Group Blog
 
 
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

วันใหม่





































 

Create Date : 07 ตุลาคม 2548
7 comments
Last Update : 15 มกราคม 2553 20:41:13 น.
Counter : 603 Pageviews.

 

แอบเข้ามาดูภาพสวยๆครับ...

 

โดย: ครีเอทีฟ หัวเห็ด 7 ตุลาคม 2548 7:17:44 น.  

 

ใส้เดือนรำพึงนี่เก๋สุดๆ กร๊ากกก
ขอยืมเอาไปใช้มั่งนะ

 

โดย: maczy 7 ตุลาคม 2548 12:31:10 น.  

 

..

ยอดมากค่ะ..

 

โดย: ป่ามืด 2 มกราคม 2549 13:56:27 น.  

 

แม๊กซ์ เตยเปลี่ยนแบคกราวน์อ่ะนะ อิอิ

 

โดย: ดาวอังคาร (terrynop ) 15 มิถุนายน 2549 11:51:53 น.  

 

ดอกไม้สวยเป็นบร้าเลยคะ


ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงละครช่อง 3 รวิชมัง คนไรไม่รู้หล่อเป็นบร้า

 

โดย: แม่สลิ่ม 26 มิถุนายน 2549 19:50:52 น.  

 

เจ้าชาย
ตั้งแต่เขาจำความได้ ก็เห็นมือคู่นั้น “พูด” กับเขา สัมผัสตัวเขาอย่างอ่อนโยน บางครั้งไกวปล บางครั้งป้อนอาหารให้ เป็นส่วยหนึ่งของชีวิต เพราะมือคู่นี้นี่แหละที่ดึงเขาให้พ้นจากการถูกทอดทิ้ง
เขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใคร ป้าแตงซึ่งมาช่วยงานบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เคยบอกเขาว่า คืนหนึ่งมีคนนำเขามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านแม่ โดยไม่มีใครรู้ ป้าบอกว่าเหมือนนิยายในโทรทัศน์เลย เขาไม่ได้ร้องไห้สักเสียง จบเมื่อแม่ออกมาเดินล่นนอกบ้าน จึงพบเขา แม่เห็นเขากำลังเบิ่งตาจองเป๋งไปยังดวงดาวที่กระจายเต็มท้องฟ้า ราวกับว่ามันเป็นสถานที่ที่เขาจากมา
แม่ตั้งชื่อเขาว่า “ช้างเผือก” เพราะในคืนที่แม่พบเขา เขาจองมองทางช้างเผือกเขม็ง อีกอย่างหนึ่ง คือ สำหรับแม่ เขาเป็น “ช้างเผือก” อันทรงค่าที่เปลี่ยนชีวิตแม่ดีขึ้น
ความจริงเขาชอบให้คนอื่นเรียกเขาสั้นๆ ว่า “ช้าง” มากกว่า เขารู้สึกว่าช้างเผือกมันออกแนวสีขาวมากไปหน่อยเมื่อเทียบกับตัวเขา
แต่เขาไม่เคยบอกแม่ในเรื่องนี้ คงเพราะมันยากเกินไปสำหรับเขาในตอนนั้นที่จะอธิบายอะไรต่ออะไรเป็นภาษามือ แม่พูดไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชีวิตของแม่วุ่นวายแต่อย่างไร แม่มีสิ่งที่มีค่ามากกว่าเสียง คือ รอยยิ้ม เป็นสิ่งเดียวที่สามารถหยุดเสียงร้องไห้ของเขาได้อย่างชะงัดทุกครั้ง
แม่อ่านหนังสือมาก เขามักเห็นมือแม่ถือหนังสือเล่มหนึ่งเสมอ ป้าแตงว่าหนังเคยเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แม่ผ่านวันเวลาในโลกไร้เสียงจนกระทั่งมีเขา
พอ 5 ขวบเขาก็สามารถสื่อสารกับแม่ด้วยภาษามืออย่างคล่องแคล่ว ตอนนี้ช้างเผือกอายุ 8 ขวบ เขากำลังมองดูดาวด้วยกันกับแม่เงียบๆ
เขาชอบมองดวงดาวบนฟ้า ( คงเพราะติดใจกับภาพทางช้างเผือก ตั้งแต่คืนแรกๆ ในชีวิต ) แม่ว่า “เราทุกคนมีดาวประจำตัว เมื่อดาวนั้นดับสิ้น เราก็ตายตามดาวไป” นึกสงสัยว่าดวงไหนนะที่เป็นดาวประจำตัวของเขา
“แล้วดาวของแม่อยู่ที่ไหนครับ ?”
“ไม่รู้จ้ะ แต่ที่รู้แน่ๆ คือเป็นดาวคู่ดวงหนึ่งของแม่ อีกดวงหนึ่งของลูก ทั้งสองดวงโคจรสัมพันธ์กันและกัน”
ภายหลังเมื่อเรียนรู้เรื่องดาวคู่ในห้องหนังสือ เขาจึงว่าเกินกว่าครึ่งของดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นระบบดาวคู แม่ไม่เคยบอกว่า ทำไมแม่อาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ ป้าแตงเคยเล่าให้เขาฟังว่า แม่เคยผิดหวังร้ายแรงในชีวิต แต่หลังจากที่พบเขาในคืนนั้น แม่ก็เปลี่ยนไปจากคนที่เคยซึมเศร้ากลายมาเป็นคนที่เริ่มมีรอยยิ้ม
