ผมเชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 

เริ่มต้นวิกฤตวันสิ้นสุดยุคน้ำมัน




ถวิล นันทธีโร

วิกฤตน้ำมันในขณะนี้ และกำลังจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากวิกฤตปี 1970 โดยสิ้นเชิง เพราะครั้งนั้นมีน้ำมัน แต่ขุดเจาะไม่ทันโรงกลั่นไม่เพียงพอ สามารถแก้ไขได้ แต่วิกฤตครั้งนี้แก้ยาก เพราะน้ำมันทั้งโลกกำลังจะหมด และวันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการสิ้นสุดยุค “อุตสาหกรรมรุ่งเรื่อง” (Industrial Civilization) เท่านั้น ยังมีความเจ็บปวดที่จะตามมาอีกมากมาย ใครที่รู้ตัวและเตรียมพร้อม ก็ยังพอมีเวลาที่จะสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ได้



น้ำมันที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เกิดจากฟอสซิลที่ทับถมอยู่ใต้พื้นโลกเป็นเวลา 50-300 ล้านปี มนุษย์ค้นพบและนำมาใช้ประมาณ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเรามาถึงครึ่งทางของยุคน้ำมันหรือยุครุ่งเรืองทางด้านอุตสาหกรรมแล้ว แต่ทุกวันนี้ทั่วโลกใช้น้ำมันวันละ 85 ล้านบาเรล หรือ 40,000 แกลลอน/วินาที และความต้องการโตไม่หยุด จีนและอินเดียใช้เพิ่ม 6% ทุกปี สหรัฐอเมริกาเพิ่ม 3% รวมทั้งโลกเพิ่ม 2% ต่อปีทุกปี ในขณะที่กำลังการผลิตกำลังอยู่ในช่วงขาลง 33 ประเทศใน 48 ประเทศ ของผู้ผลิตรายใหญ่ กำลังการผลิตกำลังลดลง



ถึงแม้ว่าวันนี้กำลังการผลิตยังลดลงไม่มากนัก แต่มันสวนทางกับความต้องการ ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นตลอดเวลา และจะสูงขึ้นไปไม่หยุดหย่อนจนกว่าการใช้น้ำมันจะลดลงบ้าง สุดท้ายแล้วน้ำมันก็ต้องลดลงอย่างถาวร และหมดไปในที่สุด อาจจะกินเวลา 40 ถึง 100 ปี แต่ความเจ็บปวดคือในช่วงแรกๆที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นทุกวันจนคนทั่วไปไม่มีปัญญาใช้ น้ำมันอาจจะไม่แพงไปกว่านั้น และมีใช้ไปอีกนานพอสมควร แต่หายาก และมีใช้เฉพาะประเทศที่ร่ำรวยเท่านั้น



ปัจจุบันน้ำมันสำรองที่สำรวจพบแล้วและกำลังขุดเจาะมีทั้งสิ้น 1,295 billion barre (1,295,000,000,000 บาเรล ) อาจจะมีมากกว่านี้แต่ไม่ใช่แหล่งใหญ่ๆ หรือไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เพราะอาจจะอยู่ในหิน ในดิน หรือใต้มหาสมุทรที่ต้องนำมาอัด มากลั่น เช่น 1 ตันอาจจะผลิตน้ำมันได้ 1 ลิตร ซึ่งไม่คุ้ม ประเทศที่มีมากที่สุดคือ Saudi 266 Billion Barrel รองลงมาได้แก่ แคนาดา อิรัค อิหร่าน คูเวต ฯลฯ สหรัฐอเมริกามีน้ำมันสำรองเหลือแค่ 21 Billion Barrel เพราะเลยจุดสูงสุดของการผลิตตั้งแต่ปี 1970 ปัจจุบันเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก รัสเซียมี 60 bbl จีนมี 18 bbl อินโดนีเซียมี 4 bbl มาเลเซียมี 3 bbl ไทยมี 0.29 bbl



