(รีวิวการ์ตูนไทยเฉพาะกิจ) Around The Duang (วีระชัย ดวงพลา)
ใครเป็นแฟนตัวจริงของเดอะดวง ต้องไม่พลาดเล่มนี้!!!! ย้ำว่าต้องไม่พลาดเล่มนี้!!!!
....เพราะนี่คือหนังสืออัตชีวประวัติของ "เดอะดวง" ตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนที่จะมาเป็นนักเขียนการ์ตูนเต็มตัว อีกทั้งยังมีรวมเรื่องสั้นในยุคแรกๆ ก่อนที่จะแจ้งเกิดจริงๆจากรวมเล่ม Shockolate (กับทางสำนักพิมพ์) ให้ได้อ่านกันอีกด้วย (เห็นเค้าบอกว่า เป็นการรวมผลงานการ์ตูนของเดอะดวงตั้งแต่อายุ 8-13 ปี ด้วยนะ ว้าว!!!!)
"เดอะดวง" (หรือชื่อจริง วีระชัย ดวงพลา) เจ้าของสำเนียง "ลูกคอเบียร์ช้าง" ที่ถึงแม้จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะนักเขียนสายโหด ฆ่าคนในการ์ตูนเป็นว่าเล่น แต่จริงๆแล้ว เขาเองก็มีจุดเริ่มต้นคล้ายๆกับนักเขียนคนอื่นๆนั่นแหละ คือ ชอบวาดรูปเล่นเป็นงานอดิเรกตั้งแต่เด็ก (และต้องเป็นดราก้อนบอลด้วยนะเออ) เคยผ่านการวาดรูปเล่นลงสมุดเรียนจนโดนครูทำโทษ และสุดท้าย แน่นอนว่าต้องอยากเป็น "นักเขียนการ์ตูน" ด้วย!!! (ก็แหงล่ะ) -- ซึ่งโชคดีมาก ที่แวดวงผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเขา ล้วนเป็นนักเขียนการ์ตูนกันทั้งนั้น (พ่อเป็นนักเขียน เพื่อนพ่อก็เป็นนักเขียน) ทำให้เขามีช่องทางในการส่งการ์ตูนไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆที่มากขึ้นและเข้าถึงง่ายขึ้น (อ่านงานของลูกชายผมหน่อย) ในตลอด 120 กว่าหน้าของ Around The Daung -- เดอะดวงจะค่อยๆเล่าที่มาที่ไปของตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต สลับกับการลงเรื่องสั้นเก่าๆ เรียงเป็นไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ เหมือนเรากำลังเฝ้าดูการเติบโตของคนๆหนึ่ง ได้เห็นแนวคิดการทำงาน และแรงบันดาลใจของเขา -- เดอะดวงหลงไหลสไตล์การวาดแบบตะวันตก เดอะดวงชอบเสพข่าวที่มีเนื้อหารุนแรง เดอะดวงเกลียดเด็กแว้น และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมันได้กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการทำการ์ตูนเนื้อหารุนแรงของเดอะดวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทิ้งไว้แค่นี้พอ เดี๋ยวจะเป็นสปอยล์กันพอดี 5555+ งั้นคราวนี้มาพูดถึงการ์ตูนกันบ้าง.... มีการ์ตูนจากนิตยสารการ์ตูนการเมือง "เอ็นดูใจกล้า" อยู่ประมาณ 4-5 เรื่องมั้ง ที่ให้อารมณ์เหมือนได้กลับไปอ่านรวมเล่ม Shockolate อีกครั้ง (Release/ Doll/ Drink/ Seed/ Show) -- ซึ่งเสียงตอบรับจากนักอ่านก็ดูท่าจะไปในเชิงลบซะมากกว่า ประมาณว่า "น้องเก็บกดอะไรมารึเปล่า" ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม คือการ์ตูนมันโหด... โหดแบบเกินเหตุมากกกก อารมณ์แบบเดียวกับตอนอ่าน Trick Side A เลย ฉากแหวะไร้เหตุผลเต็มไปหมด (เข้าใจเลยว่า คำนำในรวมเล่ม Shockolate เวอร์ชั่น CTS มันเกิดขึ้นได้ยังไง) -- เห็นได้ชัดว่าเดอะดวงกะจะดึงความสนใจนักอ่านแบบหวังผลด้วยฉากเลือดสาด โดยไม่สนใจเลยว่าคนอ่านจะคิดยังไง (ยกตัวอย่างง่ายๆเลยเช่น ฉากที่เด็กใช้มีดคว้านท้องตัวเองเพื่อเอาเมล็ดแตงโมออก เพราะกลัวมันจะเข้าไปโตในท้อง เพื่อ!!!!!?!) -- ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญของเดอะดวงจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้งานชิ้นหลังๆ โดยเฉพาะรวมเล่ม Shockolate ถูกลดความโหดลงมาในระดับหนึ่ง เขียนให้ดูเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ...งานกลมกล่อมขึ้นมาก เข้าถึงง่ายขึ้น แถมฉากเลือดสาดก็ไม่ดูไร้เหตุผลเหมือนงานก่อนหน้านี้ ถือเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นในงานของเขาจริงๆ ที่สามารถเล่าเรื่องโหดๆได้สนุกขึ้น ซึ่งถือได้ว่ามันแปลกใหม่มากๆในสมัยนั้น จนหลายคนยกให้เรื่องนี้เป็นการ์ตูนไทยในตำนานเลยด้วยนะเออ หลังจากนิตยสารเอ็นดูใจกล้าปิดตัวลง โชคการ์ตูนก็ได้เข้าข้างเดอะดวงอีกครั้ง เพราะเรื่องสั้นที่ส่งไปทาง C-Kids (ของเครือสยามอินเตอร์คอมิก) เมื่อสองปีที่แล้ว เรื่อง The Ear ได้รับการพิจารณา -- เนื้อเรื่องเกี่ยวกับปีศาจขี้หูที่พยายามจะฆ่าครอบครัวของเขา ทำให้เด็กชายผู้ไม่เคยแคะขี้หู (ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่อง) ต้องหาทางกำจัดปีศาจตัวนี้ให้ได้ ก็คงจะเดาได้แหละว่า เป็นการ์ตูนที่สนับสนนให้คน รู้จักแคะขี้หู เพื่อที่ใครต่อใครมาเห็นจะได้ไม่มองว่ามันสกปรก -- และด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเรื่องนี้นี่เอง ทำให้เขาได้เขียนการ์ตูนประจำลงนิตยสาร Fusion Comics จนภายหลัง เรื่องสั้นเหล่านั้นได้ถูกรวบรวม และได้กลายมาเป็นรวมเล่ม Shockolate ในเวลาต่อมา..... Dumb (ใบ้) เป็นการ์ตูนเพียงเรื่องเดียวที่ถูกตัดออกจากรวมเล่มการ์ตูนแจ้งเกิด Shockolate ซึ่งก็พอเดาได้อยู่หรอก.... เพราะเนื้อเรื่องมันจบดีเกินกว่าที่จะเป็นแนวตลกร้าย ซึ่งมันกับขัดกับคอนเซ็ปต์ของเล่มนั่นเอง ก็เลยไม่ได้ลงยังไงเล่า ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะเอาจริงๆ เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีที่มาที่ไปอะไรเล้ย ออกแนวมั่วๆ ตัวละครที่เด็กใบ้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เปิดเรื่องมาก็โดนแกล้งซะแล้ว กรรม ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องมันธรรมดาเกินไปอย่างที่คนเขียนเขาว่าไว้ดอก เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ฉากแหวะเลือดสาดได้หายไปจากการ์ตูนของเขาเกือบหมดแล้ว และกลายมาเป็นการ์ตูนสะท้อนด้านมืดของสังคม ที่มีพวกโจร มือปืน มาเฟีย ยิงกันตายไร้ความปราณีไปแทน เห็นได้ชัดในการ์ตูนประกวดเรื่อง Money -- ที่พูดถึงขอทานคนหนึ่ง ได้เจอกระเป๋าซึ่งใส่เงินล้านเอาไว้ โดยเขาสามารถตัดสินใจจะเอาไปใช้เสวยสุขโดยไม่มีใครรู้ หรือ จะส่งคืนเจ้าของก็ได้ (ถ้าเอาเงินไปเสวยสุข ก็จะโดนเจ้าของกระเป๋าตามยิงประกบในภายหลัง) -- การ์ตูนได้รับรางวัลรองชนะเลิศ จากงานประกวด TAM Award 2007 (ย่อมาจาก Thailand Animation) ในปี พ.ศ. 2550 (เดี๋ยวนะ? เดอะดวงเกิดปี พ.