-

เปรียบเทียบชีวิตของตัวเองในขณะนี้กับทฤษฎี Genre คงเป็นแนว Fantasy คับ เหมือนว่าการที่ใช้ชีวิตในทุกๆ วันนั้นได้แสดงบนเวทีขนาดใหญ่มีตัวแสดงมากมาย (ผู้คน) หลากหลายนิสัย แต่ที่เหมือนกันก็คือการที่แต่ละคนต้องสวมบทบาทที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเข้าหากัน เพราะยอมรับในความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ แม้แต่ตัวผมก็เหมือนกันหน้ากากที่เราสวมกันอยู่ผมเรียกว่า หน้ากากแก้ว มันทั้งสวยเวลาที่ใครต่อใครมองมา แต่ก็พร้อมจะแตกลงได้ทุกเมื่อ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแสดงเป็นตัวละครนั้นได้เก่งกว่ากันคนที่ทำหน้ากากแก้วแตกกลางเวทีก็แสดงว่าไม่มีความสามารถ และก็ต้องหลีกทางให้คนที่เก่งกว่าเป็นเรื่องธรรมดา คนที่แสดงได้เก่งก็จะได้การยอมรับจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง หน้ากากแก้วแต่ละบทบาทก็มีหลากสีกันไป เช่น คนโกหกหน้ากากก็สีม่วง คนทีชอบเสแสร้งหน้ากากก็สีเนื้อ คนชอบแสดงออกหน้ากากก็สีแดง คนเงียบครึมหน้ากากก็สีเทา แต่บางคนก็สามารถเล่นได้ทุกบทบาทและไม่เคยทำหน้ากากแตกกลางเวทีเลย อย่างตัวผมผมมักจะเรียกตัวเองว่า หน้ากากพันหน้า

ชีวิต ทำเองก็เหมือนกับทฤษฏี Genre คงเป็นแนว adventer คับ เหมือนว่าชีวิตตัวเองนั้น ต้องค้นหาว่าตัวเองว่าต้องการอะไร ผจญภัยไปเรื่อยๆจนกว่าจะค้นพบว่าตัวเองต้องการอะไรสักอย่าง

ถ้าเปรียบชีวิตของตัวเองกับทษฎี Genre คงเป็นแนว Thriller ค่ะ เพราะว่า ชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี เหมือนเราอยุ่กับแก๊งสเตอร์ของเราแร้วผู้คนสมัยนี้ก็เหมือนกับฆาตรกรที่จะมุ่งร้ายกับเราเมื่อไหร่ก๋ได้ โดนที่เราก็ไม่รู้ตัว ต้องคอยระทึกใจอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีผีมีวิญญาณมาอยุ่รอบตัว คอยหลอกหลอน คอยมุ่งร้าย ทำไห้เราต้องคอยติดหรือตกอยู่ในวังวนแห่งความหวาดกลัว ตอ้งคอยต้อสุ้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด เพื่อความหวังของตัวเอง แม้บางครั้งเราอาจถูกฆ่า หรือถุกทำร้ายบ้างในบางครั้ง (งงอะอาจาร)

เป็นแนว Coming of Ageค่ะ ชีวิตหนูมีหลายช่วงที่ได้รับการเรียนรู้ ทำให้หนูเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งจะทำให้หนูค่อยๆโตเปนผู้ใหญ่ที่ดี เช่น เมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา
หนูไปฝึกงานที่บีบีทีวี โปรดักชั่นส์ ของช่อง7 หนูได้เรียนรู้ว่าการทำงานทำให้หนูมีความรับผิดชอบมากขึ้น และได้เรียนรู้มารยาทการทำงานกับผูใหญ่ระดับผู้บริหารไปในตัว การตรงต่อเวลา มีความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น รวมทั้งมีพี่ๆที่ดีคอยเทรนงานให้หนู หนูถือว่าเหตุการณ์เป็นประสบการณืที่มีค่ามากสำหรับหนู

ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนหนัง ดิฉันขอเลือกพูดในมุมมองชีวิตรักของดิฉันค่ะ
love like adventure ความรักของฉันมันดูเหมือนกับการผจญภัยครั้งใหญ่ในชีวิตเพราะใครหลายคน ที่ผ่านเข้ามาให้ฉันได้ศึกษา เรียนรู้ตัวตนของเค้า ช่างมีหลากหลายรูปแบบอารมณ์ ความนึกคิด หลายครั้งตั้งใจจะใช้หัวใจรักใคร แต่สมองมันก็สั่งให้เราเลือกคนที่ดีมากกว่าคนที่ถูกใจ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังต่อสุ้อยู่กับตัวเอง คำตอบที่ได้ในตอนนี้คือ เดินทางต่อไปตามวิถึของตนเอง เหงาบ้างนิดหน่อย แต่สบายใจดี และยังคงต้องค้นหาต่อไป...

