|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เอกสารลับเขาพระวิหาร
ข้อมูลจากหนังสือ แฉเอกสาร “ลับที่สุด” ปราสาทเขาพระวิหาร พ.ศ. 2505-2551 ที่ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต พิมพ์จำหน่าย โดยใช้คำว่า เป็นหนังสือที่คนไทยทุกคน ต้องอ่าน...ถ้าได้อ่านทุกประเด็นครบด้าน...
ก็จะได้ความรู้องค์รวม มองปัญหาเขาพระวิหารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่หลงประเด็น ด้านเดียว จากน้ำลาย ใครที่อ้างว่ารักชาติ แต่การกระทำคลั่งชาติ บางฝ่าย บางคน
ศ.ดร.บวรศักดิ์ชี้ว่า ประโยชน์ที่ได้จากความพ่ายแพ้เรื่องเขาพระวิหาร คือบทเรียน
ประเด็น จากเหตุการณ์หนึ่ง...ท่าทีและการยอมรับจากผู้ใหญ่ฝ่ายไทย...ในอดีต ซึ่งฝ่าย กัมพูชา ใช้เป็นข้ออ้าง...จนผู้พิพากษาศาลโลก 6 ท่าน ตัดสินให้กัมพูชาชนะ
แต่กระนั้น ก็ยังมีผู้พิพากษาอีก 3 ท่าน ให้ ความเห็นแย้ง
ในหัวข้อที่ 32. ผู้พิพากษา เวลลิงตัน คู เห็นแย้งว่า เหตุการณ์ที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ... เสด็จไปเยือนเขาพระวิหาร ในเดือน ม.ค. ค.ศ.1930 และการที่ข้าหลวงฝรั่งเศสประจำจังหวัดกัมปงทมของกัมพูชา ได้มาปรากฏตน ณ ที่นั้นโดยแต่งกายแบบของทางการ ประดับเครื่องอิสริยาภรณ์
และมีธงชาติฝรั่งเศสอยู่บนเสาหน้าศาลาที่พักของตนนั้น บางคนเห็นว่า สำคัญเป็นพิเศษ
แต่ทว่าข้อเท็จจริงต่างๆเหล่านั้น เป็นเรื่อง ธรรมดาสามัญ และมิได้สนับสนุนข้อเรียกร้องที่ว่าเหตุการณ์นี้มีความสำคัญ
เสด็จในกรมฯ มิได้เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้วในขณะนั้น แต่ทรงดำรงตำแหน่งนายกของราชบัณฑิตสถานแห่งประเทศไทย โดยมีหน้าที่เกี่ยวกับหอสมุดและการโบราณคดี
พระองค์ได้เสด็จไปพระวิหารในฐานะที่ทรงดำรงตำแหน่งหลังนี้ พร้อมด้วยพระธิดา 3 พระองค์ และคณะเจ้าหน้าที่ที่ติดตามโดยเสด็จ ฝ่ายข้าหลวงฝรั่งเศสมีผู้ช่วยและนายอังรีปาร์มังติเอ นักโบราณคดีผู้มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย
เมื่อสองคณะพบกันบนลานบริเวณพระวิหาร ได้มีการปราศรัยต้อนรับและดำรัสตอบขอบใจ ตลอดจนดื่มอวยพรกัน
ท่านข้าหลวงได้กล่าวแก่เสด็จในกรมฯ ว่า ขอนำอภินันทนาจากข้าหลวงใหญ่ และของตนเอง มาเสนอต่อพระองค์ท่านด้วยเคารพใน “ชื่อเสียงในความเป็นมิตรอันสุจริตต่อประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งต่อบุคคลที่อยู่ในบังคับและในอารักขาของฝรั่งเศส ตลอดจนความเป็นนักโบราณคดีอันเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางด้วย”
ข้าหลวงฝรั่งเศสมิได้กล่าวถึงปัญหาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางตรงหรือทางอ้อม เกี่ยวกับอธิปไตยแห่งอาณาเขตเหนือปราสาทเขาพระวิหารเลย
แม้นายปาร์มังติเอ ซึ่งพูดในฐานะเพื่อนนักโบราณคดีด้วยกัน จะได้อ้างอิงถึงพระวิหารว่าเสมือน “อนุสาวรีย์อีกแห่งหนึ่งของประเทศกัมพูชาของเรา”
เสด็จในกรม ได้มีรับสั่งตอบว่า “พระองค์ท่านมาเยือนปราสาทเขาพระวิหาร โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่อย่างใด”
ในหัวข้อที่ 33. ผู้พิพากษาเวลลิงตัน คู ได้อ้างถ้อยแถลงของพระธิดาของพระองค์ท่าน ว่าพระองค์ ท่านได้ทรงแนะนำเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสให้ถอดเครื่องแบบออก การที่เจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ชักธงชาติของตนขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่อาจจะสร้างความพอพระทัย หรือความไม่พอพระทัยให้แก่พระองค์ท่านก็ได้
ไม่มีมูลเหตุอันกระจ่างชัด สำหรับที่เสด็จในกรมฯ จะทรงประท้วงในขณะนั้น หรือทรงขอให้รัฐบาลสยามยื่นประท้วงในกรุงเทพฯ
คำให้การของพระธิดาพระองค์ท่าน... พระองค์ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นส่วนพระองค์ว่า การชักธงชาติฝรั่งเศส ณ สถานที่ที่ได้มีการพบปะต้อนรับ และเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสแต่งเครื่องแบบเป็นทางการนั้น
เป็นการทะลึ่ง
เหตุผลที่พระองค์ท่านมิได้ทรงขอให้ รัฐบาลยื่นประท้วง ปรากฏจากถ้อยแถลงอย่างจับใจ ของหม่อมเจ้าหญิง พูนพิศมัย ดิศกุล มีความว่า
“เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในขณะนั้นว่า การประท้วงมีแต่จะเป็นทางให้ฝรั่งเศสยกเป็นข้อแก้ตัวที่จะยึดดินแดนมากขึ้น เหตุการณ์ ต่างๆ ยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิม ตั้งแต่ฝรั่งเศสได้นำเรือรบเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองจันทบุรี”.
Create Date : 02 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2551 10:44:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 283 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|