Ten'zzz blog\\*o*//It's my blog.It's my life.
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
วิจารณ์หนังเรื่องTrainspotting : คุณเคยใช้เวลาเป็นวันนั่งมองรถไฟผ่านไปมามั้ย?

บทวิจารณ์นี้เขียนในหนังสือโครงงานจุฬาวิชาการ 2548 "Psychi film" เรื่อง trainspotting ค่ะ หนังจะเกี่ยวกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งในสกอตแลนด์ที่วันๆเอาแต่ติดยา เนื้อหาเรื่อยๆแต่ดูสนุกแปลกตาดี อาร์ตหน่อยๆค่ะ นำแสดงโดย เอียน แมคเกรเกอร์ ใครสนใจก็หามาชมได้ได้ เราเขียนเองนะช่วยเม้นต์ด้วยนะคะว่าเป็นยังไง
LIFE IS THE MATTER OF CHOOSING
ในชีวิตนี้คุณต้องเคยเลือกมาหลายครั้งหลายหนแล้วใช่ไหม? เลือกว่าจะกินอะไร?จะไปไหน? จะทำอะไร?
แล้วคุณเคยเลือกที่จะใช้เวลาเป็นวันๆนั่งมองรถไฟผ่านไปผ่านมาไหม?
คำถามนี้อาจฟังแล้วแปลกๆ คุณคงสงสัยว่าทำไม? จะต้องเสียเวลามานั่งดูรถไฟแล่นผ่านด้วย เพราะการเฝ้ามองดูรถไฟที่ผ่านไปขบวนแล้วขบวนเล่าไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว และคุณคงสงสัยอีกว่าจะมีหรือ?คนที่เลือกจะเสียเวลาของตนเอง เวลา…ที่คนอื่นๆมองว่ามีค่าหนักหนา ล่วงเลยไปกับภาพขบวนรถไฟที่ตกกระทบกับประสาทสัมผัส และสุดท้ายภาพที่มองเห็นก็เป็นเพียงความเคลื่อนไหวที่ไม่ชัดเจน
แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีผู้เลือกที่จะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปกับกิจกรรมที่แสนจะไร้สาระเช่นนั้นจริงๆ
ใช่แล้ว คนเหล่านั้นก็คือ ตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง “Trainspotting” ไงล่ะ
Trainspotting แสดงให้เราเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองไปกับการหาทางให้ได้เฮโรอีนมา การเสพย์เฮโรอีน มีความสุขกับสวรรค์จอมปลอมเหล่านั้นแล้วก็กลับไปเข้าวังวนเดิมอีกอย่างนี้วันแล้ววันเล่า(แม้ว่าจะมีบางช่วงที่เขาคิดอยากเลิกก็เถอะ มันก็เข้าอีหรอบเดิมอยู่ดี) ชีวิตของพวกเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดไม่ว่าจะเป็นครอบครัว การงานที่ดี สุขภาพที่ดี อาชีพที่ดีหรือแม้กระทั่ง เซ็กซ์
สิ่งเดียวในชีวิตที่สำคัญ สิ่งเดียวที่ต้องการ สิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด ยิ่งไปเสียกว่าจุดสุดยอดที่ดีที่สุดที่คุณเคยมีมา(คุณรู้หรือไม่ว่าความรู้สึกที่ได้จากการเสพย์เฮโรอีนหรือสารกลุ่มเดียวกับฝิ่น คล้ายกับความสุขจากorgasm) เพียงแค่มีเฮโรอีนเขาเหล่านี้จึงเลือกที่จะไม่เลือกอะไรเลย
และถ้าคุณคิดว่าTrainspottingก็เป็นภาพยนตร์ธรรมดาๆที่เกี่ยวกับคนติดยาเรื่องหนึ่ง คุณกำลังคิดผิดแล้ว เพราะTrainspotting แตกต่างไปจากนั้น
Trainspotting พูดถึงยาเสพย์ติดในแง่มุมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนติดยา อาการของคนติดยาหรือถอนยา สภาพความเป็นอยู่ สังคม ผลกระทบจากการเสพย์ยา การรักษาผู้ติดยาและวงจรอุบาทว์ของผู้เสพย์คือ ทำให้ได้ยามา ใช้ยา พยายามเลิกแล้วก็กลับมาใช้ยาใหม่
