ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย ตอนที่ 5 เคล็ดลับเอาตัวรอดเวลาต้องคุยกะฝรั่ง

ก็อย่างที่ทราบๆกันนะครับคนไทยอย่างเรามีเลือดไทยเข้มข้น เลยไม่แปลกเลยที่ภาษาอังกิดจะอ่อนแอ ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งแหละ กว่าจะมาหัดพูดอังกิดเป็นเรื้องเป็นราวก็ปาเข้าไปเกือบสามสิบ อาศัยว่าอยู่เมืองนอกมาหลายปีก็เลยกล้อมแกล้มเอาตัวรอดมาได้ แถมมีกลเม็ดเคล็ดลับมาเล่าสู่กันฟังนิดหน่อย ก่อนอื่นต้องบอกว่าเคล็ดลับที่เล่าให้ฟังเนี่ยนะเหมาะกะผู้ที่พื้นฐานภาษาอังกิดบ้างนะครับแบบว่าพอกระดิกได้นิดหน่อย และก็เหมาะกับผู้ที่ต้องพบปะกะฝรั่งเป็นครั้งคราวคือแบบว่าเป็นเคล็ดลับเอาตัวรอดแบบแถไถเป็นครั้งๆไป คือแบบว่าเจอฝรั่งก็ไม่ถึงกับต้องวิ่งหนี แถมห้าวหาญเข้าไปปะฝีปากโชว์ฟอร์มนิดหน่อย แต่สำหรับคนที่มีคนใกล้ตัวเป็นฝรั่งเนี่ยก็ตัวใครตัวมันหละครับ..... ขออนุญาตว่า เป็นข้อๆไปแล้วกันนะครับ

......หนี่ง....อื่มว่าไปเลี่ยงได้ก็เลี่ยงอย่าไปยุ่งกะเค้าเลยฝรั่งเนี่ย.....ข้ามไปเลยแล้วกันครับข้อนี้ ผมว่าเคล็ดลับนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว

....สอง.....ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ......คือแบบว่าลงมือเรื่มบทสนทนาก่อน แล้วพยามเป็นผู้นำบทสนทนานั้นไปในเรื่องที่เรามีความรู้ พูดง่ายๆคือชิงลงมือก่อนนั่นเอง แบบว่าแม้ภาษาจะอ่อนแอ แต่ถ้าคุยกันในเรื่องเรามีความรู้อยู่ อย่างน้อยก็แถไถไปได้ง่ายกว่า

....สาม...ถามตัดช่องน้อย......หมั่นยิงคำถามครับ เค้าจะได้พูดเยอะๆ ในทางตรงข้ามเราจะได้ไม่ต้องพูดมาก แบบว่าพอเค้าตอบมาก็รีบยิงคำถามไปอีกครับ อย่าปล่อยให้มันมีโอกาสถามเรากลับได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วฝรั่งเนี่ยเค้าจะช่างเจรจา ถามไปเหอะพี่แกพูดไปเรื่อยแหละ แบบนี้เราก็ซื้อเวลาไปได้อีกนิดหน่อย

....สี่...อย่าแถอย่าอาย.....คือถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็อย่าอายที่จะบอกเค้าว่าเราไม่รู้เรื่อง จะให้ดีต้องบอกให้เค้าพูดช้าๆด้วยเราจะได้เข้าใจ อย่าอายครับ ผมว่าแบบนี้แม้จะทำให้การสนทนาติดขัดนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าแถไปแล้วสุดท้ายคุยกันคนละเรื่องนะ ถ้าแถแบบนี้วงแตกครับ

....ห้า...เสียงดังฟังชัดครับ....สำเนียงไม่ดีก็ไม่เป็นรัย ขอให้พูดดังๆ เป็นคำๆหลุดออกมา อย่างน้อยก็ยังพอเดาได้ครับว่าพยายามจะพูดอะไร แบบว่าถ้าพูดไม่ชัดแถมปิด volume ด้วยก็จบเห่ครับไม่มีทางรู้เรื่องกันแน่

...หก..ชิ่ง.....อย่าคุยนานครับ หาจังหวะชิ่งด้วย ยิ่งคุยนานเค้าจะยิ่งรู้ความจริงว่าเราภาษาอังกิดอ่อนแอ เอาแค่พอแบบได้แอ๊คๆ นิดหน่อยพองามให้เพื่อนๆอิจฉาเล่นๆ

ที่เขียนมาเนี่ยก็ไม่ได้มีเจตนาจะสอนอะไรหรอกนะครับ แบบว่าเล่าสู่กันฟังมากกว่า แล้วหกข้อนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ ใครเห็นว่าเป็นประโยชน์จะเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากันครับ

Create Date : 18 ตุลาคม 2552 Last Update : 18 ตุลาคม 2552 12:34:31 น. Counter : 736 Pageviews.		7 comments
Share Tweet