หนังยอดเยี่ยมรางวัลลูกโลกทองคำ Slumdog Millionaire และ Vicky Cristina Barcelona
รางวัลลูกโลกทองคำจะแปลกกว่าเจ้าอื่นตรงที่แบ่งสายรางวัลออกเป็นดราม่า และคอมเมดี้+มิวสิคัล คงเพื่อเปิดโอกาสให้หนังต่างประเภทได้มีโอกาสคว้ารางวัลมาเชยชม เพราะถ้าเอาหนังคอมเมดี้เบาๆ ไปแข่งกับดราม่าเข้มข้น แน่นอน..โอกาสจะได้ชัยชนะคงไม่ง่าย เอ่อ...แต่ทำไมไม่แยกสายให้มันครบไปเลยล่ะ หนังแอ๊คชั่น ..ไซไฟ หรือแฟนตาซี จะไปโผล่ที่ตรงไหน แฮรี่ พอตเตอร์หรือเอเลี่ยนก็หมดสิทธิ์ขึ้นเวทีกะเขาตั้งแต่ยังไม่คลอดน่ะซี ได้มีโอกาสแอบดู หนังที่คว้ารางวัลดราม่าลูกโลกทองคำจากผู้กำกับแดนนี่ บอยล์ Slumdog Millionaire และหนังของวู้ดดี้ เอลเลน Vicky Cristina Barcelona ที่คว้ารางวัลสายคอมเมดี้+มิวสิคัลมาหมาดๆ ไล่ๆ กัน ก็ให้นึกกังขาอยู่หน่อยๆ ว่า หนังวู้ดดี้ เอลเลนนั้น จะถือว่าเป็นคอมเมดี้ด้วยเหตุผลอันใด จริงๆ แล้วความดีของเรื่องคือดราม่าและการตีบทระดับมืออาชีพ ถ้าให้เข้าข่ายจริงๆ Mamma Mia กลับดูจะตรงสายมากกว่าใครเพื่อน
Slumdog Millionaire หนังอินเดียที่ฝรั่งทำ เล่าถึงการต่อสู้เอาตัวรอดของตัวเอกที่ผ่านมรสุมชีวิตที่แสนเน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวบ้านเรา จนได้เข้าไปแข่งในเกมเศรษฐีอันลือลั่นในนครมุมไบ ดูแล้วออกจะสงสัยว่าที่บรรดาสื่ออินเดียออกมายินดีปรีดาชื่นชมว่าหนังเรื่องนี้เป็นเกียรติประวัติของชาวอินเดียที่ได้คว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาหมาดๆ นั้น .. อะไรทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้น เพราะเรื่องราวนั้นตีแผ่นรกในสลัมของมหานครมุมไบชนิดที่ดูแล้วต้องสยดสยองพองขนกับคุณภาพชีวิตของประชากรที่มีค่าต่ำกว่าศูนย์ พาลให้นึกถึงหนังอย่าง City of God ซึ่งหมายถึงนครริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล ที่แสดงมุมมืดของสลัมที่เด็กตัวกระจ้อยลากปืนออกมาฆ่ากันราวกับเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ หรือ Mexico City ที่ตีแผ่ความเน่าของเมืองหลวงแห่งเม็กซิโกที่เต็มไปด้วยทุรชนและการลักพาตัวจนติดอันดับโลก ประมาณว่าดูแล้วผวาจนไม่นึกอยากไปเที่ยว Slumdog ก็สะท้อนภาพของมุมไบในแนวนั้น มองไม่เห็นถึงความศิวิไลซ์ของบอลลีวู้ด ศูนย์รวมของวงการหนังอินเดียที่กระฉ่อนไปทั่วโลก เป็นมุมมองที่นักท่องเที่ยวได้เห็นแล้วคงหัวหดกันเป็นแถวๆ แล้วทำไมสื่ออินเดียถึงได้ปลื้มกันนัก?? ขนาดแค่ดู Bangkok Dangerous ยังเกิดความรู้สึกทะแม่งๆ พิลึกกับ กทม.