Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
 
2 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
“IBTV” อยากลองของ ประกาศหาตัว “นาธาน” มาร่วมงานด้วย บอกท้าทายดี ?!

เจ้าของสถานี IBTV อยากลองของ ประกาศหาตัว “นาธาน” มาร่วมงานด้วย ไม่หวั่นจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป บอกการให้โอกาสนาธานคืองานที่ท้าทายมากกว่าการให้โอกาสคนธรรมดา ลั่นไม่ได้อยากดังหรือโปรโมตสถานี


       
       ไม่รู้ “นาธาน โอร์มาน” ทำบุญมาด้วยอะไร ขนาดตกเป็นคดีฉ้อโกงหลายต่อหลายคดีแต่ก็ยังมีคนยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือตลอด ตอนทะเลาะกับ “ดีเจ เจเจ จามจุรี จูลี่ แคชเชอร์" หุ้นส่วนร้านกาแฟกรณีโกงเงินในร้าน “แม่บ้านเต็ม สมาน สุขเสริม” ที่อยู่ด้วยกันก็เอาที่เอาทางทั้งของญาติและตนเองมาใช้หนี้ใช้สินให้จนหมดสิ้น เพราะเชื่อว่านาธานโกอินเตอร์เล่นหนังฮอลีวูดส์เดี๋ยวก็เอาเงินมาคืนให้ พอความแตกแม่บ้านเต็มรู้ว่าโดนหลอกเงิน “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” แม่บุญธรรมของนาธาน กับ “น้าแอ๊ะ พ.อ.(พิเศษ) นันทนาพร พรายแสง” น้าสาวของ “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง” ก็มาโอบอุ้มดูแลค่าใช้จ่าย และชดใช้เงินที่ติดแม่บ้านเต็มให้
       
       พอนาธานติดคุกกรณีฉ้อโกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” ญาติครูแหม่ม เจ้าหน้าที่ในเรือนจำก็ยังให้ความเอ็นดูถึงขั้นไปเจรจากับน้ามดให้อโหสิกรรมให้กับนาธาน พอออกจากคุกก็มีคนใหญ่คนโตในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยอุปการะ นี่ยังไม่นับที่ไปยืมเงินแสนของ “น้อมอ้อม เสาวนีย์ ฤทธิโชติ" หญิงสาวที่ป่วยมีอาการผิดปกติทางร่างกายคล้ายตัวดักแด้ จนน้องออมตายแล้วก็ยังไม่เอามาคืนกระทั่งยายของน้องอ้อมต้องออกมาแฉ
       
       ล่าสุด “สามารถ ทรัพย์พจน์” นักธุรกิจร้อยล้าน เจ้าของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม IBTV ซึ่งมีธุรกิจในมือมากมายไม่ว่าจะเป็น SAMCO SERVICES CO.,LTD ที่ทำธุรกิจปั้มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส และอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงได้กรรมสิทธิ์ IBF ฮาลาลฟู๊ด ส่งออกอาหารฮาลาล จู่ๆ ก็ประกาศอยากจะร่วมงานกับนาธาน ไม่หวั่นจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป บอกการให้โอกาสนาธานคืองานที่ท้าทายมากกว่าการให้โอกาสคนธรรมดา
       
       มีเงินร้อยล้านอยู่ดีๆ เก๋ๆ ไม่ชอบ แต่อยากจะเอาชื่อเสียงของสถานีมาเสี่ยงกับนาธาน อะไรที่ทำให้นักธุรกิจร้อยล้านอยากจะลองของแรง ไปฟังกันเลย......
       
       “เราเป็นสถานีข่าวสารอิสระและความรู้ เราคิดว่าเราเป็นสถานีที่แตกต่างจากสถานีอื่นไม่ได้มุ่งเน้นผลประโยชน์หาผลกำไร แต่มุ่งเน้นหาข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับคนทุกคน เราทำทีวีมาเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารของเราก็คือฮาลาล ซึ่งเราส่งออกไปต่างประเทศ และเร็วๆ นี้ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ตลาดอาเซียน สินค้าฮาลาลเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาดต่างประเทศมีตลาด 6 - 7 พันล้านคน คนนับถืออิสลามหรือมุสลิมก็จะบริโภคอาหารฮาลาล การที่เรามาทำสื่อก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายสินค้าฮาลาล”
       
