Tempurachan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







เพื่อนสาวสวยชาวไต้หวันที่เคยเรียนคลาสเดียวกัน
มาสารภาพหลังจากรู้จักกันมาเป็นปีๆ ว่า

ช่วงที่เค้ายังจำชื่อเราไม่ค่อยได้
(ชื่อเราอ่านเป็นสำเนียงญี่ปุ่นว่า "ทิ ปุ สึ ดา")
เวลาจะพูดชื่อเรา เค้าจะตั้งต้นคิดในใจ...

"...เทม ปุ ระ…เทมปุระ ซัง…ทิปุสึดาซัง"

เราชอบไอเดียนี้มากมาย
จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ...Tempurachan...




Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Tempurachan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
ฮอกไกโด Biei - Furano (2/4)

ออกจาก Asahiyama Zoo ด้วยความเสียดายที่มีเวลาจำกัด ไม่สามารถต่อคิวเพื่อดูอะไรทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ นับว่าเป็นบทเรียน (ครั้งที่เท่าไหร่) สำหรับการเที่ยวในช่วง Golden Week

จำได้ว่า Golden Week ปีก่อน เราตั้งใจจะไป Kamogawa Seaworld ออกจากบ้านตั้งแต่เก้าโมงเช้า รถติดมากกก กระดึ้บๆ ได้ทีละนิด (เหมือนแบบกรุงเทพฯ สมัยสิบกว่าปีก่อน) กว่าจะไปถึงก็บ่ายสามโมง เลยตัดสินใจไม่เข้า (เพราะเข้าไปก็ไม่คุ้ม) เลยไปแวะเที่ยวชายหาดนิดหน่อยแล้วกลับมากินข้าว ตัวเราไม่เท่าไหร่แต่รู้สึกผิดที่ชวนน้องๆ แวน ช้าง เป้ มานั่งเบียดกันในรถตั้งหลายชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้เที่ยวตามที่ตั้งใจไว้

ปีก่อนนู้น ช่วงเวลาเดิมของปี เราไปเที่ยว Fujikyu Highland ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่ที่นั้นค่อนวัน ได้เล่นเครื่องเล่นไม่ถึงห้าอย่าง เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการต่อคิว ที่ผิดหวังที่สุดก็คือไม่ได้เข้าบ้านผีสิง (อันที่จริงเป็นโรงพยาบาล) ที่ว่ากันว่าน่ากลัวที่สุด เลยมีคนรอคิวอยู่เยอะมาก ป้ายบอกว่ารอประมาณ 3 ชั่วโมง เราจึงตัดสินใจไม่รอ

แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าการเที่ยวในช่วง Golden Week จะเป็นเรื่องต้องห้ามไปซะหมด เราเชื่อว่าถ้าเลือกที่เที่ยวที่เป็นสถานที่เปิด แนวๆ Minato Mirai หรือพวก Odaiba หรือจะเป็นเดิน Omotesando ก็น่าจะเข้าท่า สถานที่แบบนี้น่าจะมี Event หรืออาจจะเซลล์กระหน่ำมากกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ทั่วไป

นี่แค่คิดเอาเอง ว่าสถานที่แบบนี้น่าจะเวิร์คน่ะ ใครมีไอเดียดีๆ เรื่องที่เที่ยวช่วง Golden Week ก็แนะนำมาด้วยนะคะ

กลับมาที่ทริปฮอกไกโด จุดหมายต่อไปก็คือ Biei (อ่านว่า บิเอ) แล้วเราก็ได้ใช้ Navigator อีกครั้ง (แล้วก็จะใช้ไปตลอดทริป)