เมืองฟ้าอมรของเรา แต่สลัมด็อกนี้สุดกู่กว่าหลายเท่า เอาแค่เห็นการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของเด็กๆ จากสลัม..จากแก๊งค์ขอทาน..จากเหล่าอันธพาล บลาๆๆๆ ก็ต้องถอนใจกันหลายเฮือก แต่ก็บอกได้ว่า แดนนี่ บอยล์ เล่าเรื่องได้ระทึกชวนติดตามแทรกด้วยอารมณ์ขันและความประทับใจในความผูกพันของเด็กพี่น้องตัวเอก และทั้งๆ ที่กลวิธีการเล่าสลับเหตุการณ์ปัจจุบันกับเรื่องในอดีตนั้นมิได้เป็นของใหม่ แต่เขาก็ทำได้อย่างมีชั้นเชิงและผูกเข้าด้วยกันอย่างแยบยลด้วยฝีมือเขียนบทที่น่าทึ่งของ ไซม่อน โบฟอย ซึ่งนำมาจากนิยาย Q and A ของ Vikas Swarup นักเขียนชาวอินเดีย ก็ต้องชมการแคสต์ตัวนักแสดงที่ทำได้ยอดเยี่ยม ดาราอินตะระเดียแต่ละคนเล่นหนังได้ดูอินเตอร์สมกับเป็นโปรดักชั่นของอังกฤษ ไม่ได้รู้สึกเหมือนดูหนังไทยแบบที่ชม Bangkok Dangerous วิธีการสื่อสารดูเป็นสากลและชวนติดตาม ถึงแม้ท้ายๆ เรื่องดูจะเอาใจแฟนคลับบอลลีวู้ดกันจะๆ บ้างก็ตาม ก็แปลกดี..แนวเรื่องออกจะตีแผ่เบื้องลึกดู Realistic มากๆ แต่ในที่สุดกลับจบลงแบบหนังประโลมโลกย์ ดูๆ เหมือนกับแดนนี่ บอยล์ ก็คงอยากเสียดสีความเป็นหนังอินเดียอยู่ไม่น้อย การจะลากเรื่องมาจบแบบเอาใจแฟนหนังแขกแถมซีนแดนซ์กระจายตอนไตเติลปิดท้ายเป็นตัวอย่างสะท้อนไอเดียนี้ได้เป็นอย่างดี คือ..ยังไงก็ขอโชว์ความเป็นหนังบอลลีวู้ดกะเขาสักหน่อยเหอะน่า...คงเผื่อเรียกแฟนคลับชาวอินเดียให้เข้ามาชม นึกๆ อยู่เหมือนกันว่า..ถ้าเป็นผู้กำกับชาวอินเดียมาทำ จะกล้าขุดลึกถึงพฤติกรรมชวนช็อคในนครมุมไบเหมือนฝรั่งทำหรือเปล่าหนอ...แต่เอาเถอะ ได้ข่าวว่าแรงบันดาลใจของตาผู้กำกับแดนนี่ก็คือหนังอินเดียถึงสามเรื่องด้วยกัน ที่ตีแผ่ทั้งเหล่าทรชน ชีวิตในสลัม และแน่นอน..ความฝันในการล่ารางวัลรายการเกมเศรษฐีVicky Cristina Barcelona เป็นเรื่องราวของสองสาวอเมริกันที่อยากสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกและศิลปะของ Gaudi ในสเปน และไม่ได้คาดคิดว่าช่วงพักผ่อนซัมเมอร์นี้ได้พาชีวิตให้ผกผันไปชนิดที่แต่ละคนนึกไม่ถึง บาร์เซโลน่า และเมืองเล็กๆ ในสเปนเลยกลายเป็นฉากอันแสน Exotic สำหรับหนังชีวิต(แนวคอมเมดี้?) ที่มีพ่อฮาเวียร์ บาร์เด็ม