ชีวิตผมเหมือน Genre แนว Romace ครับ ความรักที่ยัง ไม่หมดลงซักที ทั้งๆ ที่คนที่ผมรัก จะไม่ได้รักผมแล้ว ผมยังคง ตามข่าวของเค้าอยู่เสมอ ต้อง ออนเอมทุกวัน ถึงแม้ จะแค่แปบเดียวก็ตาม เพื่อที่จะ เข้ามาอ่าน ไตเติ้ล ของคนนั้น แค่ให้ได้รู้ว่า เค้าเป็นยังไง สบายดีมั้ย เพราะ ผมได้ให้สัญญา กับเค้าไว้แล้ว ว่าจะรักตลอดไป อนาคตจะเป็นยังไงจะมีใครมั้ยแต่คงไม่มีใคร แทนที่เค้าได้ ไปและเศร้าจัง หุหุ แค่นี้พอ 555เดี๋ยวไว้เขียน บทเสนอ หุหุ

My Life is comedy
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนหนังแนวต่าง ๆ ชีวิตของดิฉันคงเหมือนหนังตลกมากที่สุด คงเพราะในทุก ๆวัน อยากทำให้ทั้งตัวเองและคนรอบข้างได้หัวเราะและมีรอยยิ้ม ยิ่งช่วงเวลาไหนที่มีเรื่องให้ทุกคนในกลุ่มต้องไม่สบายใจ ฉันเองก็ยิ่งต้องรีบสวมบทบาทตัวตลกขึ้นแสดงโชว์ เพื่อน ๆ ทั้งที่บางครั้ง ในใจของตัวเองยิ่งทุกข์หนักกว่าใคร ก้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นหนังตลกแบบไหน แต่รู้แค่ว่า ทุกครั้งที่เห็นเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างก็มีความสุขแล้ว (นางเอกซ้า...)และอีกมุมหนึ่งของชีวิตก็น่าจะมีความเป็นRomantic comedy แฝงอยู่ในตัว เพราะคิดว่าความรักมันก็อยู่รอบตัวเรานี่แหละไม่ว่จะรักพ่อ แม่ เพื่อน แฟน หรือแม้กระทั่งรักคนที่เขาไม่ได้รักเรา ก็ยังคงไม่เครียด เพราะคิดว่าความรักมันไม่ทำร้ายใคร ทำดีต่อไปเขาคงเห็น555 มองโลกดีเข้าไว้ แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ ขอโทษที่ส่งช้าค่ะ หาไม่เจอ....

ชีวิตผมออกแนวcomedyคับ เปนคนสนุกสนาน อารมณ์ดีและไม่เครียด ชีวิตผมจึงคล้ายหนังตลกของ หม่ำ เท่ง โหน่ง

เปรียบชีวิตตัวเองเหมือนGenre Drama เพราะชีวิตมีการขึ้นลงและมีเหตุการณ์หรือปัญหาให้ต้องแก้อยู่เสมอ บางครั้งชีวิตมันก็น้ำเน่ากว่าในละครซะอีก มีทุกข์กับสุขปนกันไป และเมื่อชีวิตต้องเจอปัญหาที่มันมากซะจนตัวเองรับไม่ไหวแต่เมื่อเราได้คิดหรือปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมันก็จะดีขึ้นเอง เมื่อเราโตขึ้นก็จะเข้าใจกับปัญหาและสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นก็เปรียบได้กับ Formular ของหนังแบบ Coming of Age ค่ะ
ขอโทษนะค่ะที่มาตอบคำถามช้าเพราะว่าจดBlogของพี่เต้ผิดแล้วก็ไม่มีเวลาด้วยคงไม่ช้าไปนะค่ะ พี่เต้พรุ่งนี้สอนอะไรหรอค่ะพอดีบุ๋มไปไม่ได้เพราะขาเข้าเฝือกอยู่หมอสั่งไม่ให้เดินมากประมาณอาทิตย์นึงกลัวเรียนตามไม่ทันค่ะยังไงก็ช่วยบอกด้วยนะค่ะ