       “สำหรับไอบีทีวีเราออกอากาศมาแล้ว 3 เดือน บางคนอาจจะมองว่าเป็นช่องอิสลาม จริงๆ เราไม่ใช่ช่องอิสลามเพียงแต่เราจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน อย่างเรื่องของข่าวถ้าต่างประเทศคุณจะดูจากซีเอ็นเอ็น บีบีซี แต่ถ้าคุณดูช่องนี้จะเหมือนดูจากอัลจาซีรา เราคืออัลจาซีราไทยแลนด์ เราตั้งใจจริงๆ ให้เป็นอย่างนั้น มุมที่คนตะวันตกมอง กับมุมที่ตะวันออกกลางมันแตกต่างกันนะ ในขณะเดียวกันเทรนด์ของเศรษฐกิจและสังคมมันจะกลับมาที่เอเชียและตะวันออกกลาง เพราะทรัพยากรในเอเชียมีเยอะ ในตะวันออกกลางก็เม็ดเงินที่ได้จากน้ำมันเยอะ”
       
       ฟังดูแล้วก็เป็นสถานีที่อยากจะนำเสนอข่าวสารที่มีสาระต่อสังคมในมุมมองของตะวันออก แล้วไปไงมาไงถึงอยากได้ “นาธาน โอร์มาน” ที่ตกเป็นข่าวฉาวโกงเงินอื่นมาหลายคดีมาร่วมงาน
       “ผมคิดว่าอยากให้โอกาสคน ผมไม่ได้ติดตามข่าวบันเทิงมากมายนัก แต่ก็พอได้ทราบข่าวเขาที่เคยออกทุกวันๆ ไปทำโน่นทำนี่ ข้อเท็จจริงก็เป็นมุมมองข้างเดียว แต่มันก็คงมีข้อเท็จจริงไม่งั้นก็คงไม่สามารถถูกดำเนินคดีได้ แต่พอเรามามองกลับกันเด็กคนนี้ก็มีอะไรที่แปลกในตัวของเขาเอง นั่นก็คือการโฆษณาตัวเอง การโฆษณาความเชื่อ หรือการสร้างเรตติ้งให้กับตัวเอง แต่บางทีอยู่ในช่วงจังหวะวงจรชีวิตที่ผิดพลาด”
       
       “ผมคิดว่าถ้าผมจะให้โอกาสคนซักคนหนึ่ง ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นต้นแบบให้กับคนหลายๆ คน ถ้าผมสามารถคุยกับเขาได้ในการจัดการบริหารงานได้ มันจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนคิดไม่ถึง เขาเป็นคนที่ฉลาดพอสมควรแต่เป็นคนที่ไปใช้ในทางที่ผิดก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ”
       
       ต้องยอมรับว่า “นาธาน” เป็นคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ร้องเพลง หรือ งานศิลปะ แต่กลับใช้ชื่อเสียงในการที่เคยเป็นนักร้องไปหลอกคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นหลอก “ดีเจ เจเจ จามจุรี จูลี่ แคชเชอร์" โกงเงินหุ้นส่วนร้านกาแฟ , หลอกเงิน “แม่บ้านเต็ม สมาน สุขเสริม” แม้แต่ผู้มีพระคุณอย่าง “ครูแหม่ม พิสมัย ศรีกระบุตร” ที่นับถือกันเป็นแม่บุญธรรม และช่วยเหลือนาธานจากคดีโกงเงินแม่บ้านเต็ม นาธานก็ยังไม่ฉ้อโกงเงินญาติครูแหม่มจนต้องติดคุกหัวโตเกือบ 1 ปี การที่ไอบีทีวีให้โอกาสคนที่เคยทำร้ายผู้มีบุญคุณ สุดท้ายแล้วจะมีจุดจบเดียวกันหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่หลายๆ คนตั้งคำถาม
       
       “สภาพชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมเองพูดตรงๆ ว่า เรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยใหญ่แต่ประเด็นมันอยู่ที่การพูดคุยให้เกิดความเข้าใจมากกว่า ในช่วงหนึ่งคนบางคนอาจจะใช้เงินโดยที่ไม่รู้คุณค่าของเงิน วันหนึ่งถ้าอายุมากขึ้นมีความรับผิดชอบมากขึ้นก็มีโอกาสจะเปลี่ยนแปลงไปได้ นั่นหมายความว่า คนครั้งหนึ่งเคยทำผิดแล้วใช่ว่าจะผิดตลอด(นี่เขาผิดมาหลายครั้งแล้วนะ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว) ครั้งที่ 4 อาจจะไม่ผิดแล้วก็ได้(หัวเราะ) ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะพูดคุยชวนเขามาร่วมงาน แต่เป็นการร่วมงานภายใต้กฏกติกาที่เราต้องตกลงกันก่อน” 
       
