รีวิวการ์ตูนไทย - Thai Comic Review
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
27 พฤศจิกายน 2563
 
All Blogs
 

(รีวิวการ์ตูนไทยเฉพาะกิจ) Flower Flower : An Original Anthology (รวมนักเขียน)


   

   Flower Anthology (หรือชื่อไทย แอนโธดอกไม้) เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นในธีม "ดอกไม้" ที่มีจุดเด่นหลักๆคือ จัดทำขึ้นโดยนักเขียนหญิงทั้งเล่ม -- ซึ่งภายในเล่ม นอกจากจะมีการ์ตูนสั้นให้อ่านกัน 5 เรื่องแล้ว ยังมีนิยายสั้นอีก 2 เรื่อง และมีภาพวาดจากศิลปินอีก 3 ท่าน เป็นของแถมปิดเล่ม -- และด้วยจำนวน "นักเขียนและนักวาด" ที่อัดแน่นกว่า 10 ชีวิตแบบนี้ ก็เลยทำให้รวมเล่ม Flower Anthology นั้น กินจำนวนหน้าถึง 166 หน้ากันเลยทีเดียว (โว้ว!!!) ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจพอสมควร เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในหมู่หนังสือโดจินด้วยกัน ที่นักเขียนส่วนใหญ่มักจะล็อกไว้ที่ 40-120 หน้ากันซะส่วนมาก

   ด้วยคอนเซ็ปต์ประจำเล่มที่ค่อนข้างอิสระ ภายใต้ข้อความ In joy or sadness, Flowers are our constant friends (ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ดอกไม้ก็จะยังเป็นเพื่อนเราเสมอ) ที่แปะหราไว้ตั้งแต่หน้าแรกของเล่ม (ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็คือ "ธีมดอกไม้" ธรรมดานั่นแหละ) -- มันจึงเปิดโอกาสมากเพียงพอ ที่นักเขียนแต่ละคนจะสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ หรือใส่สไตล์ของตัวเองเข้าไปได้อย่างเต็มที่ เพื่อจะปล่อยของ โปรโมตผลงานหรืออะไรก็ว่าไป (เพราะแต่ละเรื่อง จะถูกจำกัดไว้ราวๆ 20 หน้าเท่านั้น)

 
   
   การ์ตูนเปิดเล่มอย่างน่ารักน่าชังด้วย The Flower Witch (ALINA) นักวาดภาพการ์ตูนสายสีน้ำ ที่ชื่นชอบดอกไม้กับแม่มดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จนเป็นที่มาของเรื่องนี้ -- ว่าด้วยร้านดอกไม้แห่งหนึ่ง ที่เปิดโดยแม่มดสาววัยกระเตาะ ซึ่งภายในร้าน ก็จะเต็มไปด้วยเหล่าดอกไม้ที่มีชีวิต ที่คนทั่วไปสามารถซื้อเอาไปดูแลได้ เข้าทางความประสงค์ของเจ้าของร้าน ที่ต้องการจะให้คนที่ซื้อไป สามารถเข้าใจความรู้สึกของดอกไม้ได้อย่างแท้จริง และตั้งใจดูแลมันมากขึ้น โดยใส่พลังชีวิตเข้าไปในดอกไม้เหล่านั้น ทำให้สามารถแสดงอารมณ์และความรู้สึกผ่านทางสีหน้าและการกระทำได้ -- แม้บทจะทำออกมาได้สร้างสรรค์ แต่มันก็ยังมีข้อเสียใหญ่ๆอยู่ ในส่วนของกายวิภาคที่ยังไม่ค่อยเสถียรเท่าใดนัก คือยังมีตัวละครบางตัวที่ยังวาดโครงหน้าเบี้ยวอยู่ เหมือนวาดเทคเดียวแล้วจบเลย แถมบทพูดของลูกค้าสาวในหน้าแรก ก็ฟังดู out of place ไปจากบทอย่างมาก (อย่างเช่น ไอ้ตรงบทพูด "อยากจะได้เวทมนต์ที่ทำให้ฉันหลงไหลผู้ชายคนนี้" ถ้าเปลี่ยนเป็นคำว่า "อยากจะได้ดอกไม้ที่ทำให้ฉันได้เห็นหน้าเขาทุกวัน" คิดว่ามันน่าจะช่วยสอดรับกับบทได้มากกว่านี้ เพราะฉากนี้ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องได้ "ดอกไม้ที่มีหน้าเหมือนแฟนตัวเอง" กลับบ้าน) 

