นี่เราต้องหางานใหม่อีกแล้วเหรอ เฮ่อ
ไม่ได้เขียนบล็อกตั้งนาน ที่ตั้งใจว่าจะอัพอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งก็ทำไม่ได้
งานที่ดูเหมือนจะเริ่มเข้าที่แล้ว ก็ไม่วายมีเรื่องเข้ามาอีก เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับทีมของเรา นั่นก็คือ
แต่น แต็น แต๊น
ยุบทีม
ตกงานแล้ว!
เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ทีมของเราทั้งทีมโดนเรียกให้เข้าประชุม ซึ่งก็ตะหงิดๆ ว่าต้องเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรแน่ๆ เพราะบริษัทเพิ่งจะผ่านการควบกิจการ น่าจะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดขอบเขตของการทำงาน แต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นยุบแผนกนะเนี่ย
อืม เป็นการแจ้งข่าวร้ายผ่าน Video Conference ที่เยี่ยมมาก ภาพและเสียงชัดแจ๋วจริงๆ สำหรับเราแล้วก็ไม่ถึงขั้นช็อกหรอก เพราะเราก็เป็นแค่ contractor คิดซะว่าเค้าไม่ต่อสัญญา เราก็ต้องไปอยู่ดี (ถึงจะเคยหวังไว้ว่า อยากจะเกษียณที่บริษัทนี้ แต่แน่นอนต้องไม่ใช่ที่สิงคโปร์ opps!)
แต่สำหรับคนที่เค้าเป็นพนักงานประจำแล้วแล้วต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ ก็แย่เหมือนกันนะ บางคนทำที่นี่มาเกือบสิบปี ถึงบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้ แต่มันไม่คุ้มที่จะไปเริ่มต้นกับงานใหม่ บริษัทใหม่ โดยเฉพาะทีมนี้ เราแน่ใจว่าทุกคนแฮปปี้กับงานและเพื่อนร่วมงานมาก ตรงนี้แหละที่เราเสียดายที่สุด
หลังจากประชุมเสร็จ เราก็รู้สึกว่าทีมเราดูเงียบๆ ซึมๆ (ปกติก็ไม่ส่งเสียงนะ เน้นแชท แล้วก็เมลจิกกัดกันไปกันมา) คงกำลังงงอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไป หลายคนถือ Employment Pass ซึ่งถ้าหางานใหม่ไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่นะ
ขณะที่เรากำลังเศร้าอยู่ เราก็ได้รับเมลคอมเมนท์งานจากเบคกี้ (ต่อไปจะเรียกว่าเจ๊แม่) ซึ่งเป็น editor มีหน้าที่ตรวจงานของเรา เรื่องมีอยู่ว่าก่อนเข้าประชุม เราเขียนข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้บริหาร ซึ่งเราไม่เคยทำมาก่อน คิดอยู่หลายตลบ จะเขียนหัวข้อว่า "แชร์แมนตาย แล้ว" มันก็ดูห้วนๆ ไปก็เลยเขียนว่า "Company XXX announces peacefully passing away of chairman"
เจ๊แม่คงได้อ่านแล้ว ก็เลยส่งเมลสั้นๆ มาว่า "ฉันดีใจที่รู้ว่าเค้าจากไปด้วยดี แต่ลูกค้าของเราไม่จำเป็นต้องรู้ ฉะนั้นไม่ต้องระบุว่าเค้าตายอย่างสงบหรือตายอย่างทุกข์ทรมาน โอเค้"
ด้วยความที่เราจะเป็นคนเส้นตื้นอยู่แล้ว บวกกับสติแตกนิดหน่อยด้วยมั้ง พอเราอ่านเมลนี้จบเราก็อยากจะหัวเราะมากๆ เลย แต่ก็ต้องกลั้นไว้เพราะสถานการณ์กำลังตึงเครียด ถ้าหัวเราะออกมาจะผิดกาลเทศะเป็นอย่างมาก
แล้วยิ่งกลั้นหัวเราะมันก็ยิ่งจะขำ รู้สึกทรมานมาก พยายามคิดถึงเรื่องเศร้าๆ (ตกงาน ยังไม่เศร้าพอ?) ยังไงก็ไม่ได้อ้ะ เลยรีบวิ่งไปขำในห้องน้ำ (คนอื่นอาจจะคิดว่าท้องเสีย)
จนถึงวันนี้ นึกถึงเมลนี้ทีไรก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เจ๊แม่นะเจ๊แม่
แต่ความซึมเศร้าก็ปกคลุมทีมเราได้ไม่นานหรอก วันต่อมาก็ยกทีมไปนั่งกินข้าวกลางวันกัน บรรยากาศก็กลับมาเฮฮาเหมือนเดิมเพียงแต่มุขก็จะวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกยุบแผนกนั่นแล
ยังคุยกันว่าจะลงขันกันซื้อนาฬิกาแบบเคาท์ดาวน์มาติดในออฟฟิส จะได้รู้ว่าเหลืออีกชั่วโมง กี่นาที ก่อนที่จะต้องบ๊ายบายกันไป
ถึงตอนนี้ก็สรุปว่าพวกเราจะทำงานกันไปจนถึงสิ้นปี หลังจากนั้นงานของเราก็จะถูกโอนไปให้ศูนย์อื่นทำ ที่ไหนซักแห่งในเอเชียนี่แหละ (แล้วทำไมไม่ใช่ที่นี่ฟะ) ระหว่างนี้ถ้าใครสนใจงานตำแหน่งอื่นในบริษัทก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าย้ายไปทำได้ชัวร์หรอกนะ
เมื่อวานนี้ เจ๊แม่คนเดิมอีกนั่นแหละที่บอกให้เราดูตำแหน่งงานในญี่ปุ่น เพราะคิดว่าเราน่าจะทำได้ ดูเสร็จแล้วก็อยากจะกรี๊ด เพิ่งรู้ว่าออฟฟิสที่ญี่ปุ่นอยู่ใกล้ที่ดินมรดกพันล้านของคุณอ้วนมาก ถ้าได้ย้ายไปทำงานแถวนั้นจริงๆ ก็จะไม่คัดค้านเรื่องปลูกบ้านตรงนั้นอีกต่อไป
เสียดายจังเน้อ อยากย้ายแต่ยังไงก็กลับตอนนี้ไม่ได้ แง๊ ไม่รู้ซะก็ดีหรอก เจ๊แม่นะเจ๊แม่ มาบอกเราทำไมเนี่ย
Create Date : 13 กันยายน 2551 |
|
18 comments |
Last Update : 13 กันยายน 2551 16:54:38 น. |
Counter : 539 Pageviews. |
|
|
|