       “กับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นของนาธานเราไม่รู้หรอกว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผมเองก็ยังไม่ได้ฟังจากปากนาธานหรือคนที่เป็นคู่กรณีของนาธาน ผมฟังจากสื่อแต่สื่อก็มีหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นเราจะไม่บรู๊ฟใคร (แต่ศาลบรู๊ฟมาแล้ว ตัดสินมาแล้ว) ศาลบรู๊ฟมาแล้วถือว่าเป็นความผิดที่เขาต้องรับโทษ ส่วนเรื่องอื่นเราก็คงไม่อาจจะไปวิพากษ์วิจารณ์ และเราอยากจะให้โอกาสเขา”
       
       “ผมคิดว่าเขาคงจะต้มอะไรผมไม่ได้หรอก และผมก็ไม่มีอะไรให้ต้ม (คุณมีธุรกิจเยอะแยะ ชาวนามีทรัพย์สินไม่มากเขาก็ฉ้อโกงมาแล้ว) ผมคิดว่า ผมมีประสบการณ์มากกว่าชาวนา เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์หามาด้วยความหยาดเหงื่อ ผมก้าวมาจากคนที่อยู่อยุธยาเข้ามาอยู่กรุงเทพ ผันตัวเองจนมีเงินมาหลายร้อยล้าน ผมคิดว่า ถ้าผมจะถูกหลอก ผมก็คงจะได้เรียนรู้อะไรจากเขาบ้างพอสมควร”
       
       ***คนดีๆ ในสังคมมีเยอะแยะที่รอโอกาส แต่ทำไมไอบีทีวีเลือกที่จะให้โอกาส “นาธาน” ผู้ซึ่งไม่เคยยอมรับความผิด ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปาก “ขอโทษ” คู่กรณีแม้ศาลจะตัดสินความผิดไปอย่างชัดเจน
        
       “ผมคิดว่าวันนี้ถ้าเราให้โอกาสกับคนที่ไม่ดี เพื่อมาเป็นแบบอย่างให้กับอื่นดำเนินชีวิตก็จะเป็นผลดีมากกว่า ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงไม่มีอะไรที่ตื่นเต้น แต่ถ้าเป็นคนนี้มาผมคิดว่าจะมีอะไรที่ตื่นเต้น ในออฟฟิศของผมเองก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะเอาเขามาร่วมงาน เพราะเขากลัวจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของ แต่ผมก็บอกว่า เราจะทำทั้งหมดภายใต้กรอบกติกาที่จะต้องตกลงกัน และมีการพูดคุยกับนาธานอย่างชัดเจนว่า จะมีรายละเอียดอย่างไร มีผลตอบแทนให้อย่างไร ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกกันด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร”
       
       “กติกาของผมก็คือ อะไรก็ตามแต่ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้ ถ้าทีวีของผมได้นาธานมาแล้วทำให้มีเรตติ้งคนดูเยอะก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ แต่ถ้าทำแล้วเกิดผลเสียผมก็จะบอกว่า คงไปไม่ไหวแล้วคุณจะทำให้ผมเสียภาพลักษณ์ เราจะบอกเขาตรงๆ เราไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน ผมไม่ได้มาจากวงการบันเทิง ผมมาจากวงการกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และรู้จักการเสียสละ”
       
       “ผมเชื่อว่าวงการบันเทิงคือมายา แต่ผมจะทำวงการบันเทิงไม่ให้เหมือนคนอื่นๆ ทำ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นผมไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ถามว่า ทำไมผมจึงอยากดึงเขาเข้ามา ผมอยากดังหรือเปล่า มันไม่ใช่ ผมว่าตอนนี้ผมดังพอสมควรแล้ว ไปไหนก็มีพอมีคนรู้จักผม เพราะธุรกิจผม 5 เปอร์เซ็นต์คืนสู่สังคม ผมออกรายการ ผมมีศักยภาพในตัวเองพอสมควร เรื่องดึงมาเพื่อโปรโมตสถานีก็แล้วแต่คนจะคิด เราเชื่อในการกระทำของเราเอง เราเชื่อว่า เราคิดดี ทำดี แล้วเราก็จะได้ดี เรามีเจตนาอย่างนี้จริงๆ”
       