และแทนที่หนังเรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องของคนติดยาจากมุมมองของคนภายนอกที่ชอบทำเป็นว่ารู้ดีเสียเต็มประดาเหมือนเรื่องอื่นๆ Danny Boyle ได้นำเสนอเรื่องของคนติดยาจากความรู้สึก มุมมอง ความคิดของคนที่รู้ดีที่สุดเรื่องยาเสพย์ติดเอง จะเห็นว่าภาพในหนังจะเน้นสีสันสดใส เหมือนกับที่คนติดยามองเห็นสิ่งรอบๆตัว ภาพจะดูเบลอๆ รวดเร็ว ไร้สติ เหมือนกับทุกอย่างเคลื่อนไหวตลอดเวลา(สังเกตบ้างไหม?) Trainspotting ได้เล่าความรู้สึก เหตุผลของคนติดเฮโรอีนให้ผู้ชมรับรู้ได้อย่างชัดเจน “Take the best orgasm you’ve ever had,multiply by 1000,and you’re still nowhere near it”(แม้คุณจะไม่เคยเสพเฮโรอีนเลยก็เถอะคงจะคิดออกบ้างแหละว่ามันเป็นยังไง)นี่คือเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงยืนยันที่จะใช้ยาอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่เขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันส่งผลเสียอย่างไรบ้าง
นอกจากนั้น Trainspotting เล่าอาการของคนติดยา อาการที่เกิดจากการถอนยา(withdrawal) ด้วยการแสดงให้เห็นถึงผลที่เกิดจริงๆโดยใช้ภาพที่สื่อแล้วเข้าใจได้ง่ายประกอบกับSoundtrackที่กลมกลืน ไม่ใช่แนวสั่งสอนให้เห็นโทษร้ายแรงอย่างเรื่องอื่นๆที่มักจะทำให้ผู้ชมเบื่อหน่ายและไม่เกิดความแปลกใหม่(spectacle) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ฉากที่Rentonใช้ยาเกินขนาด(overdose)จนระบบประสาทผิดปกติไปคือเห็นภาพว่าตนเองนอนอยู่ในกล่อง(หรือโลงศพก็ไม่แน่ใจ) ศูนย์การหายใจถูกกด ความดันต่ำ หัวใจเต้นช้าลง ม่านตาหดเล็กลงและสติเลื่อนลอย(Euphoria)จนต้องเข้าโรงพยาบาล (Soundtrackช่วงนี้ยิ่งส่งเสริมอาการเลื่อนลอยขึ้นไปอีก) อาการถอนยาที่เห็นชัดๆก็ตอนที่Rentonถูกหักดิบทำให้เขากระสับกระส่ายจนเกิดภาพหลอนไปต่างๆนานา (ที่น่ากลัวที่สุดคงจะเป็นBaby zombieบิดคอ 180 องศา) และตอนต้นๆเรื่องที่เขาขังตัวเองอยู่ในห้องพร้อมกับถังใส่อาเจียน อุจจาระ ปัสสาวะ แสดงถึงอาการคนถอนยาคือท้องเสีย อาเจียน นอกจากที่ในหนังบอกแล้ว อาการถอนยายังมีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว ง่วงซึม ขนลุก ปวดกล้ามเนื้ออีกด้วย
จุดเด่นอย่างหนึ่งของtrainspottingคือ ไม่ได้เรียกคะแนนสงสารจากคนดูด้วยการให้เห็นความทุกข์ทรมานของคนติดยาหรือถอนยา แต่กลับเสนอในมุมมองที่เป็นกลางไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง โดยสอดแทรกมุกตลกจนบางทีถึงขั้นตลกร้ายจากอาการของยาและถอนยาของตัวละครในบางตอนเพื่อให้เหมือนมาจากความรู้สึกของคนติดยาจริงๆ และให้ตัวละครในเรื่องกระทำสิ่งที่ไม่ควรจะได้รับความสงสาร เช่น ฉากที่สะอิดสะเอียนที่สุดตอนที่Renton ดำดิ่งลงไปและแหวกว่ายอยู่ในส้วมที่โสโครกที่สุดใน Scotland เพียงเพื่อจะหยิบฝิ่นสวนทวาร หรือกลับไปเสพย์ยาอีกครั้งเพียงเพราะว่าจะลองว่าเป็นของแท้หรือไม่ และตลอดทั้งเรื่องยังมีบทเรียนและผลของการติดยาไว้เช่น แนวโน้มที่คนเสพย์จะประกอบอาชญากรรมมีมากขึ้น ขาดสติยั้งคิดทำให้เกิดผลอันน่าเศร้าตามมาภายหลัง และความเสี่ยงที่จะติดเอดส์เพราะใช้เข็มที่สกปรก แต่คนที่ดูเป็นปัญหาของสังคมมากที่สุดเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ได้ติดเฮโรอีนมากกว่าคือBegbie ซึ่งมีความผิดปกติด้านบุคลิก(personality disorder)ก้าวร้าว(Aggressive) มากๆ หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว
เอาล่ะทีนี้มาดูกันอย่างละเอียดอีกทีดีกว่าว่าทำไมคนติดยาพวกนี้ถึงเลือกเฝ้าดูรถไฟต่อไป สาเหตุการติดสิ่งเสพย์ติดทั่วๆไปมีอยู่ 3 อย่าง
1.ชีวภาพ เช่น
- พันธุกรรม
- กระบวนการเคมีของระบบประสาท สิ่งเสพติดทำให้สมองคิดว่าต้องเสพย์อยู่ตลอดเพราะเป็นความต้องการที่จำเป็น เหมือนกับการหิวข้าว หิวน้ำ เซ็กซ์ เห็นได้ชัดในหนังว่าตัวละครเสพย์เฮโรอีนเกือบจะตลอดเวลาเลยทีเดียว
- บุคลิกภาพ เช่น ผู้ที่ต่อต้านสังคม(antisocial) ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ไม่ดี คนที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง(impulsive) หรือคนที่อยู่คนเดียวไม่ได้(dependency need) จะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดยา
2.สิ่งแวดล้อมเช่น กลุ่มเพื่อน เห็นชัดในหนังเรื่องการติดสิ่งเสพย์ติดของตัวละครหลักๆ (Renton,Sick boy,Spud,Tommy) มาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมคือ เพื่อนๆ แม้จะเลิกได้แล้วแต่หลังจากนั้นก็จะกลับมาติดอีกอยู่ดีหากเขายังอยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ เช่น Renton หนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ลอนดอนและเลิกยาได้สำเร็จแต่ภายหลังเพื่อนๆก็ตามมาพร้อมกับเฮโรอีน 2 กก. เพียงเท่านั้นเองเขาก็ต้องลงจากรถไฟอีกครั้ง(ฉากนี้รู้สึกสะใจมากๆ แบบแค่นั้นเองจริงๆ) และTommy หลังจากแฟนทิ้ง เศร้าสุดขีดและต้องการลบล้างความรู้สึก เพราะเคยรู้จากเพื่อนว่าเฮโรอีนทำให้มีความสุขขนาดไหนเขาจึงหันมาใช้ยา
นอกจากนั้นสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงปัญหาครอบครัว โรงเรียน ค่านิยม ฐานะด้วย
3.การเรียนรู้ ผลจากยาเสพย์ติดเช่น เคลิ้ม เห็นภาพในจินตนาการ ความสุขที่ได้จากการเสพย์ทำให้ผู้เสพย์ต้องการมีอาการอย่างนั้นอีกจึงต้องเสพย์ต่อไปเรื่อยๆ ตัวอย่างในหนังเช่น ตอนทารกตายทำให้ทุกคนหันกลับมาหาเฮโรอีนอีกเพื่อปลดปล่อยความทุกข์
การติดยาก็มี 2 ประเภทคือ ทางกายทำให้ระบบประสาทเปลี่ยนแปลง เกิดการดื้อยาและขาดยา ทำให้ต้องการยามากขึ้น และการติดยาทางใจคือความอยาก กระหาย แสวงหายา ให้คุณทายดีกว่าว่าอาการติดยาทางไหนเป็นปัญหามากกว่ากัน? เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยก็น่าจะตอบถูก ใช่แล้ว…”จิตใจ”นั่นแหละทำให้พวกเขาเลือกที่จะนั่งอยู่ที่ชานชาลาอย่างนั้น
trainspotting ได้ตีแผ่แง่มุมต่างๆเกี่ยวกับสิ่งเสพติดได้อย่างหลากหลาย ตรงประเด็นและชัดเจน ตัวละครในเรื่องนี้เป็นเช่นเดียวกับผู้ติดสิ่งเสพย์ติดที่เป็นปัญหาสังคมในปัจจุบันจริงๆ พวกเขานั่งมองรถไฟขบวนแล้วขบวนเล่าที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปตลอดวัน ทั้งๆที่รถไฟพร้อมต้อนรับผู้โดยสารเสมอ เข้าเทียบชานชาลาอยู่ตลอดเวลา พวกเขาสามารถจะขึ้นรถไฟเมื่อใดก็ได้ หากเพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะขึ้นรถไฟเท่านั้นเอง ว่าแต่ว่า……เมื่อไหร่ล่ะ?
By TenTen ^_^
ten_ten_kid@yahoo.com