ถ้าสมมุติว่าทั้งโลกใช้น้ำมันในอัตราการใช้ปัจจุบันนี้ตลอดไป จะมีน้ำมันใช้ได้เพียง 15,235 วัน หรือ 41 ปี เท่านั้น น้ำมันก็หมดไปจากโลกนี้ น้ำมันจะแพงและแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกประเทศกำลังมองหาพลังงานทดแทน เช่น เดนมาร์ค เนเธอร์แลน ใช้พลังลมปั่นไฟฟ้า 20% ฝรั่งเศสและหลายประเทศก็เน้นสร้างโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ แต่การก่อสร้างแต่ละโรงใช้เวลา 10 ปี แร่ยูเรเนียมซึ่งเป็นแหล่งพลังงานก็ราคาแพง และกำลังจะหมดเช่นกัน ถ้าใช้เพิ่มขึ้น 8% ทุกปี จะหมดในปี 2025 และถ้าจะชดเชยให้ทันกับน้ำมันที่กำลังร่อยหรอลง จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ชดเชยสัปดาห์ละ 1 โรง จึงจะทันกับความต้องการของทั้งโลก



หุ้นบริษัทน้ำมันจะกระทบอย่างหนัก แต่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นยอมรับไม่ได้ถ้าหุ้นตกหนัก บริษัทน้ำมันจึงต้องซื้อหุ้นของตัวเองพยุงราคาเอาไว้ เช่น Chevron ถ้าซื้อหุ้นอย่างนี้ไปเรื่อยก็จะเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน 10 ปี ข้างหน้า เช่นเดียวกับ Exxon ถ้าซื้อหุ้นตัวเอง 30 Billion. $ ทุกปีก็จะซื้อหุ้นคืนหมดในปี 2024โรงกลั่นใหม่ๆไม่สร้างเพิ่ม ไม่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม กว่า 30 ปีแล้วที่ไม่มีโรงกลั่นใหม่ๆเกิดขึ้น เพราะบริษัทน้ำมันเขารู้ดีว่าน้ำมันมีแต่ลดลง ไม่มีเพิ่ม สร้างไปก็ไม่คุ้ม แต่ที่เขากลัวมากที่สุดคือการตื่นตระหนก เพราะถ้าหุ้นพังก็หมายถึงความมั่งคั่งของนักลงทุนหายไป

คนส่วนมากก็ไม่ค่อยตระหนักหรือสนใจ เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็แก้ได้ เดี๋ยวก็ใช้อย่างอื่นมาทดแทนได้ และคิดว่าเป็นเพราะกองทุนเล่นเก็งกำไรชั่วคราวเท่านั้น คนในวงการเงิน การธนาคาร ก็ไม่มีใครออกมาเตือนอะไรมากนักเพราะถ้าพูดไป ก็หมายถึงใกล้ถึงวาระสิ้นสุดของยุคเศรษฐกิจ หยุดกระแสการลงทุน เพราะผู้ที่อยู่ในวงการหุ้น คือเจ้าของบริษัท ข่าวความจริงจะกระทบถึงเงินในกระเป๋าของเขาโดยตรง เขาจึงกลัวไม่อยากให้มีการพูดถึงวิกฤตน้ำมัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนรับรู้ความจริง จะเกิด Panic ทั้งตลาดเงินและตลาดทุน ธุรกิจทุกชนิดจะกระทบหนัก สื่อใหญ่ ๆ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมามากมาย



ธุรกิจการบินจะกระทบอย่างรุ่นแรง ธุรกิจการบินมีมูลค่า 400 Billion.$ หรือเท่ากับ 9% ของ GDP โลก จะส่งผลกระทบต่อเนื่องมากมาย ธุรกิจการบินจะหมดอนาคต การขนส่งทางอากาศจบ ทุกสายการบินขาดทุน สายการบินราคาถูกจะไม่มีให้เห็น เครื่องบิน Jet มีไว้สำหรับคนรวยหรือคนสำคัญ เท่านั้น ต่อไปอาจจะสามารถใช้ไบโอดีเซลกับเครื่อง Boeing 747 ได้แต่เครื่องบินกินน้ำมันมาก จะต้องใช้พื้นที่ปลูกพืชสำหรับผลิตไบโอดีเซลเท่ากับประเทศฝรั่งเศส ทั้งประเทศ จึงจะเพียงพอสำหรับเครื่อง 1 ลำ เครื่องบิน Boeing 747 บิน 10 ก.ม. กินน้ำมัน 36,000 แกลลอน หรือ 150 ตัน หรือปีละประมาณ 54,000 ตัน/ลำ ในขณะที่การผลิต Biofuel ของทั้งโลกมี 5-6 ล้านตันในปี 06 ถ้าสามารถใช้ได้กับเครื่องบินก็เพียงแค่ใช้กับ 747 ได้ 74 ลำเท่านั้น