       ยังไม่รู้ให้นาธานทำส่วนไหน
       “ผมยังไม่รู้ แต่แน่นอนคำพูด พูดออกมาแล้วเป็นนาย แต่ต้องมีการพูดคุยกันก่อนจะทำอะไรก็แล้วแต่จะต้องมีการเจรจาตกลงกันก่อนเพื่อไม่ให้เสียกันทั้งสองฝ่าย เขาอาจจะทำรายการบันเทิง อ่านข่าว หรือทำรายการท่องเที่ยวก็ได้ แต่ต้องมีความรับผิดชอบ วันใดที่เขาไม่มีความรับผิดชอบเขาก็ทำงานกับผมไม่ได้”
       
       ***ให้โอกาสคนทั่วไปมันธรรมดาเกินไป แต่ให้โอกาส “นาธาน” คือความท้าทาย
       
       
       “ใช่ครับ เขาบอกว่าถ้าเราสามารถคอนโทรลคนที่ไวมีอุปนิสัยแตกต่างคนอื่นได้คุณคือคนที่สุดยอด ผมมีลูกน้อง 400 กว่าคนในธุรกิจที่ทำอยู่ ผมจ่ายเงินเดือนมากกว่า 4 ล้านบาทต่อเดือนในทุกธุรกิจที่ผมมีอยู่ ผมไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้ ถ้าผมจะหมดกับเรื่องนี้ผมก็คงจะได้ประสบกาณ์ด้วย(ประสบการณ์จากโดนนาธานหลอก) เราอยากให้เขามาร่วมงานเราจะไม่พูดว่า เราจะโดนหลอกหรือไม่โดนหลอก เพราะเหตุการณ์ข้างหน้ามันไม่สามารถจะบอกได้ มันอยู่ในพรหมลิขิตของพระเจ้า”
       
       สรุปก็คืออยากได้ “นาธาน” มาร่วมงานเพราะอยากจะให้โอกาส ไม่ใช่เพราะเห็นความสามารถหรือชื่นชอบในผลงาน
       “พ้อยท์จริงๆ ก็คือ ผมเห็นเขาบอกว่าญาติพี่น้องเขาส่วนหนึ่งนับถือมุสลิม ผมก็อยากรู้ว่าแก่นแท้จริงๆ เป็นยังไง เขาเป็นมุสลิมจริงๆ หรือเปล่าผมก็ไม่รู้ ฉะนั้นถ้ามีโอกาสได้ขัดเกลาเขาให้โอกาสเขา เขาอาจจะเข้าใจและวันหนึ่งเขาอาจจะตอบแทนสังคมดีกว่าหลายๆ คนก็ได้ ผมคิดว่าการปลิ้นปล้อนกะล่อนดีกว่าคนที่เสพยาเสพติดนะ”
       
       “ผมไม่ได้บอกว่า ผมจะอาสามาปราบนาธาน แต่ผมอาสามาเป็นตัวประกอบที่จะมาพยุงเขาขึ้นมา จากจังหวะชีวิตของเขาที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ พระเจ้าอาจจะให้เขามาเจอและประสบความสำเร็จที่เรา แต่ถ้าเขาไม่เป็นอย่างที่เราคิด ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นการต้มตุ๋นนะ เพราะของบางอย่างเราก็ต้องลงทุนในมูลค่าที่แพง เวลาผมลงทุนอะไรก็ตามแต่ ถ้าลงทุนในสิ่งที่ผลตอบแทนสูงโอกาสเสี่ยงมันก็สูง อันนี้พูดถึงในแง่ธุรกิจนะครับ แต่ในวันนี้ไม่ใช่ มันเป็นการลงทุนในการใช้จิตวิทยามาพูดคุยกัน เราคิดว่าเขาจะเป็นต้นแบบคนอื่น”
       
       ไม่หวั่นกระทบชื่อเสียงสถานี
       “เรายังไม่ทราบเพราะเขายังไม่ตอบตกลงหรือไม่เพียงแต่ว่าเราปรารถนาดี แต่ก็ขอขอบคุณที่คุณมาเป็นสื่อให้ แล้วเราก็คิดว่า บางทีบางครั้งถ้าไม่เปิดโอกาสก็จะไม่มีผลตามมา ถ้าเราสร้างคนซักคนหนึ่งขึ้นมามันจะเป็นไอดอลเป็นต้นแบบของหลายๆ คนได้ ผมมองโลกในแง่ดีว่าสิ่งที่ผมคิดที่ผมทำเป็นสิ่งที่ดี พระเจ้าก็จะตอบแทนสิ่งที่ดีมาให้กับตัวผมและครอบครัวผม”
       