   มาต่อกันด้วย เรื่องของคนส่งดอกไม้ (Kaewsricha หรือ ทากแก้ว) อีกหนึ่งนักเขียนที่มีลายเส้นและการวาดท่าโพสที่น่ารัก (ที่แค่โผล่ออกมาเฉยๆ ก็เป็นมิ่งขวัญของเล่มแล้ว งุ้ยๆ!!!) เฉิดฉายอย่างสมภาคภูมิด้วยการไปคว้ารางวัลขวัญใจกรรมการ (Honorable Mention) ในโครงการประกวดการ์ตูนใบ้ Silent Manga Audition ครั้งที่ 4 มาแบบเงียบๆ (ซึ่งเราก็แอบชอบเรื่องนั้นเป็นการส่วนตัวด้วย แฮ่ๆ) -- แต่สำหรับเรื่องนี้ ทากแก้วได้ดาวน์เกรดลายเส้นลง จากเรื่อง Harriet (Horn) ในรวมเล่ม Debut ก้าวแรกสู่นักวาดมืออาชีพ เล่ม 7 มาเป็นเส้นดินสอสเก็ตซ์หยาบๆ แต่ยังคงความ sugar high ให้ได้เห็นกันเช่นเคย กับเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนส่งดอกไม้ ที่ต้องพบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ทั้งสุขและเศร้าปะปนกันไป รวมไปถึงแง่มุมอื่นๆเกี่ยวกับคนส่งดอกไม้ที่ฟังดูน่าสนใจไม่แพ้กัน -- นับจากงานเก่าไป 4-5 ปี คุณทากแก้วก็ยังคงมีพรสวรรค์ในการวาดตัวละครและท่วงท่าออกมาได้อย่างน่ารักเป็นธรรมชาติอยู่เช่นเคย แต่มีการใช้ลูกเล่นที่ซับซ้อนขึ้น ในเรื่องของการใช้ลายเส้นดินสอสบายๆ เพื่อคุมโทนของเรื่องให้ดูนุ่มนวลละมุนละไมมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้แหละ ที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์ในงานของทากแก้วมาโดยตลอด ที่ใครได้เห็นก็ต้องหลงรักหัวปักหัวปำ ว่าแต่ตามงานยากจังเลยวะ แล้วจะลบเพจทำม้าย!!?!

 

   Together (Gumeaw) เข้มข้นไปกับการ์ตูนกึ่งแนวหญิงรักหญิง พล็อตสูตรสำเร็จ ที่ทำออกมาในรูปแบบของการ์ตูนใบ้ ว่าด้วยความสัมพันธ์ของนกน้อยกับดอกบัว (ในร่างของมนุษย์) ที่อยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน จนกระทั่งเกิดความผูกพันฝังลึก จนยากที่จะถอนตัวออกจากกันได้ -- ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพร์ซสำหรับแฟนหนังสือได้พอสมควร เพราะปกติ Gumeaw จะวาดแต่การ์ตูนแนวชายรักชายมาโดยตลอด และเนื่องจากที่มันเป็นการ์ตูนใบ้ ดังนั้นความพิเศษของเรื่องนี้ที่ผู้เขียนสามารถบรรลุได้ ก็คือ ผู้เขียนสามารถเล่าเรื่องด้วยภาพที่ทรงพลัง ให้เข้าใจได้โดยง่าย โดยที่แทบจะไม่ใช้บทพูดในงานเลยแม้แต่น้อย (แต่ก็มีใช้ภาษาอังกฤษบ้าง แป่ว!!!) ในเรื่องของนกน้อยตัวหนึ่ง ที่หวังพึ่งพาการดูแลจากดอกบัวมากเกินไป จนวันหนึ่งเจ้าตัวคิดอยากจะเป็นฝ่ายดูแลดอกบัวบ้าง 

