Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ห้ามกะพริบตา! สภาถกเขตแดนเขมร ไทยจ่อเสีย 1.5 ล้านไร่

นักประวัติศาสตร์จับตา รัฐสภาถกกรอบปักปันเขตแดนไทย-เขมร บ่ายนี้ เผยกัมพูชายัดไส้แผนที่ฉบับปี 1908 ที่ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร เชื่อหาก 2 สภาอนุมัติจะเป็นวันประวัติศาสตร์ที่ไทยเสียดินแดน 1.5 ล้านไร่ ตามแนวตะเข็บชายแดนจากอุบลราชธานีถึงบุรีรัมย์ รวมถึงแหล่งพลังงานในอ่าวไทยจะถูกแบ่งไปอีกครึ่ง

เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น.วันนี้ (28 ต.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล ถึงปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาว่า หลังจากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของไทยได้หารือกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงปักกิ่งแล้ว มีข้อตกลงที่น่าสงสัยอยู่ โดยเฉพาะในข้อที่ 3 ที่ว่า ไทยและกัมพูชาจะร่วมมือกันในสิ่งที่ค้างคาอยู่ ซึ่งน่าสงสัยว่าเรื่องที่ค้างคาอยู่คือเรื่องอะไร

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องที่ค้างคาอยู่น่าจะมีปราสาทพระวิหารรวมอยู่ด้วย แต่พอนายสมชายกลับมาไม่ทันข้ามคืน ทางกัมพูชาก็กล่าวหาไทยว่ายิงถล่มปราสาทพระวิหารจนเสียหาย ซึ่งเขมรมักจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่อดีต เวลาเรามีปัญหาภายในเขาก็ลอบทำร้ายเราเหมือนแทงข้างหลัง มาหาว่าเราเอาอาวุธหนักยิงถล่ม และจะไปฟ้องยูเนสโก

“ขอบอกกระทรวงการต่างประเทศว่าอย่าชะล่าใจ ในประวัติศาสตร์เราเห็นมาแล้ว ตอนคุณนพดล (นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ) ไปเซ็น Joint Communique (แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา) คนกลางนั้นมีส่วนสำคัญมาก คือ นางฟรองซัวส์ ริวิแยร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมของยูเนสโก คนคนนี้ชอบไหมไทยมาก และไปอยู่ข้างฮุนเซน ถึงกับมีบ้านพักที่เสียมเรียบ

“เขาพร้อมที่จะยื่นเรื่องในฐานะเป็นตัวแทนเขมร เวลาเขมรจะยื่นอะไร เขาจึงทำได้รวดเร็วมาก เพราะนั้นเราอย่าชะล่าใจว่าเช็กไปที่ปารีสแล้วยังไม่ยื่น เพราะเขาจะยื่นเมื่อไหร่นั้น มันอยู่ที่นางฟรองชัวส์ว่าจะยื่นหรือไม่”

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า ในการประชุมรัฐสภาช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเสนอขออนุมัติกรอบข้อตกลงการสำรวจและจัดทำเขตแดน ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อให้ผ่านมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญนั้น สรุปง่ายๆ จะมีการเอาแผนที่กัมพูชาเป็นหลัก โดยมีสนธิสัญญาข้อ 1.1 จะใช้เอาแผนที่ฉบับปี พ.ศ.2483 ข้อ 1.2 ใช้แผนที่ฉบับ ค.ศ.1904 และ ข้อ 1.3 จะใช้แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศสที่ทำเสร็จในปี 1908 ซึ่งเป็นแผนที่ฉบับที่นำไปตัดสินคดีประสาทพระวิหารในปี พ.ศ.2505 ซึ่งมีปัญหาและเราไม่ยอมรับ มีแต่กัมพูชาเท่านั้นที่ยอมรับ

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า หากยึดตามแผนที่ฉบับ ค.ศ.1908 ดังกล่าว จะมีการล้ำเขตไทยตั้งแต่อุบลราชธานีถึงจังหวัดตราด ซึ่งวันนี้ที่เอาเข้าที่ประชุมรัฐสภาคือการปักปันเขตแดนทางบก จากอุบลราชธานีถึงตราดตามแผนที่ 11 ระวาง ไปสิ้นสุดที่จังหวัดตราดที่หลักเขต 73 ถ้าเราเพลี่ยงพล้ำวันนี้ เราจะเสียดินแดนแนวตะเข็บทั้งหมดอีกหลายล้านไร่