       “ผมไม่คิดว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วจะเอาตรงนี้ไปหลอกลวงคนอื่น เพราะเขาจะหลอกยังไงในเมื่อผมไม่ได้เซ็นต์อะไรให้เขา เขาจะมาทำอะไรกับทีวีของเราไม่ได้เพราะมันจะต้องมีตราประทับมีการพูดคุยกันกับเรา ผมไม่ได้จ้างใครมาบริหารผมบริหารงานเอง เวลาดิวสัญญาผมไม่คุยปากเปล่าผมคุยด้วยเอกสาร ถ้าเอกสารถูกต้องก็ว่าไปตามเอกสาร”
       
       “ถ้าเกิดว่าใครไปดิวกับนาธานแล้วไม่มั่นใจก็สามารถตรวจสอบได้ เพราะบริษัทเราเปิดตลอดเวลา บริษัทเราไม่ใช่มหาชนสามารถตรวจสอบได้ง่าย แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่ทำหรอกเพราะเรากำลังให้โอกาสที่จะทำให้เขาไต่ขึ้นไปสู่ดวงดาวได้ คุณคือคนหนึ่งที่ในสังคมไม่เอาแล้ว แต่เราเอาคุณขึ้นมามันคือความยิ่งใหญ่ เราไม่ได้หวังว่าเขาจะมาทำเงินให้ แต่หวังว่าเขาเป็นคนดีนั่นก็คือมีความสุขแล้ว”
       
       ***ไม่กลัวโดน “นาธาน” หลอกจนเสียเหลี่ยมนักธุรกิจ 100 ล้าน
       
       “นาธาน” เวลาสนิทสนมกับใคร ก็มักจะยกให้เป็นพ่อบุญธรม แม่บุญธรรมตลอด งานนี้ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกัน “สามารถ ทรัพย์พจน์” อาจเจอวิชาออดอ้อนจากนาธานจนหลงรักเป็นลูกบุญธรรมก็เป็นได้
       “คงไม่ได้แล้ว เพราะผมมีครอบครัวแล้วมีภรรยาแล้ว 2 คน มีลูก 5 คน ลูกบุญธรรมนี่เป็นลูกน้องผมหมด พูดได้ติติงได้ว่าได้ ถ้าผมจะมีลูกบุญธรรมต้องเป็นลูกที่เลี้ยงตั้งแต่ต้นจะให้มาเลี้ยงตอนหลังคงไม่ แต่ถ้าเขาจะยกเราอย่างนั้นก็แล้ว ผมไม่กลัวจะคล้อยตามเขาเพราะผมยึดมั่นในพระเจ้า และจะเชื่อถืออะไรที่จะเป็นไปได้ ผมไม่เชื่อไสยศาสตร์ไม่เชื่อสิ่งที่งมงาย ฉะนั้นถ้าเขาหลอกผมได้แปลว่าเขาดีเยี่ยม”
       
       “ผมทำอะไรก็แล้วแต่ผมหวังสิ่งตอบแทนในโลกหน้าไม่ได้หวังในโลกนี้ ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำเหมือนการให้ก็คือให้ ก็อยากจะบอกเขาว่า ถ้าเขาสนใจก็อยากให้มาพูดคุยกันว่าจะมีออฟชั่นอะไรบ้าง แต่ออฟชั่นในที่นี้ไม่ใช่ว่ามาแล้วผมจะให้เงินเขาเป็นล้านนะ แต่คุณต้องมาทำเหมือนที่คนอื่นทำ รับเงินเดือนเป็นพนักงานบริษัทหรืออยากจะไปรับจ็อบก็ขอให้บอกเรา”
       
       “ถ้าจะมาผลิตรายการก็ต้องดูก่อนว่า รายการที่เขาจะทำตรงกับคอนเซ็ปต์ทีวีเราไหม เช่น ถ้าคุณจะมาทำรายการแล้วไปย้อนศรกลับคนที่เคยว่าคุณอันนี้ไม่อยู่ในขอบข่ายของทีวีเรา สถานีเราไม่ใช่ทำเพื่อทำร้ายใครหรือทำให้สังคมแตกแยก ผมเองตอนนี้ก็อยู่อย่างสบายไม่ต้องเดือดร้อน แต่วันนี้อยากให้โอกาสเขา ผมเคารพในเหตุผลของแต่ละคน เขาเคยผ่านอะไรมาแล้ว ถ้าเขากลับตัวได้เขาก็จะมีที่ยืนในสังคมได้ต่อไป”




Create Date : 02 กรกฎาคม 2555
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 18:45:29 น. 0 comments
Counter : 657 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ยี่สิบห้าเดือนเจ็ด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add ยี่สิบห้าเดือนเจ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.