ฺ   Black Rose (Minipraw) อีกหนึ่งนักวาดภาพประกอบมากฝีมือ ที่ไม่ค่อยลงไปสุงสิงกับงานการ์ตูนมากนัก ว่าด้วยเรื่องราวของเจ้าของร้านดอกไม้สาวสุดแกร่ง ที่จะต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ ไปส่งช่อดอกไม้ถึงมือเจ้าสาวในงานแต่งให้ทันเวลา -- เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่มีลายเส้นที่คม และมีความเป็นตะวันตกมากที่สุดในเล่ม แม้เนื้อเรื่องจะทำออกมาดูไม่สมบูรณ์ แต่การ์ตูนก็ถือว่ามีประเด็นที่น่าสนใจให้เก็บเข้าหัวบ้างอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "ภาระหน้าที่ทั่วไป" ในการจัดการร้านดอกไม้ ตั้งแต่ตำแหน่งหัวหน้า จนไปถึงพนักงานร้านทั่วไป ว่าต้่องทำอะไรบ้าง จนไปถึงเรื่องของ "ภาษาดอกไม้" ที่ว่าด้วยความหมายของดอกไม้แต่ละชนิด ที่สื่อถึงความรัก (อย่างเช่น คาร์เนชั่น หมายถึง แสดงความยินดี/ ฟรีเซีย = แสดงความจริงใจ/ ดอกทอง = แรด) ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นว่า ภาษาดอกไม้นั้น เป็นสิ่งที่สามารถพลิกแพลงความหมายได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ต่างจากภาษาทั่วไป อย่างเช่นในเรื่องที่ใช้ "กุหลาบดำ" เป็นตัวแทนของ "สาวแกร่ง" แทนที่จะหมายถึง "ความโศกเศร้า" แบบที่ใช้กันทั่วไป 

 
   
   หากสังเกตจากสารบัญทั้งฝั่งซ้ายและขวา จะเห็นได้ว่า สไตล์เรื่องจะถูกแบ่งโทนเรื่องออกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ซึ่งฝั่งซ้ายที่เราได้พูดถึงไปตอนต้นนั้น ก็จะเน้นเนื้อเรื่องที่สนุก สร้างสรรค์ อ่านง่าย และไม่ยาวมาก ส่วนฝั่งขวาที่เรากำลังจะได้อ่านต่อไปนั้น ก็จะเน้นเนื้อหาที่หนักแน่น จริงจัง และเล่นประเด็นที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าช่วงครึ่งแรก โดยเฉพาะเรื่องช่วงท้ายๆ ที่จะค่อยๆแปรสภาพจากการ์ตูน กลายมาเป็น นิยายที่มีภาพประกอบ (graphic novel) จนกระทั่งจบลง ด้วยนิยายสั้นที่เล่าเรื่องด้วย "ตัวอักษรล้วนๆ" ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องใช้เวลาอ่านที่นานขึ้นด้วย

   เราจะขอเรียงลำดับจากหน้าไปหลัง เริ่มจาก ฤดูดอกไม้บานที่บ้านกระจกสี (Quinto) เรื่องสั้นสไตล์ conscious จากนักวาดภาพประกอบการ์ตูน ที่มักจะลงไปวาดหนังสือนิทานเด็กอยู่บ่อยๆ ด้วยสไตล์ภาพบับเบิ้ลกัม เน้นสีโทนอ่อนหลากสีลอยฟุ้งละลานตา เหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งเปปเปอร์มิ้นต์ 5 แผ่นรวด -- ว่าด้วยเด็กสาวที่ไม่มั่นใจกับหน้าตาของตัวเอง ได้พบกับเพื่อนสมัยเด็กที่บ้านเรือนกระจก แต่ชอบใส่กระโปรง (ทั้งๆที่เป็นผู้ชาย) -- งานภาพหนักแน่นจัดจ้านไปพร้อมกับวิชวลลอยฟุ้งละลานตา ยิ่งกว่า หันหรร สมัยร่วมงานกับทาง CTS พร้อมด้วยการสื่ออารมณ์ระหว่างเรื่องที่รุนแรง การ์ตูนชี้นำผู้อ่าน ให้ริเริ่มทลายกำแพงแห่งจารีต และรู้จักค้นหาตัวเองอย่างอิสระ จนสามารถมั่นใจ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองรัก และกล้าแสดงมันออกไป โดยที่ไม่สนว่าใครหน้าไหนจะคิดยังไง -- จะเป็นไปได้มั้ยนะ ที่คนเราจะสามารถทาเล็บออกไปนอกบ้านได้ โดยที่ไม่มีใครมองว่า ทำแบบนี้แล้วจะต้องเป็นตุ๊ด ทั้งๆที่เป็นแค่ความชอบส่วนตัวของเราเท่านั้น

 