“ผมเห็นในเอกสารทางราชการ หากใช้ตามแผนที่ฉบับนี้จากอุบลราชธานีถึงสุรินทร์ จะเอา 7 อุทยานของเราพื้นที่ 1.5 ล้านไร่ ไปผนวกกับอุทยานเขาพระวิหาร แสดงว่าเรากำลังจะไปเป็นลูกไล่เขา”

นายเทพมนตรี ย้อนอดีตคดีปราสาทพระวิหารที่ตัดสินในปี พ.ศ.2505 ว่า กัมพูชาได้ฟ้องไทย 5 ข้อ คือ 1.สถานภาพของแผนที่ (ฉบับปี 1908) ที่อยู่ท้ายผนวกคำฟ้องว่าใช้ได้หรือไม่ 2.ดินแดนที่ปรากฏในแผนที่นี้ให้ศาลตัดสินว่าถูกต้อง 3.อธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา 4.ให้ไทยถอนกำลังทหารและตำรวจออกจากปราสาทพระวิหาร 5.ให้ไทยคืนโบราณวัตถุที่ค้นพบในปราสาทพระวิหารให้เขมร

นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า ศาลโลกได้ตัดสินให้เขมรชนะเพียง 3 ข้อ คือ ข้อ 3 ข้อ 4 และ ข้อ 5 ส่วนข้อ 1 และข้อ 2 ศาลโลกไม่ตัดสิน คือไมได้บอกว่าดินแดนที่ปรากฏตามแผนที่เป็นของเขมร แต่นายฮุนเซนก็มีเล่ห์กลแพรวพราวโดยความร่วมมือของข้าราชการที่ฉ้อฉลฝ่ายไทย บางคนจัดทำเอกสารชุดนี้ให้ โดยใช้เล่กลในการเขียน อ้างว่าเมื่ออธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรแล้วก็เท่ากับดินแดนใน แผนที่นี้เป็นของเขมรทั้งหมด ทั้งที่ศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรเฉพาะตัวปราสาท

นายเทพมนตรี ย้ำอีกว่า แผนที่ปี 1908 ทั้ง 11 ระวางนั้น ล้ำดินแดนไทยจำนวนมาก โดยเฉพะที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ซึ่งอุทยานแห่งชาติ 7 แห่งจะไปผนวกอยู่ในอุทยานปราสาทพระวิหาร และวันนี้จะเป็นวันประวัติศาสตร์ ถ้ารัฐสภาอนุมัติให้ใช้แผนที่ชุดนี้จริงเรามีสิทธิที่เสียดินแดน 1.5 ล้านไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จากบุรีรัมย์ถึงตราดอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งจุดมุ่งหมายของเขาแน่นอน คือ น้ำมันในอ่าวไทย

นายเทพมนตรี บอกอีกว่า ถ้าใช้แผนที่ชุดนี้เราจะเสียเปรียบทันที เพราะในข้อเท็จจริงน้ำมันอยู่ในเขตของเรามากกว่า แต่ถ้าเขาทำสำเร็จเขมรจะแบ่งกับเราคนละครึ่ง คือของเขมรเทียบกับถ้วย 1 ถ้วย ของเรามีเป็นกะละมัง แล้วเราจะแบ่งให้เขมรครึ่งกะละมังหรือ แต่ก็มีนักการเมืองชั่วคนหนึ่งที่อยากจะได้ โดยจะไปเอาผ่านสัมปทานของเขมร

ส่วนกรณีที่ทหารไทยกับกัมพูชาปะทะกันตามแนวชายแดนใกล้เขาพระวิหาร นั้น นายเทพมนตรี กล่าวว่า เขมรเป็นฝ่ายยิงก่อน ตนเคยบอกนักข่าวแล้วว่าการกลับมาของนายสมชายจากปักกิ่งนั้น นายฮุนเซนเตรียมงานฉลองไว้ให้แล้ว ตนไม่เชื่อว่านายสมชายทำเพื่อประโยชน์ของประเทศเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีภาพที่นายสมชายไปเปิดถนนที่เกาะกงสมัยที่เป็นรองนายกฯ โดยมีนายนพดลนั่งอยู่ทางซ้าย ชัดเจนว่าเขาร่วมมือกันตั้งแต่แรก