หน้าตาของ Navigator


วิธีการใช้เจ้าเครื่องนี่ก็ง่ายมากเลยค่ะ (ถ้าเข้าใจภาษาญี่ปุ่น) เราแค่ใส่ชื่อ หรือที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่เราจะไป เครื่องก็จะบอกระยะทาง เวลา ค่าใช้จ่าย (กรณีมีขึ้นทางด่วน) มาให้เสร็จสรรพ เราก็เลือกว่าเราจะไปเส้นทางไหน เครื่องก็จะคอยส่งเสียงแอ๊บแบ๊วแนะนำเส้นทางไปจนกระทั่งถึงที่หมาย เช่นว่า “อีก 50 เมตร กรุณาเลี้ยวซ้าย”…“อีก 20 เมตร กรุณาเลี้ยวซ้าย”…“อีก 10 เมตร กรุณาเลี้ยวซ้าย”… แล้วถ้าเรายังดึงดันที่ไม่เลี้ยวแต่ขับตรงผ่านแยกนั้นไป เครื่องก็จะบอกด้วยน้ำเสียง(ที่รู้สึกว่า)โกรธๆ ว่า “แยกหน้า กรุณาเลี้ยวซ้าย”…
อ้อ นอกจากนี้ Navigator ยังสามารถบอกตำแหน่งของร้านอาหารและห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดด้วยนะคะ นับว่าสะดวกมาก สำหรับนักท่องเที่ยว

เมื่อวกเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ก็อยากจะแนะนำร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากสถานี Biei เท่าไหร่ มีหลายๆ ร้านให้เลือก ในอาคารเดียวกัน จากข้อมูลในหนังสือนำเที่ยวดูเหมือนจะมีที่พักด้วย ในตอนแรกเราอิดออดอยากเข้าร้านราเมง แต่คุณอ้วนบอกว่าแถบนี้เป็นแหล่งมันฝรั่ง นม เนย จึงควรจะกินอาหารฝรั่ง ส่วนราเมงนั้น เอาไว้ไปกินในตัวเมืองซัปโปโร เราก็เลยเถียงไม่ออก

บรรยากาศภายนอก


ร้านชื่อ PUU ค่ะ พอได้เข้ามาข้างในก็รู้สึกได้บรรยากาศมากๆ เลย เพราะฮอกไกโดนั้นเป็นจังหวัดเหนือสุดของญี่ปุ่นที่ดูไม่เหมือนญี่ปุ่นเท่าไหร่ ทั้งรูปแบบอาคารบ้านเรือนที่แตกต่างไปจากบ้านทรงญี่ปุ่นทั่วๆไป ทั้งยังมีพื้นที่กว้างๆ โล่งๆ ที่หาได้ยากยิ่งในญี่ปุ่น แถมยังมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี (แม้แต่กระทั่งช่วงใบไม้ผลิอย่างนี้) พอมาเจอร้านอาหารตกแต่งแบบนี้ ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนมาเที่ยวต่างประเทศเลยล่ะ

ร้านน่ารักมากๆ มีเตาเผาพิซซ่าด้วย


มุมขายของที่ระลึก ส่วนใหญ่จะเป็นของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ที่ทำจากไม้ แล้วก็ของกินพวกนมเนยค่ะ


อ่านเมนูไปมา ก็เลยสั่งนี่เลย กราแตงมันฝรั่ง ส่วนคุณอ้วนสั่งข้าวแกงกะหรี่ใส่ชีส (แหยะ) ต้องรอนานเพราะลูกค้าค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ห่วงเพราะมั่นใจว่าจะได้รับการบริการตามลำดับแน่นอน

สมกับที่รอคอย ฮ่าฮ่าฮ่า ลืมซัปโปโรราเมงไปชั่วขณะ


ของคุณอ้วนก็ดูน่ากินเหมือนกันนะเนี่ย


เมื่อท้องอิ่มแล้วเราก็เดินทางกันต่อ แวะนิดนึงที่สถานีรถไฟบิเอ เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ดูโรแมนติกดี ที่น่าสนใจก็คือ ทุกอาคารแถวนั้นมีตัวเลขปีที่สร้างอาคารเขียนไว้ด้วยค่ะ