   เข้าสู่ช่วงที่ดาร์กที่สุดของเล่ม กับเรื่อง Bridge (Chee-Qi) นิยายภาพลายเส้นดินสอ จากนักวาดภาพประกอบสาวที่มีจุดเด่นในเรื่องของการวาดสาว 90% ตลอดช่วงชีวิต และสไตล์ภาพสีไม้แบบโทนร้อน เล่าถึงชายหนุ่มผู้สิ้นหวังที่กำลังจะโดดสะพานฆ่าตัวตาย ได้พบกับหญิงสาวที่มักจะมานั่งที่นี่เป็นประจำ เพื่อฟื้นฟูจิตใจ หลังจากที่ถูกพ่อแท้ๆทำร้ายร่างกายทุกวัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่สามารถระบายเรื่องที่หนักอึ้งออกมาตรงๆได้ หญิงสาวจึงคิดข้อเสนอให้พระเอก สื่อสารความรู้สึกด้วยการแลกเปลี่ยนดอกไม้แทน -- น่าสนใจที่การเล่าเรื่องในสองหน้าแรก จะค่อยๆพาคนอ่านดำดิ่งเข้าสู่ห้วงอารมณ์ของพระเอกที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก ด้วยสำนวนการเขียนที่เหมือนตัวเอกกำลังคุยกับตัวเอง ก่อนจะเข้าสู่ความดิบ ผ่านบทสนทนาอันแสนอึมครึมของทั้งสองในหน้าที่เหลือ โดยใช้ลูกเล่นพื้นหลังสีขาว-ดำ เพื่อช่วยขับเน้นอารมณ์ของทั้งสอง ให้เราสามารถรู้สึกถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ซึ่งผู้เขียนก็สามารถทำในส่วนนั้นออกมาได้หนักแน่นเป็นอย่างมาก -- แม้สำนวนการเขียน อาจจะยังสามารถเลือกใช้คำที่ดีกว่านี้ได้ (โดยเฉพาะในช่วงที่แลกเปลี่ยนดอกไม้) รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่ยังขาดความต่อเนื่องในบางช่วง ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เราควรจะอินนั้น ยังไม่หนักแน่นพอ จนทำให้ภาพรวมของงาน ดูดรอปลงมาเล็กน้อย -- แต่การ์ตูนก็ยังมีเจตนาที่ดี ในการเลือกให้กำลังใจกับคนอ่านที่กำลังสิ้นหวังกับชีวิตว่า ตราบใดที่ชีวิตของเรานั้นยังเหลืออยู่ ก็ขอให้จงสู้ต่อไปอย่าได้ยอมแพ้ -- ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่เหล่าตัวเอกได้เลือกใช้ ภาษาดอกไม้ ในการสื่อสารระหว่างกัน เหมือนกับเรื่อง Black Rose ของ Minipraw นั่นคือ ความหมายของดอกไม้แต่ละดอกนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเรา ที่ส่งผ่านถึงผู้อื่น เพราะมันไม่มีความหมายที่ตายตัวตั้งแต่แรก

   ปิดท้ายอย่างอบอุ่นหัวใจ ด้วยนิยายเรื่องสั้น The Last Name On My Shirt Pocket (วันศุกร์) ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสนิทสองคน ที่คบกันตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งจำเป็นที่จะต้องแยกจากกันไกลแสนไกล หลังจากจบการศึกษา เหมือนกับดอกคูน ที่ซักวันหนึ่งจะต้องร่วงลงสู่ต้น และลมพัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง -- เนื้อเรื่องหนักแน่นไปพร้อมกับความรู้สึกห่วงหา ความพะว้าพะวงใจ โดยเฉพาะนางเอกของเรื่อง ที่จะต้องลาจากเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปี ภายในเวลาที่เหลือแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็เลือกที่จะประทับความทรงจำที่ดีต่อกันเอาไว้ โดยการเขียนคำอวยพรลงไปในเสื้อนักเรียน ซึ่งต่างฝ่าย ต่างแลกกันเขียนตรง "กระเป๋าเสื้อ" ด้วยปากกาเมจิค ณ ที่ตรงนั้น ที่เปรียบเสมือนหัวใจที่สามารถสื่อถึงกันและกัน -- ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อเรื่องจะไม่สามารถทรงพลังขนาดนี้ได้ ถ้าไม่มีสำนวนการเขียนที่แข็งแกร่ง ของคุณ "กบฎวันศุกร์" ซึ่งก็อาจจะมีบางช่วงที่พิมพ์ผิดไปบ้าง (จาก ลิควิด เป็น ลิขวิด อะไงงี้) แต่เพราะความกระชับในการเลือกใช้รูปประโยค แต่ยังคงบทพรรณนาสละสลวยเอาไว้ ทำให้ผลที่ได้คือ เป็นงานที่อ่านสนุก เข้าใจง่าย โดยที่อารมณ์เรื่องอันแสนเข้มข้น ไม่จางลงไปแม้แต่น้อย -- ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราขอสถาปนาตัวเองเป็นแฟนหนังสือของคุณกษฎวันศุกร์ทุกชาติไป ไม่ว่าเรื่องที่เขียนจะเป็นแนวไหนก็ตาม สัญญาว่าเราจะตามไปอ่านอย่างแน่นอน