“มันไม่ใช่เรื่องดินแดนอย่างเดียว มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องก๊าซธรรมชาติด้วย ขอบอกให้ผู้หลักผู้ใหญ่โดยเฉพาะทหาร สิ่งที่คุณปฏิญาณตนไว้นั้นคุณไม่ได้ทำ คุณปล่อยผู้ใต้บังคับบัญชาไปเผชิญชะตากรรมที่เขาพระวิหารเอง ถ้าคุณเก่งจริงไปยึดมาเลย ดินแดนทั้งหมดยังเป็นของเรา ทั้งเป้ยตาดี เหมือนบ้านที่ศาลตัดสินว่าเป็นของเขมร แต่ที่ดินยังเป็นของเรา แต่เราไปยกให้เขมร น่าเสียใจที่ข้าราชการเราเป็นอย่างนี้”

นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า การประชุม ครม.เพื่อรับรองการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดมาตรา 190 นั้น มีผู้เกี่ยวข้องที่รายชื่อตกหล่นไม่ถูกฟ้องอยู่ 19 คน เพราะเอกสารการประชุม ครม.ถูกปกปิดเป็นความลับ แต่ตอนนี้ตนได้มาแล้ว ซึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบต้องจาก ครม.ของรัฐบาลนายสมัครแล้ว ยังต้องมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งวันนั้นมีการประชุมถึงเวลา 12.40 น. แสดงว่าไม่ใช่วาระจร มีการเรียกคนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ มาชี้แจงด้วย ซึ่งถ้าตอนเที่ยง 40 นาที แสดงว่าต้องมีการถกเถียงถันบนโต๊ะ ครม. ไม่ใช่วาระจร

ขณะที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเสริมว่า แนวโน้มที่คนไทยทั้งประเทศ 64 ล้านคนจะแพ้คนเขมร 8 ล้านคนมีสูง ในยุคที่รัฐสภาเป็นของระบอบทักษิณ ซึ่งเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานนั้น มีนักวิชาการคือ นายประสาท มีแต้ม คำนวณว่า หากรวมผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันในอ่าวไทย ที่ลานกระบือ ที่นครศรีธรรมราช สงขลา อุดรธานี ขอนแก่น ที่กำลังจะมีการเปิดหลุมใหม่ มีมูลค่าเท่ากับ 65 ปีงบประมาณแผ่นดิน สามารถจัดรัฐสวัสดิการให้คนทั้งสังคมได้เลย สามารถจ่ายเงินเดือนให้ประชาชนทุกคนเหมือนบรูไนได้เลย แต่รัฐสภาของเรา เป็นเพียงคนกลุ่มเดียวที่เห็นว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาถูกต้อง ขณะที่กลุ่มอื่นๆ เห็นว่าผิดหมด ตั้งแต่ประชาชนที่เห็นว่าเป็นการขายชาติ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าผิด ศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นศาลสูงสุดก็ตัดสินว่าผิดอีก รัฐสภาภายใต้ระบอบทักษิณบอกว่าถูกฝ่ายเดียว แถมยกมือ 280 กว่าเสียงบอกว่านายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศที่ถูกอภิปรายเรื่องนี้ไม่ผิด

ด้าน นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญนั้น รัฐบาลยังทำไม่ครบขั้นตอนทั้งที่มีบทเรียนมาแล้ว เพราะมาตรา 190 วรรค 3 ระบุว่า คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและต้อง ชี้แจงต่อรัฐสภา ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาประชาชนยังไม่มีโอกาสฟังความคิดเห็นของนักวิชาการที่มองต่าง มุม ทั้งในแง่กฎหมายหมาย รายละเอียดมาตราส่วนของแผนที่ ซึ่งเรากับเขมรเสนอคนละอันกัน และถ้ามาตรส่วนเปลี่ยนนิดเดียวก็จะกระทบกับดินแดนอย่างมาก




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 19:58:58 น.
Counter : 429 Pageviews.

 

ถูกต้อง

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ

 

โดย: บ้าได้ถ้วย 28 ตุลาคม 2551 21:14:59 น.  

 



น่าสงสัยค่ะ

 

โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) 28 ตุลาคม 2551 22:20:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


The Ocean & Hill
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add The Ocean & Hill's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.