การปลูกมะเขือเทศให้ได้ผลดีเป็นอย่างไรนั้นเราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ เทคนิคการปลูก มะเขือเทศลูกผสม แซบและแสงทอง มะเขือเทศลูกผสมพันธุ์ แซ่บ ของบริษัท แอ๊ดว้านซ์ ซีดส์ จำกัด มีลักษณะเด่นคือ ลักษณะผลรูปไข่ สีชมพู เปลือกหนา ติดผลดกมาก เก็บเกี่ยวได้เร็ว ลำต้นแข็งแรง โตเร็ว ต้านทานโรคได้ดี ปลูกได้ตลอดปี ขณะที่พันธุ์ แสงทอง จะมีลักษณะผลกลมรี เนื้อหนา สีแดงสด น้ำหนัก 70-80 กรัม/ผล ต้นใหญ่ แข็งแรง โตเร็ว ทนทานต่อโรคเหี่ยวเขียวได้ดี ให้ผลผลิตสูง ปลูกได้ตลอดปี เป็นที่ต้องการของตลาดผลสด และส่งโรงงาน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกมะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นพืชที่เจริญได้ดีในดินทั่วไป แต่ที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำและอากาศดี ในสภาพที่ชื้นแฉะ จะทำให้รากขาดออกซิเจน ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้นหากมีน้ำขัง หลายวัน จะต้องเร่งน้ำออก ที่สำคัญคือต้องไม่ปลูกซ้ำในแปลงเดียวกันหลายปี เพราะจะเกิดการสะสมของโรค ซึ่งยากต่อการป้องกันกำจัด ขั้นตอนการปลูกมะเขือเทศ 1. การปลูก สามารถปลูกได้ 2 วิธี คือ การเพาะกล้าแล้วย้ายปลูก และการหยอดเมล็ดโดยตรง ก่อนปลูกต้องทำการไถดินลึก 15-20 เซนติเมตร และตากดิน 5-7 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ อาจใส่ปูนขาวหรือโดโลไมล์ ในกรณีที่ดินเป็นกรด ระยะปลูกที่แนะนำ คือ ระหว่างต้น 40 เซนติเมตร ระห่างแถว 70 เซนติเมตร 2. การให้น้ำ ระยะแรกต้องให้น้ำทุกวันขณะที่ช่วงติดดอกติดผล ถ้าขาดน้ำจะทำให้เป็นโรคก้นเน่า และผลร่วงได้ 3. การใส่ปุ๋ย ช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 50-100 กิโลกรัม/ไร่ หลังจากที่ย้ายปลูก 15-20 วัน ใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 50-70 กิโลกรัม/ไร่ โดยโรยข้างต้นและพรวนดินกลบ เมื่ออายุได้ 35-40 วันหลังย้ายปลูก ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21 ประมาณ 50 กิโลกรัม/ไร่ 4. การปักค้าง ทำเมื่อมีอายุประมาณ 8-10 วันหลังย้ายกล้า 5. การปลิดใบและการตัดแต่งกิ่ง กระทำโดยการแต่งกิ่งที่แตกออกมาจากลำต้นให้เหลือเพียง 2-3 กิ่ง เพื่อให้ผลมีขนาดใหญ่ และสะดวกในการผูกค้าง จะเห็นว่าไม่อยากเลยใช่ไหมค่ะสำหรับการปลูกมะเขือเทศ
Create Date : 24 เมษายน 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2560 13:37:32 น. |
Counter : 1044 Pageviews. |
|
|
|