ศึกละคร”แม่นาค” บนเวที นอกเวที แถมฟัดกันต่อในเว็บบอร์ด..บ่งบอกอะไร?
นั่งอ่านกระทู้เรื่อง “แม่นาครัชดาลัย” ที่ฟัดกันนัวจากทั้งฝั่งแฟนขลับและฝั่งผู้ชมไม่สังกัดค่ายไปพอสมควร และกำลังเริ่มกระแสต่อเนื่องสู่ “แม่นาคเพชรบุรี” ของค่ายดรีมบ๊อกซ์ ซึ่งยังไม่รู้ว่าระเบิดจะลงต่อเนื่องไปอีกกี่มากน้อย... ก็ได้คติแบบไทยๆ อย่างหนึ่งคือ คนไทยเรามักไม่ชอบรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และมักจะใช้อารมณ์และภาษาที่แรงเกินในการตอบโต้คอมเม้นท์ที่ไม่ตรงใจ
กระแสความขัดแย้งมันไม่ได้เพิ่งเริ่มมาจากแม่นาคสองวิกฟาดฟันกันหรอก คงไม่ต้องไปขุดมาเล่าให้ฟังหรอกนะว่าทำไมถึงต้องมาทำละครเรื่องเดียวชนกัน เรื่องของเรื่องคือวัฒนธรรมของทั้งสองค่ายมันเข้ากันไม่ได้มานานนม จากการที่ได้รู้จักเพื่อนฝูงของทั้งสองฝ่าย ก็บอกตามตรงว่า..น่าเสียดาย เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีความสามารถและศักยภาพที่ดีและแตกต่าง ถ้าสามารถจับมือกันได้ วงการละครไทยคงพัฒนาก้าวไกลกว่านี้มากนัก
และตามแนววัฒนธรรมกีฬาสี(ที่ยังฟัดกันไม่เลิก)แบบไทยๆ ของเรา วัฒนธรรมละครก็มิได้แตกต่างแต่ประการใด ดูเอาง่ายๆ จากการบีบให้ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ไม่ยอมขายบัตรให้แม่นาควิกเพชรบุรีก็คงพอเดาได้ นี่ถ้าไม่มี Total reservation อีกค่ายเป็นทางเลือก แม่นาคดรีมบ๊อกซ์เห็นทีจะตกที่นั่งลำบากเป็นแน่
หลังจากแม่นาครัชดาลัยเปิดตัวไปแล้ว ก็เดากระแสวิจารณ์ได้ไม่ยากจากบรรดาสื่อต่างๆ เพราะดูจากพรีวิวบางฉากและบางเพลงที่พยายามโปรโมท (แบบหลุดแนว)แล้ว รีวิวดีๆ จากสื่อที่เชี่ยวชาญทางละครย่อมจะหาดีได้ยาก ก็เหมือนกับที่ผู้กำกับมาออกตัวไว้ว่า ทำแม่นาคฉบับนี้เพื่อเอาใจพี่ป้าน้าอาแฟนขลับฉบับไทยแท้ เหมือนหนังไทยสมัยดอกดินล้านแล้วจ้า มีครบทุกรส แถมด้วยเพลงป๊อปไว้โปรโมทตามสูตรเด๊ะๆ ก็ไม่ทราบจะออกตัวไปทำไม กลัวคอมเม้นท์แสบๆ จากนักวิจารณ์หรือคนดูที่คาดหวังอะไรกว่านั้นกระมัง
เราก็เข้าใจอยู่ว่า เมื่อคนที่ชื่นชอบออกมาพูดอะไร แฟนขลับก็มักจะยึดมั่นถือมั่นเป็นสรณะ แต่ก็ยังมีคนดูที่ติดตามละครวิกนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ในการชมละครหลากหลาย และมีความหวังที่จะได้เห็นมิวสิคัลดีๆ ของไทยในแง่มุมพัฒนาการกว่าเดิม เลยเป็นที่มาของสงครามกลางห้องเฉลิมกรุงที่ถล่มกันนัวเนีย ด้วยอารมณ์ เหตุผล และวุฒิภาวะที่แตกต่างกัน
อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกว่า อาจจะเป็นข้อด้อยของสื่ออินเตอร์เน็ตที่เปิดโอกาสให้คอมเม้นท์ได้แรงๆ กันจนชิน (แต่ก็อาจเป็นข้อดีเช่นกันที่ฝึกให้คนไทยกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น..) ก็เลยทำให้สงครามคารมและความเห็นบนเว็บบอร์ดลุกลามแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนคล้ายเสื้อแดงเสือเหลืองเข้าไปทุกที
คงต้องมองย้อนกลับไปถึงระบบการศึกษาของเราเองนั่นแหละ ที่ทำให้มุมมองความเข้าใจเรื่องศิลปะทุกแขนงของคนไทยมันคับแคบอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าความขัดแย้งเรื่องรสนิยมการชมละครจะมีแต่บ้านเราหรอก สื่อฝรั่งมันวิจารณ์ละครบรอดเวย์กันแรงๆ กว่านี้เยอะ คือถ้าไม่เข้ามาตรฐานที่เขาคาดคิดไว้ ละครอาจจะถึงขนาดล่มได้จากฝีปากนักวิจารณ์พวกนี้ หากแต่ระบบการแสดงความคิดเห็นของเขามันมีพื้นฐานที่ดีกว่าเรา เหตุผลที่นำมาถกกันมันถึงมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน
ไม่ใช่คนดูที่ชอบละครทีวี soap opera แล้วเอามาตรฐานนั้นมาวัดกับ Musical Theatre แล้วก็เลยหาจุดที่สื่อสารกันไม่ได้ในที่สุด ซึ่งก็โทษอะไรไม่ได้ เพราะนายทุนบ้านเราก็ไม่คิดที่จะยกระดับวงการ หรือให้ความรู้แก่คนดู ตั้งเป้าพัฒนาให้เท่าเทียมระดับอินเตอร์ ออกไปเล่นโชว์ที่ไหนก็ได้อย่างบรอดเวย์หรือเวสต์เอ็นด์
แล้วการที่ออกสื่อให้เหตุผลกับตัวเอง ..ซึ่งโดยส่วนตัว ไม่เห็นว่าจำเป็นตรงไหน คล้ายๆ กลัวคนดูจะไม่มีวิจารณญาณที่ดีพอ...
แหม..แล้วจะหวังอะไร..จะไม่ให้คนดูอีกฟากที่ยังยอมซื้อบัตรละครวิกรัชดาลัยทุกเรื่องออกความคิดเห็นกันบ้างหรือ?
Create Date : 23 มิถุนายน 2552 |
|
14 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2552 0:06:17 น. |
Counter : 1396 Pageviews. |
|
|
|
เข้าไปที่เว็บบอร์ดแล้วเห็นเขาทะเลาะกัน
ผมก็งงครับ
ว่าจะเอาชนะกันไปทำไม
เห็นด้วยกับความเห็นของพี่หมีครับ
อ่านแล้วก็พยักหน้าตามหงึกๆ