|
10 เหตุผลช่วยสมาร์ทโฟนซัมซุง"ขายดี"
นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า ซัมซุงสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่วงเมษายน-มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาได้ถึง 50.5 ล้านเครื่อง มากกว่าแอปเปิลที่จำหน่ายไอโฟนได้ 26 ล้านเครื่องราว 1 เท่าตัว คำถามที่หลายคนข้องใจคืออะไรที่ทำให้ซัมซุงซึ่งเป็นแบรนด์เอเชียผมดำสามารถเอาชนะผู้ผลิตจากฝั่งตะวันตกทั้งโนเกียและแอปเปิลไปได้ เรื่องนี้สำนัก eweek.com วิเคราะห์ 10 เหตุผลที่ช่วยให้ซัมซุงสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ดีเทน้ำเทท่าได้อย่างน่าสนใจ ก่อนไปติดตาม 10 เหตุผลที่ทำให้ซัมซุงสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ถึง 380 เครื่องต่อนาที คุณควรรู้ว่าซัมซุงนั้นขึ้นแท่นบริษัทไอทีที่ทำรายได้สูงที่สุด (ในกลุ่มผู้ผลิตทีวีด้วย) โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (เมษายน-มิถุนายน 2555) ว่าสามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน 6.72 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเติบโต 15% จากสถิติสูงสุดที่ซัมซุงเคยทำได้ 5.85 ล้านล้านวอนในไตรมาสแรกของปีนี้ ซัมซุงระบุว่ารายได้รวมของบริษัทคือ 47.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยยอมรับว่าทำรายได้จากธุรกิจอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่มากที่สุด (สัดส่วน 63% ของรายได้ทั้งหมด) แต่ไม่เปิดเผยตัวเลขจำนวนโทรศัพท์ที่ขายได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจทีวีจอแบนของซัมซุงกลับคงที่เพราะภาวะราคาแอลซีดีตรึงตัวในตลาด โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป ขณะเดียวกัน ตลาดเมมโมรี่ชิปในขณะนี้ก็อยู่ในช่วงราคาตกต่ำ ซึ่งไม่เพียงซัมซุง แต่ผู้ผลิตอย่างไฮนิกซ์ (Hynix) และโตชิบา (Toshiba) ต่างก็ประสบกับภาวะเดียวกัน
| ***10 ข้อเอื้อสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตซัมซุง"ติดตลาด" นักวิเคราะห์ในตลาดมองว่า ไม่ใช่เรื่องยากที่จะชำแหละความลับที่ทำให้ซัมซุงกลายเป็นแบรนด์ที่ต่อสู้กับแอปเปิลได้สูสีที่สุดในนาทีนี้ ก่อนหน้านี้ซัมซุงยังอยู่หางแถวในโลกโทรศัพท์มือถือช่วงที่โลกยังมีโนเกีย-โมโตโรลา-โซนี่อีริกสันเป็นจ่าฝูง แต่วันนี้แบรนด์ซัมซุงถูกมองว่าน่าเชื่อถือและมีคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ตะวันตก ซึ่งความลับเหล่านี้สามารถประกอบกันแล้วทอแสงให้ซัมซุงโดดเด่นในตลาดได้อย่างน่าประทับใจ เหนือกว่าแบรนด์ยุโรปหรือญี่ปุ่นได้แบบไม่เห็นฝุ่นในแง่ยอดขาย 1. ดีไซน์สำคัญ ซัมซุงนั้นฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า หากต้องการประสบความสำเร็จในตลาดอุปกรณ์พกพาตั้งแต่แรก บริษัทจำเป็นต้องมีดีไซน์ที่ "match" หรือสอดคล้องกับแอปเปิล เรื่องนี้สามารถดูได้จาก Galaxy S3 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของซัมซุงที่บางเฉียบและมาพร้อมกับหน้าจอใหญ่สะใจ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เองที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าซัมซุงรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินเรื่องคุณภาพ และทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเดินตามหมากที่ซัมซุงวางไว้จนทำให้ยอดขายถล่มทลาย 2. ความไม่ปลื้มแอปเปิล แม้ว่าแอปเปิลจะมีสาวกเหนียวแน่นทั่วโลก แต่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายรายทุ่มเทกำลังมองหาทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ไอโฟนอย่างจริงจัง ซึ่งไม่ว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของซัมซุงจะทำให้บริษัทต้องตกเป็นผู้ต้องหาลอกเทคโนโลยีของแอปเปิล จนนำไปสู่การขึ้นศาลที่แพ้บ้างและชนะบ้างคละกันไป แต่ผู้บริโภคจำนวนมากก็ยังอุดหนุนผลิตภัณฑ์ทางเลือกอย่างไม่หยุดหย่อน และคดีความระหว่างซัมซุงกับแอปเปิลนั้นส่งผลดีต่อซัมซุง ที่ทำให้โลกได้เห็นว่าซัมซุงเตรียมการออกแบบด้วยตัวเอง และแอปเปิลไม่มีสิทธิใช้ข้ออ้างเรื่องลอกเลียนแบบในการขับสินค้าของซัมซุงออกจากตลาด 3. หน้าจอใหญ่ยักษ์ แอปเปิลนั้นจำกัดไอโฟนและไอแพดให้อยู่กับขนาดเดิมๆมานาน นั่นคือ 3.5 นิ้วและ 9.7 นิ้ว และเมื่อผลิตภัณฑ์เปิดตัว ซัมซุงก็พยายามเกทับด้วยการออกผลิตภัณฑ์ที่มีหน้าจอใหญ่กว่า สังเกตได้จาก Galaxy Tab ที่มาพร้อมหน้าจอ 10.1 นิ้ว และสมาร์ทโฟน Galaxy S3 รุ่นล่าสุดที่มีหน้าจอ 4.8 นิ้ว โดนใจทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและผู้ใช้ในองค์กรธุรกิจ 4. มองที่คุณค่า แม้ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงจะไม่ได้ราคาถูกที่สุดในตลาด แต่ซัมซุงก็สามารถสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงในผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ เช่น สมาร์ทโฟนราคาไม่ถึง 6,500 บาท ที่ลูกค้าก็สามารถเป็นเจ้าของสินค้าที่ "match" หรือสามารถสัมผัสหน้าจอได้ในความรู้สึกใกล้เคียงกับไอโฟน แถมซัมซุงยังทำให้ผู้ใช้เห็นว่า ขอเพียงเพิ่มราคาอีกนิด ก็จะสามารถเป็นเจ้าของสินค้าคุณภาพสูงขึ้นได้ แน่นอนว่ากลยุทธ์นี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับแอปเปิล ซึ่งหากซัมซุงไม่ได้มองถึงข้อนี้ ความสำเร็จของซัมซุงก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้น |
Create Date : 28 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2555 9:26:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2020 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|