เหมือนกับทฤษฏี Genre ก็คงเป็นแนว comady อ่ะค่ะ เพราะ เป็นคนที่สนุกสนาน ชอบหัวเราะ ไม่ชอบอะไรที่มันเครียดๆ อ่ะค่ะ เวลาพูดอะไรกับเพื่อน เรื่องที่ซีเรียสก็กลายเป็นเรื่องขำขำ นู๋คิดว่า ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อยากทำอะไรก็ทำดีกว่า แล้วก็สนุกกับชีวิตที่เราเป็นอยู่ อย่าไปซีเรียสกับมันมากค่ะ แต่ก็อย่าสนุกจนเกินไปน่ะค่ะ ส่วนเวลาที่ไปดูหนัง ก็จะชอลฃบแนว comady ด้วยค่ะ ดูแล้ว มีความสุข ค่ะ

หนังแอ็คชั่นคงเหมาะกับผมมากที่สุด เพราะผมคิดว่าชีวิตผมที่ผ่านไปทุก ๆ วัน ผมต้องต่อสู้ บู๊ลิ้ม ทั้งสงครามน้ำลาย และกำลังภายใน (ไม่ได้ต่อสู้กะใครที่ไหนหรอกคับ กับเพื่อนผมเอง) คือชอบกัดกันคับ สนุกดี แกล้งเพื่อนบ้าง บางทีโดนแกล้งกลับ แล้วในบางครั้งผมก็เหมือนฮีโร่ช่วยคนบ้าง(สถานการณ์จำเป็นเลยยต้องช่วยคับ ที่จริงอะกลัว) ประมาณนี้แหละคับ สวัสดี

ถ้าเปรียบชีวิตรักของตัวเองก็คงเป็นแบบLove Triangle เพราะว่าคนที่เรามักจะชอบเค้ามักจะไม่ชอบเราแต่คนที่เค้ารักเราเรากับไม่รักเค้า

ผมขอเปรียบชีวิตผมเหมือนหนังแนว Drama คับ ถ้าใครที่รุ้จักผมเผิน ๆ อาจจะไม่รู้ หรืออาจจะแค่มองว่าผมเป็นวัยรุ่นเกเรคนหนึ่งไม่รักเรียนเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเป็นมันมีเหตุผลของมัน ชีวิตผมมันไม่ได้สบายเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่ผมต้องช่วยแม่รับผิดชอบกิจการของที่บ้านซึ่งมันก็หนักและมีปัญหาทุกวัน ประมาณนี้ดีกว่า ไม่เล่าแล้วคับกลัวร้องไห้

ถ้าเปรียบชีวิตของตัวเองกับทษฎี Genre คงเป็นแนว adventer เพราะว่าชีวิตของผมนั้นเปรียบเสมือนกับการ ผจญภัย ต้องอดทน ฟันฟาอุปสรรคต่าง ต่อสู้กับปัญหาที่ได้พบที่ได้เข้ามาในชีวิต ให้ได้ เพื่อที่จะพบความสำเร็จที่รอคอยเราอยู่หน้า เพราะถ้าเราอยู่เฉยไม่ผจญภัยความสำเร็จก้อคงจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะฉะนั้นการที่เรา ผจญภัย ต่อสู้ อดทน เราก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต และ ฟันฟา ปัญหาและอุปสรรค ทั้งหลายทั้งปวงที่เข้ามาในชีวิตได้ ค๊าบ

ชีวิตของตัวเองเหมือน Genre Comedy เพราะรู้สึกเราได้ใชวิตอย่างมีความสุขทุกวัน ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ได้พูดคุย เฮฮา แล้วก็มีเรื่องขำๆที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด และที่สำคัญเราชอบที่จะทำให้คนอื่นอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสนุกไม่ต้องเครียดด้วย นั่นแหละที่สำคัญ

เปรียบเหมือนกับ Drama เพราะมีเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียใจ ความโกรธ ความสงสาร หรืออารมณ์ต่างๆ ซึ่งก็เหมือนกับละครที่เราจะต้องเล่น เป็นตัวดำเนินเรื่องราว จนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แล้วทำให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆมากมาย

ผมคิดว่าแนวadventureเป็นตัวผมที่สุด อาจจะด้วยนิสัยหลายๆอย่างและความชอบของตัวผมเอง ปกติผมเป็นคนชอบอยู่กับธรรมชาติมากกว่าอยุ่ในเมือง ผมอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆของธรรมชาติ รักที่จะผจญภัย ชอบความท้าทาย ได้เจอสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา นั่นแหละคือตัวผมที่สุด

ถ้าเปรียบชีวิตนึงของเราเป็น Genres ก็คงจะเป็นชีวิตแบบ Drama หรือ Melodrama เพราะชีวิตมีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลา บางครั้งมีทั้งดีใจสุดขีด และในเวลาเดียวกันก็เสียใจอย่างสุดๆเหมือนกัน เรื่องราวทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาบางครั้งมันทำให้สับสนและเกิดความกระอักกระอ่วนใจ

ชีวิตผมในตอนนี้ต้องแนวRomance เพราะว่าตอนนี้ผมคิดว่าผมกำลังมีความสุขดีในความรักของผม เพราะว่าเราทั้งคู่ได้ผ่านอุปสรรคต่างๆมากมายมาด้วยกัน และในตอนนี้ผมก็รักเค้าคนนี้มาก

ชีวิตของผม ถ้าจะเปรียบเทียบมันคือ WAR สงคราม!
ตื่นมาก็แต่งแย่งพี่อาบน้ำ ขึ้นรถเมล์ก็ต้องรีบหาที่นั่ง มาถึงมหาลัยก็ต้องแย่งขึ้นลิฟท์ คือเปรียบได้ว่า เราต้องสู้ตลอดเวลาเพื่อตัวเราครับ วะฮะฮะฮะฮะ

ชีวิตของผมถ้าจะเปรียบแล้วมันคงเป็นแบบ Adventure เพราะตัวผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพซึ่งต้องมีการเผชิญโลกที่กว้างไปกว่าเดิม เกิดปัญหาต่างๆมากมาย ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิตมากขึ้น!

ชีวิตของฉันเหมือน Action ปน Comedy เพราะที่มหาลัยมีแต่เรื่องสนุกสนาน หรือบางครั้งเวลาที่อาจารย์สั่งงานให้ไปถ่ายโฆษณามาส่ง ให้ไปหาสถานที่ถ่ายทำมันก็เปรียบเสมือน Action

Adventure and comedy...

ที่คิดว่าตอนนี้ เป็นทั้ง 2 แบบเพราะว่าตอนนี้มักมีเรื่องราวเข้ามาให้ต้องเดินทางตลอด เนื่องจากว่าตอนนี้ กลายเป็น FC BB2 ไปซะแล้ว เลยต้องติดตามดาราตลอด แบบว่าเค้าไปไหน เราไปด้วย เดินทางไปตามสตูดิโอ ต่างๆมากมายเจอเพื่อนหลายหลาย แล้วยังต้องผจญภัย ทางด้านการเดินทางด้วยนะ คือ แบบว่า บางครั้งไม่รู้จักสถานที่ ก็ไปหนักเอาเบาสู้เลย งง เล็กๆ แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง แล้วยังมีเรื่องของ comedy เข้ามาคือ โดยส่วนตัวชอบสนุกสนานอยุ่แล้ว ดังนั้นเวลาใครพูดไรขำมานิดหน่อยก้จะขำเป็นบ้าเป็นหลัง น่ากลัวมาก ขำไม่ลืมหูลืมตาเลย และคิดว่าชีวิต เป็นเรื่องตลกทั้งวัน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่หัวเราะ กล้ายืนยัน เพราะเพื่อนๆ และคนรอบข้าง ก้ขำขำ กันทั้งนั้น ชีวิตมีความสุขและสนุกสนานตลอดเวลา มีบ้างที่เครียด แต่ก้ขำออกมาทุกที ไม่ต่างอะไรกับการผจญภัยและ เรื่องตลกเลย ชีวิตของดิฉัน อิอิ....