ปัจจุบันพลังลม ทั้งโลกผลิตไฟฟ้าได้ 100,000 Megawatt เพียงพอสำหรับคน 150 ล้านคน เยอรมันสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 7% สเปนผลิตไฟฟ้าได้ 10%



โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ผลิตไฟได้ 16% ของการใช้ไฟทั้งโลกในปัจจุบัน ประเทศลิโทเนียใช้ 86% ฝรั่งเศส 78% เกาหลีใต้ 40% ญี่ปุ่น 25% เยอรมันนี 28% UK 23% เบลเยี่ยม 55% อเมริกาใช้ถ่านหินเป็นแหล่งไฟฟ้า 50% นิวเคลียร์ 20% แก๊ชธรรมชาติ 18% น้ำมัน 3% และพลังน้ำ 8%


ปี 2010 ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นสูงมาก น้ำสะอาดมีไม่เพียงพอเพียงพอ อาหารไม่พอบริโภค เสื้อผ้าไม่พอใช้ คาดการยากมากเพราะไม่มีใครเคยเจอ และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะเราเคยมีมันเหลือเฟือ อยู่ๆก็หมดไปแบบคาดไม่ถึง พลังงานทดแทนอื่นๆ ก็ยังไม่เพียงพอ และเตรียมตัวไม่ทัน เพราะทุกคนรอแต่น้ำมัน การขนส่งจะกระทบอย่างหนักที่สุด เศรษฐกิจทั่วโลกจะดิ่งหัวทุกภาคส่วน น้ำมันไม่พอให้ภาคขนส่งและอุตสาหกรรม การค้าทั้งโลกจะทรุดหนัก

อาหารจะขาดแคลนทั่วโลกเพราะส่วนหนึ่งนำไปผลิตเป็น Biofuel ทรัพยากรต่างๆ ร่อยหรอ ธุรกิจทุกชนิดลดขนาด และปิดกิจการ ปลดคนงาน ปัญหาคนว่างงานเกิดขึ้นตามมา โจรผู้ร้ายชุกชุม ปล้นจี้เพราะไม่มีกิน ปัญหาสังคม ก่อการร้ายเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า และในที่สุดเกิดสงครามแย่งชิงน้ำมันกันทั่วโลก คนทั้งโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ต้องเข้าแถวเติมน้ำมันรถยนต์ จนในที่สุดน้ำมันจะไม่พอใช้สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล เพราะรัฐบาลต้องนำไปใช้กับกิจการสาธารณูปโภค เช่น รถไฟ รถเมล์ ระบบขนส่งมวลชน ระบบขนส่งสินค้า น้ำประปา นี่ไม่ใช่เรื่องพูดเกินความจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะมีมากกว่านี้ มันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ และรุนแรงกว่าที่ทุกคนคาดคิด

ถ้าน้ำมันดิบราคา 200 $/barrel บริษัทจะทะยอยปิดกิจการ ล้มละลาย ลอยแพคนงาน ถ้า 300 $/barrel ทุกอย่างหยุดหมด โจรผู้ร้ายชุกชมเริ่มเข้าสู่ยุคมืด เพราะแทบทุกอย่างต้องพึ่งพาน้ำมัน ปิโตรเคมี พลาสติก ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย เคมีเกษตร อุปกรณ์การเกษตร เทลเลอร์ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เครื่องคิดเลข สี เครื่องสำอาง รองเท้า โทรศัพท์ หีบห่อ ของเล่น ฉนวน สารหล่อลื่น แว่นตา หมึก วิตามินบางชนิด ล้วนผลิตมาจากน้ำมันทั้งสิ้น

เราต้องเตรียมตัวรับมือตั้งแต่วันนี้ เริ่มนาทีนี้ ที่ตัวเราเอง ต้องมองไปข้างหน้า มองอนาคต ต้องประหยัด บริโภคน้อยลง เก็บออมมากขึ้น ต้องไม่สร้างหนี้ ทำตัวให้เป็นอิสรภาพไม่มีพันธะทางการเงิน ต่อไปจะเป็นสังคมกินอยู่พอเพียง ท้องถิ่น ชุมชน มีสหกรณ์ที่ร่วมสร้าง เครือข่าย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซื้อขายกันเองในท้องถิ่น ในหลวงพูดถูกที่สุด “พอเพียง” ”เศรษฐกิจพอเพียง”


แบ่งปันโดย บงกชธร เพ็ชรนิจินดา
สำนักพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2551
0 comments
Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 13:56:25 น.
Counter : 2629 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


x-files
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add x-files's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.