Create Date : 25 พฤษภาคม 2549
Last Update : 29 พฤษภาคม 2549 15:27:45 น. 5 comments
Counter : 10530 Pageviews.

 
จัดหน้าให้อ่านง่ายกว่านี้หน่อยได้ปะคะ สงสารคนแก่หน่อยจิ

เอ่อ..จขบ.คนละคนกับคุณ tenz ใช่ปะคะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:48:30 น.  

 
ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกผมดูแล้วอึ้งมากเลยครับ เพราะผมดูแบ เสียงในฟิล์ม ไม่มี Subtitle เลยครับ ออกแนวเอ๋อ แต่พอมาดูแบบมี Sub แล้ว ยอมรับเลยครับว่าเท่ฆ์และเจ๋งมากๆ


ปล. ตอนที่ดูกับเพื่อนผู้หญิง พวกเธอกรี๊ดตอนที่ Ewan โชว์ล่อนจ้อนกันใหญ่เลยล่ะ แหะแหะ ว่างๆ แวะไปฟังเพลงที่บล็อกผมได้เสมอนะครับ ยินดีต้อนรับครับ


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:41:55 น.  

 
ชอบอ่ะเรื่องนี้ ทั้งตอนดูหนัง ทั้งตอนอ่านหนังสือ
ทั้งมัน ทั้งเมาไปกับเรื่อง
เข้าใจพวกนี้มากขึ้นมากๆ

ส่วนหนังชอบมากอ่ะครับ มันหลอนดีครับ

enjoy your day


โดย: Holden Caulfield วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:55:12 น.  

 
มันยังสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับ"คนชายขอบ" อิกด้วย
เพราะพวกเขาเป็นคนส่วนน้อยของสังคม


โดย: TU120 IP: 203.131.211.145 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:0:41:39 น.  

 
ดูเรื่องนี้แล้วมองตัวเองช่าง ตะเตือนใต


โดย: .. IP: 223.205.16.227 วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:15:39:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tentenz
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ เราชื่อเท็นนะคะ เข้ามาในบลอคนี้ก็อ่านกันสนุกๆ อ่านแล้วก็ช่วยคอมเมนต์ด้วยแล้วกัน
ไม่ค่อยได้อัพ แต่จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ
Friends' blogs
[Add tentenz's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.