ดิฉันคิดว่าเท่าที่ผ่านมาชีวิตของดิฉันเหมือน coming of age เพราะแต่ก่อนเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ คอยมีคนเตือน แต่ไม่เข้าใจ เข้าเรียกว่าไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาพอชีวิตดำเนินมาเรื่อย ๆ แล้วมองย้อนกลับไปดู มันสอนให้เราเข้าใจที่คนอื่นคอยพูดคอยเตือน พอมาถึงปัจจุบันชีวิตมีการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจนตอนนี้รู้สึกก้าวข้ามมาจุดหนึ่งที่มันไม่มีทั้งใน genre และ formula คือความรู้สึกเคว้งที่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตตัวดิฉันเองเป็นยังไง

ถ้าเปรียบชีวิตตัวเองกับทฤษฎี Gennre คงเป็นแนว Adventer เพราะว่า ชีวิตตัวเองต้องค้นหาสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับการผญจภัยอยู่ในป่าเพื่อต้องการค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ

เปรียบเทียบชวิตตัวเองกับทฤษฎี Gennre คงเป็นแนว Romantic comedy Drama เพราะ ชีวิตบางครั้งก็เครียด บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะ และบางครั้งก็มีความสุขกับการที่ได้มีความรัก และ Formula คือ Success คือ ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต และในหน้าที่การงาน

ถ้าจะเปรียบเทียบชีวิตของเราเองกับทฤษฎี formula ก็คงจะเป็นแบบ success กับ boy meets girls ผสมกัันมั้ง เพราะว่าเราต้องพาตัวเองไปสู่จุดที่ดีกว่า ไปมีอนาคตที่ดีี่ เพื่อทำตามที่ตัวเองต้องการ ท้อบ้าง แพ้บ้างบางเวลา และระหว่างนั้นก็มีเรื่องดีๆจากการได้รู้สึกดี ๆ กับใครสักคนนั่นแหละ...

ถ้าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองในขณะนี้ กับทฤษฎี Genre หรือ Formula....ก็คงจะเป็นแบบ ADVENTURE for SUCCESS ค่ะ...เพราะชีวิตของฉันที่ผ่านมา ได้เจอกับประสบการณ์ต่างๆมากมาย ทั้งตื่นเต้น สนุกสนาน ได้เจอะเจอกับอะไรแปลกๆใหม่ๆ รวมไปถึงเรื่องโศกเศร้าเสียใจต่างๆ คละเคล้ากันไป.. มันเหมือนเป็นการผจญภัยที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้น และพอเวลาผ่านไปมันก็จะทำให้ฉันโตขึ้นได้ด้วยประสบการณ์เหล่านี้...ฉันจึงเข้าใจได้ว่า..ชีวิตเรา เรากำหนดได้ด้วยตนเอง...เมื่อฉันอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต...ฉันก็จะต้องพยายามทำให้เป็นจริงให้ได้ ซักวันค่ะ...สู้ๆ

ชีวิตผม ก็คงเปรียบคล้ายๆ แนว comedy คับ เนื่องจากชีวิตผมสบายๆขำๆสนุกสนาน ไม่ค่อยมีเรื่องให้ไม่สบายใจเท่าไหร่นัก แต่มีจุดมุ่งหมายนะคับ ไม่ใช่ไร้สาระไปวันๆ

เปรียบเทียบชีวิตของผมในขณะนี้กับทฤษฎี Genre คงเปรียบได้เหมือนแนว Thriller เพราะว่าชีวิตของผมนั้นมีความลึกลับซับซ้อน และมีความระทึกขวัญ ตื่นเต้นในชีวิต ในทุกๆวันของชีวิตผม และทุกคนก็มีเรื่องลึกลับซับซ้อนนี้เก็บไว้ในใจของทุกๆคน ทุกคนต่างหันหน้าเข้าหากันเพื่อคลี่คลายปมในจิตใจ ซึ่งเราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับคนๆนั้นได้ดีขึ้น ชีวิตของเราทุกคนต่างมีปริศนา ต่างต้องการการสืบสวนและคลี่คลายหาความจริง

เปรียบเทียบชีวิตของผมในขณะนี้กับทฤษฎี Genre คงเปรียบได้เหมือนแนว Thriller เพราะว่าชีวิตของผมนั้นมีความลึกลับซับซ้อน และมีความระทึกขวัญ ตื่นเต้นในชีวิต ในทุกๆวันของชีวิตผม และทุกคนก็มีเรื่องลึกลับซับซ้อนนี้เก็บไว้ในใจของทุกๆคน ทุกคนต่างหันหน้าเข้าหากันเพื่อคลี่คลายปมในจิตใจ ซึ่งเราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับคนๆนั้นได้ดีขึ้น ชีวิตของเราทุกคนต่างมีปริศนา ต่างต้องการการสืบสวนและคลี่คลายหาความจริง