ที่แปลงกายจากฆาตกรผมบ็อพมาเป็นหนุ่มอาร์ตีสที่แสนโรแมนติก เดินเข้ามาขอเดทแม่สองสาว Vicky (Rebecca Hall) และ Cristina (Scarlett Johansson) เอาดื้อๆ ในร้านอาหาร เรื่องแนววู้ดดี้ เอลเลนดำเนินไปตามครรลองง่ายๆ เหมือนคอยตามไปแอบดูเสี้ยวชีวิตสั้นๆ ของคนบางคน ที่เหมือนไม่มีที่มาที่ไป แต่ก็สามารถเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตได้ชนิดหักมุม ประกอบกับเสียงบรรยายเหมือนสารคดีในการเชื่อมต่อเหตุการณ์ ดูเป็นสไตล์แบบไม่เอาใจคนดูนัก..แบบที่วู้ดดี้ถนัด ต้องยกในความสามารถในการแสดงของดารามืออาชีพที่ทำให้เรื่องราวที่ดูไม่มีอะไรนี้ กลายเป็นประเด็นที่ชวนติดตามและมีชีวิตชีวาเกินคาด สำหรับคนที่อยากเห็นบทหวือหวาจี๊ดจ๊าดสไตล์คอมเมดี้แบบ Sex and the City ก็คงคาดหวังอะไรไม่ได้ เพราะวิธีการเล่าหนังของพ่อวู้ดดี้นั้น เป็นไปแบบเรื่อยๆ เปื่อยๆ (เหมือนเคย) แต่เหตุการณ์ที่ดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อนำมาปะติดปะต่อด้วยอารมณ์ของคนดู (เอาเอง)นั้น ก็จะส่งผลให้เข้าใจถึงความรู้สึกเบื้องลึกของตัวละครแต่ละตัวได้เป็นอย่างดี นี่กระมัง..ที่เป็นเสน่ห์ของหนังสไตล์วู้ดดี้ เอลเลนที่ฮอลลีวู้ดยังปลื้ม... บทที่ชูรส และเป็นตัวหักเหของเรื่องอีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ Maria Elena เมียเก่าของตาพระเอก ซึ่งแสดงโดย Penelope Cruz สร้างสีสันให้เรื่องดูมีอะไรขึ้นมาได้ในทันที หล่อนได้เข้าชิงรางวัลดาราหญิงสมทบด้วย ก็อย่างว่าแหละ บทเธอดูแรงกว่าใคร... ดูๆ ไปก็โออยู่หรอกสำหรับหนังรางวัลของตาวู้ดดี้เรื่องนี้ แต่จะถามว่าปลื้มสุดริดสุดเดชไหม ก็คงพอท้วมๆ เพราะมันเหมือนไม่มีไคลแมกซ์ เล่าๆ ไป..แล้วอยู่ดีๆ ก็จบมันซะงั้น เหมือนกับชีวิตจริงของคนเรากระมัง ที่จะมาหาไคลแมกซ์หวือหวาเหมือนละครน้ำเน่าที่ไหนได้... แต่ความรู้สึกของเราคือ มันอยู่กึ่งๆ ระหว่างดราม่ากับคอมเมดี้ การเข้ามาชิงในสายนี้ดูเป็นการเอาเปรียบหนังคอมเมดี้หรือมิวสิคัลเรื่องอื่นไปหรือเปล่า...แต่อย่างว่า บทที่เขียนเป็นเชิงเสียดสีประชดประชันหน่อยๆ ก็คงทำให้ฝาหรั่งดูเป็นแนวอารมณ์ขันไป คิดว่ารางวัลที่ได้น่าจะทำให้ทั้ง Slumdog Millionaire และ Vicky Cristina Barcelona ได้มีโอกาสเข้าโรงให้ชาวไทยได้ยลกันเร็วๆ นี้
Create Date : 18 มกราคม 2552
10 comments
Last Update : 28 มกราคม 2552 11:45:41 น.
Counter : 1585 Pageviews.