอีกด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการจัดทำหมายเลข 600 เพื่อเปิดรับรายงานเหตุตีกัน

ทางด้านผู้ว่ากรุงเทพมหานครม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หลังจากร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเบี่ยงเบนของนักเรียน อาชีวศึกษาที่สำนักงานเขตมีนบุรี เปิดเผยว่าในเบื้องต้นมีมาตรการให้โรงเรียนอาชีวะทั้ง 9 แห่งในพื้นที่กทม.ฝั่งตะวันออกเลือกนักเรียนกลุ่มเสี่ยงออกไปทำกิจกรรม บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.หลังจากนั้นจะให้คัดเลือกตัวผู้นำจากกลุ่มเสี่ยงของแต่ละสถาบันจำนวน 100 คนไปเข้ากิจกรรมร่วมกันที่วังตะไคร้เพื่อละลายพฤติกรรม

ส่วนศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาโดย 2 ข้อคือ ข้อแรกให้นำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายย้ายออกไปให้ห่างกับสถาบันเทคโนโลยี ปทุมวัน ที่เป็นต้นแบบและถือเป็นรากเหง้าของปัญหาโรงเรียนคู่อริทั้งหลาย โดยให้ย้ายให้ห่างกันมากที่สุด ส่วนข้อสองคือสั่งตัดเงิน ปิดโรงเรียน ถอนใบอนุญาต เนื่องจากที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่ต้องการเน้นรับเด็กจำนวนมากเพื่อ ได้ค่าเล่าเรียน และยังจะได้เงินอุดหนุนจากรัฐด้วย ทำให้เน้นไปที่การรับคนจำนวนมากไม่เน้นคุณภาพทำให้เกิดปัญหาคุณภาพเด็กตกต่ำ การตัดเงินและปิดโรงเรียนในทันทีจะทำให้ผู้บริหารต้องเข้มงวดมากขึ้น และยังชี้ให้เห็นว่าวิธีการที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือปิดสถาบันชั่วคราว นั้นไม่ได้ผลเพราะผ่านมานับ 10 ปีแล้วปัญหาก็ไม่เคยลดลงเลย ฉะนั้นควรจะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ โดยยกตัวอย่างว่าเหตุการณ์อย่างเช่น เมื่อวันพุธที่ผ่านมาควรจะเป็นตัวอย่างให้มีการปิดโรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ ไปเลย

Create Date : 04 กันยายน 2553 Last Update : 4 กันยายน 2553 22:34:15 น. Counter : 454 Pageviews.		0 comments
Share Tweet