ถ้าหากจะเปรียบเทียบชีวิตของผมในขณะนี้กับทฤษฎี Genre หรือ Formula – แบบ Genre ก็คงจะเป็น Drama Romantic Comedy เพราะชีวิตคนเราก็ประกอบด้วยเรื่องมากมาย ผมคิดว่าชีวิตครอบครัวของผมค่อยข้างมีความเป็น Drama สูงกว่าที่ใครหลายๆคนคิด (อาจจะมาทำเป็นหนังได้เลย แต่จริงๆแล้วละครก็คือเศษเสี้ยวของชีวิตจริงอยู่แล้ว) ส่วน Romantic Comedy ก็น่าจะเป็นชีวิตส่วนอื่นๆทั้งเรื่องความรักกับแฟนและเรื่องชีวิตของตนเองครับ..
ส่วน Formula น่าจะเป็นแบบ Success กับ boy meets girls ครับ เพราะิคิดว่าในชีวิตผมถึงแม้ในหลายๆครั้งถ้าย้อนกลัีบไปได้ก็อยากจะเปลี่ยนหรือทำอะไรหลายๆอย่่างที่อยากทำแต่ที่สุดแล้วก็คิดว่า ที่ผ่านมา Success ดีอยู่แล้ว ส่วน boy meets girls ก็น่าจะคล้ายๆกับด้านบน คืออาจมีทั้งความสุขและก็ปนความสนุกลงไปด้วยครับ...

ถ้าเปรียบเทียบชีวิตของฉันในขณะนี้กับทฤษฎี Genre หรือ Formula...ก็คงจะเป็นแบบ Romantic Comedy เพราะชีวิตคนเราทุกคนถ้าไม่มานั่งเครียด หรือคิดมากอยู่ มันก้อจะเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน เหมือนชีวิตของฉันในตอนนี้ที่วันวันได้พบปะ เจอะเจอ พูดคุยและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันกับเพื่อนๆที่รัก และมีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวที่รักฉัน ทำให้วันทุกวันที่ผ่านไปมีแต่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ส่วนเรื่องความรักก้อราบรื่น ทุกๆอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ...

เอ่... ถ้าเปรียบชีวิตของผมตามทฤษฎีก็คงจะเป็นประเภท Genre อ่ะคับแล้วก็เป็นชองแบบ Comedy เพราะว่าชีวิตมีแต่เรื่องสนุกสนาน ไม่ค่อยซีเรียตกับอะไรมายมายในชีวิตและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทั้งวัน

เปรียบเทียบชีวิตของตัวเองในขณะนี้กับทฤษฎี Genre คงเป็นแนว Thriller เพราะ ตอนนี้กำลังกลัว เนื่องจากใกล้ถึงวันสอบแล้ว และก็สงสัยด้วยว่าตัวเองจะทำข้อสอบได้หรือไม่

FANTACY เพราะรู้สึกว่าตอนนี้เจอแต่คนแต่งตัวแปลกแปลก ทำตัวแปลกแปลก ความแปลกแปลก (บ้าป่าว)

DRAMA เพราะ ชีวิตเหมือนละคร การดำเนินชีวิตก็เหมือนกับตัวละครตัวหนึ่ง

Drama เพราะทุกอย่างมีขึ้นมีลงเจอะปัญหามากมายเหมือนกับละครบางตอนเลยที่เดียว

Commady ชีวิตมีแต่ความสนุกตลอดไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่นัก

เปรียบกับ Adventure+Commady ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมาก็ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตแตกต่างกันไป มีสุขบ้างทุกข์บ้าง แต่บางครั้งเวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทมากๆ เราก็ไม่ต้องจริงจังอะไรมากมายเล่นสนุกตลกมันได้ทั้งวัน

comady ครับ เพราะ เป็นคนที่สนุกสนาน ไม่ชอบอะไรที่มันเครียดๆ มองโลกในแง่ดี

ถ้าเปรียบชีวิตของตัวเองกับทษฎี Genre คงเป็นแนว Musical เพราะผมเป็นคนชอบร้องเพลง และการแสดง และมีความฝันอยากเป็นนักร้อง และนักแสดงละครเพลง เพราะมันท้าทาย และได้ทำตามที่ตนเองถนัด

ถ้าเปรียบชีวิตของตัวเองกับทษฎี Genre คงเป็นแนว Romance เพราะว่าตัวเองกำลังเจอความรักหลากหลายรูปแบบ จึงชอบที่จะมองความรักในมุมมองต่างๆ เพื่อปรับใช้ในมุมมองความรักของอิฉัน

