พระราชวังฤดูร้อน หรือเรียกว่าอุทยาน อี้เหอหยวน เป็นพระราชวังที่พระนางซูสีไทเฮาทรงโปรดปรานมากอีกทั้งยังเป็นสถานที่ว่าราชการของพระนางด้วย พระราชวังนี้สร้างอยู่ติดกับทะเลสาบคุนหมิง ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มากที่ขุดด้วยแรงงานคน มีภูเขาจำลอง ศาลารูปแบบต่างๆสวยงามตระการตา ต้นหลิวอ่อนลู่ริมทะเลสาป สายลมพัดเย็นยะเยือกยามหน้าหนาว อุทยานแห่งนี้กว้างขวางมาก มีรูปปั้นหงส์และมังกรที่ยืนอยู่ใกล้กันเป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่น
|
สถานที่ซึ่งผู้เขียนอยากไปสัมผัสมากก็คือที่นี่ กำแพงเมืองจีน อันลือลั่นเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์เจ็ดอย่างของโลก สร้างในสมัยจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ มีความยาว 10,000 ลี้ หรือ 6,788 กิโลเมตร โดยใช้แรงงาน 300,000 คน ใช้เวลาสร้างนานนับ 10 ปี ว่ากันว่าที่จริงแล้วกำแพงแห่งนี้เป็นกำแพงแห่งความอัปยศของคนจีนเพราะประชาชนที่ถูกเกณฑ์มาสร้างต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาชาวโลกยกย่องและเห็นว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วไป ทุกคนก็อยากจะมาชมและเดินขึ้นกำแพงประวัติศาสตร์นี้ ดังนั้นจีนจึงจำเป็นต้องใช้กำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวและเสริมสร้างชื่อเสียงประเทศ เมื่อมาเห็นของจริงก็ตื่นเต้นดี ทางขึ้นชันมาก เหนื่อยทีเดียวในการเดินขึ้น ผู้เขียนเดินได้เพียงป้อมเดียวก็พอแล้ว เล่ากันว่าในสมัยก่อนผู้คนใช้เวลาเดินกว่าจะสุดแนวกำแพงทั้งหมดนั้นใช้เวลาถึง 2 ปี
เช้าวันที่หนาวประมาณ 3 องศาแซลเซียส เราชาวเมืองร้อนมาเจออากาศประมาณนี้ก็หนาวสั่นละ แต่บรรดาชาวจีนทั้งหลายกลับมีความสุขที่ได้มารวมกลุ่มชุมนุมพบปะกันเพื่อมาออกกำลังกาย เล่นไพ่ เล่นดนตรี ร้องเพลงและพูดคุยกัน ที่บริเวณ หอบวงสรวงฟ้าเทียนถาน เป็นที่ซึ่งกษัตริย์จีนใช้เป็นสถานที่บวงสรวงเทพยดาฟ้าดินให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ตามความเชื่อในพิธีกรรมต่างๆ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี เป็นสถาปัตยกรรมจีนที่งดงาม ในบริเวณหอฟ้าเทียนถานจะมีกำแพงอยู่สองด้าน กล่าวกันว่าถ้าพูดจากกำแพงด้านหนึ่งแล้วคนอีกด้านหนึ่งเอาหูแนบฟังก็จะได้ยินเสียงของอีกฝั่งหนึ่งได้ แต่ผู้เขียนไม่ได้ทดลองพูดเพราะคนแยะมาก อากาศหนาวครึ้มแต่ผู้คนดูมีความสุข คนจีนแก่ๆบางคนก็ใช้พู่กันน้ำอันใหญ่ๆเขียนเป็นอักษรจีน ความหมายว่า โชดดี อะไรทำนองนั้น เป็นศิลปะประจำวันที่น่าทึ่งและงดงาม