สถานีรถไฟบิเอ เห็นตัวเลขที่อาคารมั้ยคะ


ออกจากสถานีบิเอแล้วก็ไปที่ Pension Ken & Mary เอ่อ ถึงตรงนี้อยากจะสารภาพว่าง่วงมากๆ แบบว่าร่างกายกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อย่อยเจ้ากราแตงชามเบ้อเร่ออันนั้น แล้วไหนจะฮีทเตอร์อุ่นๆ ในรถ เราสลึมสลือไปตลอดทาง จำได้แค่ผ่านทุ่งกว้างๆ (แต่ไม่เขียวเหมือนในรูปที่เคยเห็น) ทางก็ลัดเลาะไปตามเนินเขาหลายลูก แล้วก็ถึง Pension Ken & Mary ลงไปถ่ายรูปนิดหน่อย

ถ้าจะถามว่า Pension Ken & Mary เป็นสถานที่สำคัญอย่างไร เราก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ นัยว่าเป็นที่พัก เป็นร้านดื่มกาแฟที่มีวิวสวยมากๆ เป็นโลเคชั่นถ่ายโฆษณาเยอะแยะ มีรูปจาก Pension Ken & Mary ให้ดู สวยเวอร์

ถ้าเที่ยวช่วงกลางเดือนมิถุนายน วันที่ฟ้าเป็นใจ ก็จะได้รูปแบบนี้


แต่เนื่องจากเราไปช่วงต้นพฤษภา ซึ่งทุ่งหญ้าก็ยังไม่สวย ดอกไม้ก็ยังไม่มี บวกกับฟ้าอึมครึม บวกกับกล้องราคาถูก บวกกับคนถ่ายก็ง่วง (วู้ย ข้ออ้างเยอะจริง) ก็เลยได้ภาพออกมาอย่างนี้ค่ะ

ก็ท้องฟ้ามันสีอ่อนน่ะ


ต้นไม้โดดเดี่ยว ท้องทุ่งที่ยังไม่เขียวทั่วดี


ออกจาก Pension Ken & Mary ก็ไปแวะที่ต้นไม้ Mild Seven ค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือเป็นบริเวณที่ใช้ถ่ายทำโฆษณาบุหรี่ Mild Seven แต่เราก็ไม่เคยดูโฆษณานี้ (เพราะนานมากแล้ว) จึงไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ผ่านค่ะผ่าน

คืนนี้เราจะพักที่ Furano Prince Hotel ค่ะ ระหว่างทางไป Furano เราแวะที่ Tomita Farm ซึ่งถ้าเที่ยวช่วงประมาณเดือนกรกฏาคม จะเต็มไปด้วยดอกไม้เลยค่ะ ลองเข้าไปดูได้ที่ Tomita Farm

แต่เนื่องจากเรามาเร็วเกินไป น่าเศร้าจริงๆ แต่ไม่เป็นไร อาหารตาไม่มีก็เอ็นจอยอาหารปากดีกว่า งั่มมม

ไอสกรีมลาเวนเดอร์และบริเวณ Tomita Farm


เราถึงโรงแรมประมาณเกือบๆ หกโมงเย็น ด้วยความเหนื่อยและเพลียมากๆ เผลอหลับไปจนทุ่มกว่า ถึงได้ออกไปสำรวจรอบๆ โรงแรม โชคดีมากในความมืดก็มีแสงวับแวมของกลุ่มร้านขายของที่ระลึก มีเป็นสิบร้านเลย แต่ละร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ (หรือเราคงจะชอบแนวนี้ แบบว่าเป็นกระท่อมซุงๆ) เดินเข้าทุกร้าน แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลยอ้ะ ก็มันแพง

ไม่ซื้อของแล้วยังแอบถ่ายรูปมาอีก


ปิดท้ายด้วยอาหารเย็นที่ Family Restaurant ในตัวเมือง (ต้องขับรถลงจากโรงแรมบนเขา) กิน กิน กิน แล้วก็กลับไปนอนเอาแรง เตรียมพร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้น

ข้าวหน้าปลาดิบ






Create Date : 21 มกราคม 2551
Last Update : 10 มีนาคม 2551 20:18:15 น. 0 comments
Counter : 3780 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.