ศ. 2530 ก็แสดงว่า งานนี้ถูกเขียนขึ้นตอนเดอะดวงอายุ 20 ปี? -- ถ้างั้นที่หน้าปกจั่วไว้ว่า เป็นการรวมผลงานการ์ตูน ช่วงอายุ 8- 13 ปี ของเดอะดวง ก็ไม่จริงทั้งหมดน่ะสิ ล้าลาลา) จนมาถึงเรื่องสุดท้ายของเล่ม ที่เดอะดวงมีโอกาสได้ร่วมงานกับพ่อตัวเอง (เรืองศักดิ์ ดวงพลา) ในเรื่อง หลอนให้ตาย เป็นการ์ตูนไทยลายเส้นยุคเก่า เกี่ยวกับชายสองคนที่เข้าไปปล้นบ้านหลังหนึ่งเพื่อหวังจะเอาเงินมาซื้อยาเสพติด แต่ดันเผลอพลั้งมือฆ่าคนไป จนกระทั่งถูกผีตามมาหลอกหลอน ซึ่งไม่รู้ว่านั่นเป็นผีจริงๆหรือเป็นแค่ภาพหลอนจากฤทธิ์ยาเท่านั้น -- พูดซะเนื้อเรื่องมันมีอะไรที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากยาเสพติด จริงๆมันก็แค่การ์ตูนผีธรรมดานั่นแหละ แค่ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครอยากตีความหรือไม่แค่นั้นเอง 5555+ -- ในเรื่องนี้เดอะดวงมีส่วนในการทำงานเพียงแค่ 20% เท่านั้น ไม่รู้ว่าทำส่วนไหนนะ แต่ทำไมการแสดงสีหน้าของตัวละครมันไม่เข้ากับบริบทของเรื่องหยั่งงี้อ้ะ!!?! โดยเฉพาะฉากหนึ่ง ที่โจรกำลังวิ่งหนีผีอย่างหัวซุกหัวซุน แต่ดันกลับวาดโจรทำหน้าตาตื่นกลัวออกมาแบบ "การ์ตูนตลก" ซะหยั่งงั้น กรรม (ปากยื่นมาเชียว) "เดอะดวง" น่าจะเหมือนกับทุกๆคนที่อยากจะเป็นนักเขียนการ์ตูน คือ....มีความฝันว่าอยากจะเจอ อยากจะได้ร่วมงานกับนักเขียนที่ตัวเองชอบ -- เดอะดวง อยากร่วมงานกับคุณสุทธิชาติที่เขียน โจหัวปลาหมึก/ คุณทรงศีลที่เขียนถั่วงอกและหัวไฟ และคุณเอกสิทธิ์ที่เขียนรวมเรื่องสั้น My Mania (แต่ละคน....ลายเส้นตะวันตกทั้งนั้น) ตื่นเต้นจนอยากเล่าให้พ่อฟัง ซึ่งพ่อก็ได้ให้คำแนะนำว่า "ทำงานของตัวเองให้ดีๆไปก่อน ซักวันจะต้องได้เจอแน่นอน" และด้วยคำพูดนั้นเอง ที่ทำให้เจ้าตัวเกิดมีไฟขึ้นมา เรื่มทำงานและฝึกฝนอย่างหนักในทุกๆวัน จนกระทั่ง 10 ปีผ่านไป ผลลัพธ์ที่ได้กลับดีเกินคาด เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับแรงบันดาลใจทั้งสามแล้ว ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักเขียนเก่งๆอีกหลายคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกด้วย เอาจริงๆเลย จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้เจ้าตัวมีเรื่องสั้นลงนิตยสารต่างๆ รวมทั้งได้ออกรวมเล่มตั้งมากมาย อัีกทั้งยังมีแฟนหนังสือที่ติดตามผลงานใหม่ของเขาอย่างเหนียวแน่น และทั้งหมดนี้เอง ที่หลอมรวมให้เกิด Around The Duang ได้จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการทำงานของเขาอย่างแท้จริง
ไม่รู้จะให้คะแนนไปทำไมกับหนังสืออัตชีวประวัติ 5555+ สรุปวันนี้ มาแค่แนะนำหนังสือก็แล้วกัน -- เอาเป็นว่าหากใครเป็นแฟนคลับเดอะดวงที่อยากรู้เรื่องราวและแรงบันดาลใจในการทำงานของเขาอย่างจริงจัง สมควรซื้อมาอ่านเป็นอย่างยิ่ง อ่านง่ายดีไม่มีปัญหา
ความสำเร็จ....ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความสามารถอย่างเดียว แต่มันเกิดขึ้นจากการ "ลงมือทำ" .....เพราะ "ความสามารถ" มันจะตามมาเองในภายหลัง นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเล่มนี้
(สรุป 7/10)
ติดตามเพจที่ https://www.facebook.com/ThaiComicReview/
Create Date : 12 พฤษภาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2564 2:40:22 น. |
Counter : 2366 Pageviews. |
|
|
|