ในกรุงปักกิ่งไม่ค่อยพบบ้านเรือนอยู่อาศัยที่เป็นบ้านเดี่ยวเลย คนจะอาศัยในคอนโดมีเนียมกันส่วนใหญ่ ราคาต่อหนึงห้องคิดเป็นเงินไทยแล้วประมาณ 5 ล้าน บาท นับว่าแพงเอาการ ถ้าเปรียบกับ คอนโดขนาดเดียวกันในบ้านเรา ส่วนบ้านแบบยุคโบราณยังมีให้เห็นอยู่ เป็นบ้านสร้างด้วยอิฐ มองดูเก่าๆ ประตูทางเข้าจะเล็กๆเหมือนในหนังจีนที่เคยดู บ้านเก่าเหล่านี้จะอยู่ติดๆกันเป็นเหมือนหมู่บ้านเดียวกัน แต่ละห้องไม่มีห้องน้ำ จะมีห้องน้ำรวม ตามริมถนนบางสายนั้นร้านขาย ติ่มซ่ำ ซาลาเปา พอมีให้เห็น สนนราคาคิดเป็นเงินไทยก็ไม่แพงนัก อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงคือปักกิ่งขึ้นชื่อเรื่อง หยก ชาจีนและผ้าไหมที่สวยงามมาก ผ้าไหมจีนจะทอละเอียดและลื่นๆ นุ่มๆ ไม่เหมือนผ้าไหมไทย คนละแบบกันแต่สวยงามไม่แพ้กัน ส่วนสาวจีนยุคใหม่ สวยน่ารัก ผิวพรรณสดใส แต่งกายสมัยใหม่ ทำให้นึกถึงภาพที่เคยเห็นในยุคอดีตของท่านประธานเหมาเจ๋อตุง หรือ ยุคเติ้งเสี่ยวผิงที่ทุกคนต้องใส่เสื้อผ้าสีทึมๆ สวมหมวกทั้งชายและหญิง ปัจจุปันมังกรตื่นจากหลับอันยาวนานมาร่วมกว่า 20 ปีแล้ว มังกรและหงส์ ยุคใหม่ ทันสมัยไม่แพ้ประเทศอื่นๆ แต่ด้านภาษาต่างประเทศ คนจีนทั่วไปพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย ยกเว้นคนที่ทำงานออฟฟิศหรือในมหาวิทยาลัยยังพอสื่อสารกันได้ เวลาไปซื้อของผู้เขียนพูดภาษาจีนแทบไม่ได้เลย บางครั้งอาศัยภาษาใบ้หรือไม่ก็ภาษาอังกฤษปนกับจีนแบบง่ายๆ แต่บางร้านก็พูดไทยพอได้ก็มีบ้าง
|
จัตุรัสเทียนอันเหมินและพระราชวังต้องห้าม มองเห็นแนวธงดาวแดงของจีนปลิวสะบ้ด มีภาพท่านประธานเหมาเจ๋อตุง ขนาดใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่บนกำแพงทางเข้าพระราชวังต้องห้าม(กู้กง) เดินเข้าไปภายในกว้างมาก เป็นสถาปัตยกรรมจีนที่งดงาม
บริเวณพระราชวังกู้กงและวัดลามะ วัดนี้สวยและสงบร่มรื่นเขียวไปด้วยต้นไม้มีทั้งต้นหลิว ต้นดอกเหมยที่ออกดอกสีชมพูสดใส และต้นไม้อื่นๆ ผู้ดขียนได้เข้าไปหว้พระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่และเอามือแตะระฆังที่เรียงรายอยู่ภายนอกเพื่อความเป็นศิริมงคล
กำแพงเมืองจีน เคยเห็นจากภาพในหนังสือและภาพทางทีวี มาเห็นของจริงก็ยิ่งใหญ่น่าทึ่ง ด่านที่ขึ้นกำแพงจะมี 4 ด่าน แต่ละด่านจะอยู่ห่างกันคนละด้านและมีผู้คนมากมายที่เดินขึ้น ต่างเดินชนกันสวนทางขึ้นลงกันไปมา หนทางลาดชัน เดินเหนื่อยมาก ผู้เขียนหันกลับไปมองทางที่เดินขึ้นมา ชันจริงๆ ขาสั่นเลย แต่ยังดีที่มีราวเหล็กให้โหนจับ เดินไปพักไป
หอฟ้าเทียนถานชาวจีนมาพบปะชุมนุมกันที่นี่แน่นไปหมด ดูอบอุ่นและสามัคคีดี บางคนมาเล่นดนตรี สีซอจีนและร้องเพลงกันอย่างไพเราะ หอฟ้าเทียนถานสวยงามแปลกตามีลานกว้างเป็นวงกลมและมีจุดเป็นหินนูนๆ เพื่อให้ยืนบนหินนี้กราบไหว้เทพยดาฟ้าดิน คนยืนต่อคิวกันยาว ผู้เขียนก็เลยได้แต่ยกมือไหว้คารวะฟ้าดินไปรอบๆก็พอแล้ว
สายลมหนาวก็พัดคนไทยคนหนึ่งจากแดนมังกร พัดกลับมาพร้อมความทรงจำที่ดีและสวยงามมายังบ้านเกิดเมืองนอนที่แสนอบอุ่นของเรา กลับมาสัมผัสลมร้อน แห่งฤดูกาล กลับมาสู่วงจรชีวิตประจำวันเหมือนเดิม |
กำแพงเมืองจีน หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์เจ็ดอย่างของโลก ยังไม่เคยไปเลยค่ะคุณเตย ถ้ามีโอกาสอยากไปดูกำแพงแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ซักครั้งในชีวิต ...