ช้างเผือกสะกิดแม่ “ดาวพวกนั้นมีคนอยู่ไหมครับ แม่ ? แม่ยิ้ม “มีสิ แต่ละดวงมีคนอาศัยอยู่ บางดวงเป็นที่อยู่ของพระราชา บางดวงเป็นของนักธุรกิจ และอีกมากมาย แต่มีอยู่ดวงหนึ่งบนดาวชื่อ บี 612
เป็นของ .......” แม่ประกอบมือเป็นคำใหม่ในภาษาอังกฤษ P-R-I-N-C-E แปลว่า เจ้าชาย
“เขาเป็นเด็กน้อยเหมือนช้างเผือกแหละ ใครๆ ก็เรียกเขาว่า เจ้าชายน้อย โลกของเขาเป็นโลกใบเล็กๆ เงียบๆ เขามักเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ......”
“แล้วพ่อแม่ของเขา ?...”
“เขาไม่มีพ่อแม่จ้ะ”
“งั้น เขาคงเหงานะ ?”
“อาจจะใช่ แต่มีคนแบบเขาอยู่มากในโลกของเราใบนี้”
“โชคดีที่ผมไม่เคยเงียบเหงาเหมือนเขา ผมยังมีแม่”
แม่ยิ้ม กอดเขาแน่น
วันหนึ่งเสียงกริ่งดังขึ้น ช้างเผือกวิ่งไปประตูรั้ว เห็นชายหญิง 4 คน หนึ่งในนั้นสวมเครื่องแบบตำรวจ ไม่มีใครยิ้ม เขารู้สึกตัวว่าพวกเขาจองเขานิ่ง
เสียงหนึ่งว่า “ใช่ เด็กคนนั้นแหละ”
ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มถามเขาว่า “แม่ของหนูอยู่ไหมจ้ะ ? ”
เขาไม่ตอบ แม่ออกมาพอดี แม่คุยกับพวกเขาครู่หนึ่งก็พาแขกเข้าไปในบ้าน ช้างเผือกไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใครทั้งหมดคุยกันในห้องนั้นเนิ่นนานจนเขาเผลอหลับไป
ตื่นขึ้นมาเพราะสัมผัสมือของแม่ แม่นั่งข้างตัวเขา ตาแดงก่ำ
แม่ลูบหัวเขาเบาๆ “ช้างเผือก รู้ใช่ไหมว่า แม่ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของลูก ?”
ช้างเผือกพยักหน้า
“ตอนนี้พ่อแม่ที่แท้จริงของช้างเผือกตามหาลูกจนเจอ”
ชายหญิงแปลกหน้าคู่นั้นเดินมาหาเขา
“นี่คือพ่อแม่ที่แท้จริงของลูก”
เขาทำมือบอกแม่ว่า “ผมมีแม่ที่แท้จริงแล้ว ผมไม่ต้องการใครอีก”
แม่ยิ้มทั้งน้ำตา ตอบกลับ “อย่าหนีความจริงสิลูก ไม่ช้าหรือเร็วลูกก็คงต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของลูก...”
แม่จัดข้าวของใส่กระเป๋าทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พับเสื้อผ้าแต่ละชุดแต่ละชิ้นอย่างประณีต บรรจงวางซ้อนลงในกระเป๋าทีละชั้น
ชิ้นสุดท้ายที่แม่วางลงในกระเป๋า คือ รถไฟสีแดงที่เขารักที่สุด
แม่มองหน้าช้างเผือกเนิ่นนาน
“จำเรื่องที่เราคุยกันเรื่องดาวคู่บนท้องฟ้าได้ใช่ไหมจ้ะ เมื่อช้างเผือกเหงาหรือไม่เป็นสุข จำไว้ว่ายังมีดาวของแม่หมุนเป็นเพื่อน....”
แม่ยกกระเป๋าใส่ท้ายรถคันนั้น กอดเขาแน่น น้ำตาไหลเงียบๆ ขณะที่ทำมือเป็นข้อความว่า “อย่าลืมกินข้าวเยอะๆ นะลูก”
รถยนต์แล่นออกไปจากเขตบ้านข้างตัวเขา คือ ชายหญิงแปลกหน้าคู่นั้น ทั้งสองคนแต่งตัวดี รถยนต์ของพวกเขาดูใหม่ สวยงาม มือของแม่ตัวจริงลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน แต่เขาสะบัดตัวออก
มองจากกระจกหลัง เห็นเงาร่างของแม่ยังยืนอยู่ที่นั่น ทันใดเขาเปิดประตูรถ เสียงแม่จริงอุทานอย่างตกใจ คนขับจอดรถทันทีเขากระโจนพรวดลงจากรถวิ่งกลับไปหาแม่
“ผมต้องการเป็นเจ้าชายน้อยของแม่ตลอดไป”
ชายหญิงแปลกหน้าเหล่านั้นกลับไปหมดแล้ว ที่ลานบ้านเหลือแต่ช้างเผือกกับแม่
พวกเขาสองคนมองดูดวงดาวเงียบๆ เขากำลังมองหาดวงดาวของเจ้าชายน้อย......

หนังสือ “วันแรกของวันที่เหลือ” ( วินทร์ เลียววาริณ )

 

โดย: กรุมานบ้า.... IP: 125.26.231.213 16 ธันวาคม 2550 22:52:31 น.  

 

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 5736232 21 กุมภาพันธ์ 2563 16:28:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


terrynop
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นลูกพระอาทิตย์ อยากไปเดินท่อมๆ หลายๆแห่งในโลกนี้ ไปมามั่งแล้วละ แต่ก็ยังอยากไปอีกเรื่อยๆ

Visitors








Friends' blogs
[Add terrynop's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.