ถ้าเปรียบชีวิตของตัวเองกับทษฎี Genre คงเป็นแนว Romance เพราะว่าตัวเองกำลังเจอความรักหลากหลายรูปแบบ จึงชอบที่จะมองความรักในมุมมองต่างๆ เพื่อปรับใช้ในมุมมองความรักของอิฉัน

ถ้าเปรียบกับชีวิตในตอนนี้ตรงกับ comady เพราะว่าเป็นคนสนุกสนานมาก ชอบหัวเราะ และช่วงนี้มีความสุขสนุกสนาน กับการได้อยู่กับเพื่อนๆ

เปรียบชีวิตกับgenre คงจะเป็น romantic comedy เพราะว่า เป็นคนที่เวลามีความรัก แล้วรักจะฮาๆไม่ว่าทำอะไรก็ตลกเพราะเราเป็นคนตลก แต่บางทีก็แอบเครียส เพราะว่าถ้ารักจะไม่เครียสเลยเปงไปไม่ได้ ก็เลยมีรักแบบฮาๆๆ

ถ้าให้เปรียบเทียบเรื่องในชีวิตจริง กับ โครงเรื่องที่พี่เต้สอนมา คงเปรียบเป็นแบบ "Success"

เพราะ ได้เป็นนักแสดง ในเรื่อง ลือกระบือไกร ละครนิเทศเวทีที่ 17 ของคณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ
ซึ่งสิ่งนี้เป็นความฝันตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัย และต้องเข้าละครนิเทศให้ได้ มันคือความฝัน
พอได้เข้ามาเรียนรู้ มาฝึก มาออดิชั่น เพิ่งได้รู้ว่ากว่าจะมาเป็นละครเวทีเรื่องนึงได้นั้น มันยากมาก
ต้องฝึกวิ่งวันละหลาย ๆรอบโดยไม่ใส่รองเท้า โดนกดดัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง
เพื่อนบางคน ท้อมาก จนต้องออกไป เพราะทนไม่ไหว แต่ด้วยความที่อยากชนะอะไรซักอย่าง ทำให้เราต้องสู้ และบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าที่พี่เค้าด่า เค้าว่า เค้ากดดัน
เพราะอะไร
เวลาเกือบปีก่อนที่ละครจะเล่น เค้าก็ยังกดดันอยู่อย่างนั้น น้ำเย็น ขนมหวาน ก็ไม่มีโอกาสได้กิน เพราะนั่นเป็นข้อห้ามของนักแสดงและเด้นเซอร์
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้าใจเมื่อละครได้แสดงจบในรอบฟิน ทุกคนร้องไห้ดีใจ รวมทั้งเราด้วย ในที่สุดก็ทำในสิ่งที่เราหวังได้สำเร็จ........

10ด444ห000ไ

ดั่งเทพนิยาย

เราคิดว่าชีวิตเรามีความวาบหวิวมากเหลือเกินถ้าเปรียบก็คงเป็นหนังอีโรติก เราเกิดในยุคที่มีเเต่ความล่อเเหลมทางสังคม คนรุ่นเราเอากันเหมือนกระต่ายเกิดความคิดเสมอภาคกันในด้านเซ็กซ์ทั้งที่เมื่อก่อนผู้ชายคิดว่าตนได้เปรียบดั่งคำกล่าว ผู้หญิงจะถามถืงเหตุผลถึงการจะมีเซ็กซ์เเต่ผู้ชายต้องการเเค่สถานที่

ผมสงสัยว่าของผมจะเป็นแบบ wild west นะครับ

ถ้าจะเปรียบชีวิตของผมกับ Genreหนังก็คงเหมือน Romantic ตอนนี้ก็ความรักที่มีความสุขดี แต่ชีวิตของคน 2คน จะให้มีแต่ความสุขนั้นกคงเป็นไปไม่ได้ มีเรื่องราวหลายๆอย่างที่จะต้องพบเจอในแต่ละวัน และต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน และหวังว่า Genre Romanticของผมคงจะจบลงอย่าง Happyในตอนจบ

ชีวิตในตอนนี้เปรียบเหมือนกัน Genre Musical เพราะชีวิตในแต่ละวัน ก็ต้องมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เหมือนดนตรีที่มีจังหวะช้าเร้ว มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ

สิบทิศ กับ จิดรานุช นะครับ ขอบคุนค้าบ

ผ่านทางมาเจอ สวัสดีแล้วไปนอน