 

   Flower Anthology เลือกใช้นักเขียนทั้งหมด 7 ชีวิต ในการเขียนเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง ทำให้การ์ตูนสามารถแตกประเด็นแง่มุมเกี่ยวกับดอกไม้ออกไปได้หลายทิศทาง ทั้งเชิงลบและเชิงบวก แต่ท้ายที่สุด ก็มักจะจบในโทนที่อบอุ่นอยู่เสมอ แม้เรื่องสั้นบางเรื่อง จะยังคงกลิ่นอายของงานโดจิน ที่แค่เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันมาเขียนเท่านั้น  แต่การ์ตูนทุกเรื่องในนี้ ก็ล้วนถูกผลักดันด้วยพล็อตที่สร้างสรรค์ ประกอบกับ บรรยากาศการเล่าเรื่องที่สามารถผลักดัน "อารมณ์อันแสนละมุนละไม" ออกไปได้สุดทาง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของการ์ตูนผู้หญิงมาโดยตลอด -- มั่นใจว่า หากเป็นนักเขียนชาย ก็คงไม่สามารถเก็บบรรยากาศทำนองนี้ออกมาได้แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน

   และนอกจากนักเขียนหลายๆท่านในนี้ที่เราได้พูดถึงไปแล้ว เราจะไม่พูดถึงคุณ Quinto (เจ้าของเรื่อง ฤดูดอกไม้บานที่บ้านกระจกสี) ไม่ได้เล้ย เพราะเขาคนนี้แหละ ที่ถือเป็นหัวเรือใหญ่สำคัญ ที่ทำหน้าที่ดูแลคอนเซ็ปต์หนังสือแทบทั้งหมด ทั้งออกแบบหน้าปก ที่ว่ากันว่ามีถึง 20 เวอร์ชั่นเลยทีเดียว (โว้ว!!!) รวมไปถึงการเรียงลำดับเรื่องสั้น การออกแบบสารบัญที่ทำออกมาได้อย่างสวยงาม หรูหรามีระดับ -- Flower Anthology ถือเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นอีกเล่ม ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานแผ่ซ่านออกมา อาจจะมีเรื่องสั้นแค่บางเรื่องเท่านั้น ที่คุณภาพมันด้อยลงไปบ้าง โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนในเล่มที่เป็น filler (หมายถึง เรื่องสั้นที่มีไว้เพื่อถมให้เต็มเล่ม)

 

   ในส่วนของแถม 3 หน้าสุดท้ายในเล่ม  ก็จะมีภาพวาดจากนักวาดภาพประกอบการ์ตูนทั้งสามคน ทั้งของคุณฟาร์มหมี, หญิงฤทัย และ Memorhyme * ในธีมดอกไม้ ซึ่งส่วนมาก ก็จะหนักไปทางเดรสตะวันตกยุคเก่ากันซะเยอะ แต่โดยรวมคืองานดีทุกคน -- Flower Anthology ถือเป็นการ์ตูนนอกสำนักพิมพ์อีกเล่ม ที่สามารถสร้างคุณภาพงานออกมาได้เกินมาตรฐานหนังสือโดจินทั่วไป เหมาะสำหรับคอการ์ตูนที่ชอบรวมเรื่องสั้นอ่านง่าย สบายๆ เน้นกินบรรยากาศ แต่มีอะไรให้กลับไปประเทืองหัวเล่นๆ -- และด้วย "ความเป็นธรรมชาติ" ของเรื่องสั้นแต่ละเรื่องนี่แหละ ที่ทำให้สวนดอกไม้แห่งนี้ กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาให้จดให้จำ แม้จะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นแล้วก็ตาม...

เรื่องที่ชอบมากที่สุด ฤดูดอกไม้บานที่บ้านกระจกสี (Quinto)
เรื่องที่ชอบน้อยที่สุด Black Rose (Minipraw)

สามารถสั่งซื้อผลงานทาง inbox ได้ที่ https://www.facebook.com/viakanto

(สรุป 8/10)

ติดตามเพจที่ https://www.facebook.com/ThaiComicReview/




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2563
0 comments
Last Update : 21 มกราคม 2566 9:48:40 น.
Counter : 1540 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


เรลกันคุง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีครับ ผมเรลกันครับ ชอบอ่านการ์ตูนมากๆ หวังว่าจะสนุกกันนะครับ




Friends' blogs
[Add เรลกันคุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.